Comeback to me รุ่นน้องครับ รับพี่เถอะ
บทนำ
“ไอ้ชลันๆๆ มึงรีบไปส่งกูเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ย!” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาแต่ไกล ผมหันไปมองเจ้าตัวที่วิ่งหน้าตั้งมาทางผมที่กำลังนั่งคุยกับพี่น้ำหวานอยู่ที่โต๊ะใต้ตึกคณะอักษร
มันคือ ไอ้องศา เพื่อนแก๊งเดียวกับผมตั้งแต่สมัยมอต้น
“ฮ...เฮ้ย อะไรของมึงวะ” ผมโวยวายกลับ
ไอ้เชี่ยนี่มาถึงก็ฉุดผมซะเกือบตกเก้าอี้
หงายหลังขึ้นมา ขายหน้าพี่น้ำหวานเขานะโว้ยยย
“มึง กูขอร้อง รีบไปส่งกูก่อนเถอะ ไม่งั้นกูตายแน่ๆ” มันโวยวายต่อพร้อมกับพยายามฉุดกระชากลากผมให้ลุก
รีบร้อนแบบนี้มันน่าสงสัย
“ไอ้พี่ไรวินทร์ใช่ไหม มึงถึงต้องรีบขนาดนี้”
มันชะงัก ก่อนจะหน้าแดงขึ้นมา
แหม่ พูดถึงว่าที่แฟนไม่ได้เชียวนะเมิง
“เอ่อๆ เดี๋ยวกูไปส่งมึงก็ได้” ผมพูดจบ และมันก็เอามือมาฟาดผมที่ยิ้มแซวมัน ก่อนที่ผมจะหันไปบอกพี่น้ำหวานคนสวย “เดี๋ยวผมมานะครับ”
“จ้า รีบๆ มานะ” พี่น้ำหวานบอกพร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจมาให้ผม
เช้ดดดดดดดดดด
น่ารักอะไรเบอร์นี้
“เร็วๆ” ผมหุบยิ้มทันทีที่ไอ้องศาสะกิดเรียก
“เออๆ ใช้กูแล้วยังจะเร่งอีกนะ” ผมบ่นอุบก่อนจะเดินนำมันไปที่รถ
“สรุปว่ามึงกับพี่วินทร์นี่ ยังไงกันวะ” ผมแกล้งถาม เหลือบมองหน้าคนที่ตัวสูงกว่าผมนิดหน่อย นิดหน่อยจริงๆ นะ แค่สองสามเซ็นเองอ่ะ หลังจากพวกเราขึ้นรถและผมก็ขับออกมาจากคณะแล้วเรียบร้อย พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าใกล้มหาวิทยาลัยภัคนลินของผมตามคำบัญชาของคุณองศาเขาล่ะครับ
เพราะผมเป็นคนเดียวในกลุ่มที่มีรถยนต์ ส่วนไอ้ไนยชน (เพื่อนร่วมแก๊งของผมอีกคนหนึ่ง) ขับแต่มอเตอร์ไซต์ ขณะที่ไอ้คนข้างๆ ผมไม่มีรถ ด้วยความเป็นห่วงจากทางบ้าน มันเลยได้ไม่เคยได้แตะตำแหน่งคนขับเลยครับ
และถึงแม้ว่าพวกเราจะเรียนมอเดียวกัน แต่ก็คนละคณะนะครับ
ไอ้องศาเรียนเกษตร ไอ้หมาใน (ขอเรียกแบบนี้ละกันนะครับ มันชินปากไปแล้ว) เรียนวิศวะ ส่วนผมเรียนอักษร
“อะไร! ยังไงอะไรของมึง!” น้ำเสียงร้อนรน ดูมีพิรุธสุดๆ
ท่าทางเพื่อนผมจะตกหลุมรักศัตรูคู่แค้นเข้าแบบจังๆ จนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะ
แต่ติดที่ว่า ไอ้พี่ไรวินทร์อะไรนั่นจะใจตรงกันกับเพื่อนผมหรือเปล่าก็เท่านั้น
แอบตกใจเหมือนกันที่เพื่อนผมชอบผู้ชาย แต่ก็เข้าใจแหละครับ ความรักเป็นอะไรที่ไร้ข้อจำกัด และไม่ว่าเพื่อนผมจะเป็นอะไร ผมก็พร้อมที่จะอยู่ข้างมันเสมอ
“ก็ความสัมพันธ์ของมึงกับไอ้พี่วินทร์ไง สรุปว่ายังไงครับ”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละโว้ยยยยย” มันหันมาตะโกนใส่ จนผมต้องผงะถอยหนีจนหน้าเกือบจะชนกระจก
เหอะ ปากแข็งไปเถอะมึง
“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ เอาเป็นว่ามีอะไรให้ช่วย บอกกูก็แล้วกัน กูก็ช่วยมึงได้ทุกเรื่องอะแหละ” ผมว่าพร้อมกับยิ้ม “ยกเว้นดามใจตอนมึงอกหักอ่ะนะ ฮ่าๆ”
“ไอ้เชี่ยลัน!” และมันก็สบถด่าออกมาอีกสารพัด
จะว่าไป ไอ้องศาก็เหมือนผมอย่างหนึ่งนะ
ก็ตรงที่ชอบโวยวายเวลาคนอื่นพูดความจริงในสิ่งที่พยายามปฏิเสธ ผมเลยเข้าใจความรู้สึกมันดี เพราะผมเองก็เป็นแบบนั้นอยู่บ่อยๆ
“มึงจะให้กูมารับไหม” ผมถามหลังจากมองเห็นทางเข้าห้างข้างหน้า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูกลับเอง” มันว่าพร้อมกับเตรียมตัวลงจากรถ
“ลืมไป มึงมีคนไปส่งแล้วนี่” ผมแซวมันต่อและก็โดนฟาดแขนดังป๊าบ
“อย่าให้ถึงทีกูบ้างนะ” มันพูด เป็นจังหวะที่ผมเลี้ยวเข้าจอดที่ลานกว้างหน้าห้างพอดี มันเลยหันมาขอบคุณก่อนจะลงรถ
“อย่าปล้ำพี่เขานะเว้ย!”
“พ่อง” มันสวนกลับ แล้วปิดประตูรถผมดังปัง ผมหัวเราะ ขำกับท่าทางของมัน แล้วหันมาใส่เกียร์กะจะออกรถ แต่จู่ๆ ก็มีตัวอะไรไม่รู้พุ่งเข้ามาที่รถของผม
มันเปิดประตูและถือวิสาสะเข้ามานั่งในรถของผมเฉย
“เฮ้ย! มึงเป็นใครเนี่ย”
เชี่ย นี่ผมเจอพวกมิจฉาชีพเหรอ!!
“อย่าเพิ่งถาม ออกรถก่อน”
อ่าว ไอ้ห่าน “มึงนั่นแหละ ลงไป!!”
ผมตะคอกใส่ ก่อนสายตาจะหันไปไอ้กลุ่มเสื้อช้อปน้ำเงินวิ่งหน้าตั้งเข้ามาทางรถผม
เหี้ยยยยยยยยยยย
นี่พวกเมิงจะตีกันเหรอ ชิบหายแล้ว!!
“ออกรถๆๆ !!!” ไอ้คนข้างหลังหันมาสั่ง ไอ้ผมก็บ้าจี้รีบออกรถทันที
ไม่ใช่เพราะเสียงสั่งของคนข้างหลังนะครับ แต่เป็นเพราะอาวุธในมือของไอ้พวกนั้นต่างหาก ผมนี่ใจหล่นวูบ เหยียบคันเร่งจมมิด
ตายห่านแล้วๆๆ
นี่มันวันซวยอะไรของมึงวะ ไอ้ชลัน
“เฮ้ย พอๆ มันคงตามไม่ทันแล้ว” คนข้างหลังบอกพร้อมกับผ่อนลมหายใจ “ขอบใจมากนะที่ช่วย”
“อยากช่วยตายห่าล่ะ” ผมโวยวาย
“เออๆ จะยังไงก็ขอบใจมึงละกัน” และมันก็เงียบไป ผมเหลือบไปมองก็เห็นมันเอนหลังนอนหลับตาอย่างสบายใจเฉิบ ทั้งๆ ที่หน้ามีแต่แผลและรอยเลือดกลบผิวขาวๆ ของมันซะหมด แถมเสื้อนักศึกษายังขมุกขมัว แถมรอยเท้ามาอีกสองสามจุด
ชิบหาย อย่ามาตายบนรถกูนะเว้ย
“เดี๋ยวกูไปส่งมึงที่โรงพยาบาล” ผมว่า
ก็ผมไม่ใช่คนแร้งน้ำใจนี่ครับ
“น่ารักว่ะ”
“พ่อง!” ผมสวนกลับทันควัน น่ารักห่าอะไรล่ะ เอาซะขนลุก
“มีแฟนแล้วเหรอ มึงอ่ะ”
เหี้ยยยย ขนลุกคูณสอง
“ถามทำไม!” ผมเลี่ยงที่จะตอบ มองหาที่ข้างหน้าเผื่อเลี้ยวจอดและไสหัวมันให้ลงจากรถ
“ก็อยากจีบ”
เอี๊ยดดดดดดดดดดด
ผมเบรกรถกะทันหัน จนต้นเหตุที่ทำให้ผมตกใจหน้าทิ่มทันที
“ไอ้เหี้ย!!!” ผมหันไปตะโกนด่า “มึงลงจากรถกูไปเลย โรคจิตชิบหาย!!”
ผมว่ามันต้องรวมหัวกับไอ้พวกเสื้อช้อปเมื่อกี้แน่ๆ ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็ไม่ให้มันนั่งรถต่อแน่ๆ เกิดมันปล้ำผมขึ้นมาจะทำยังไงครับ จะทำยังไง!!
“กูไม่ลง” มันว่าพร้อมกับยักคิ้วแบบกวนๆ “ยังไม่ถึงโรง’บาลเลย”
หรือผมต้องโทรแจ้งโรงพยาบาลบ้าวะ!
“กูไม่ไปส่งมึงแล้ว มึงลงจากรถกูไปเลยนะเว้ย!!”
“ไม่”
ไอ้เหี้ยนี่!!
ผมโมโหเดือดดาล อีกใจหนึ่งก็กลัวชิบหาย ก่อนที่จะตัดสินปลดเข็มขัดนิรภัยและเปิดประตูลงจากรถ
มันไม่ยอมลง ผมเนี่ยแหละที่จะลากมันลงมา!!
ผมเดินไปเปิดประตูหลังและมุดเข้าไปในรถเพื่อลากคอมันออกมา ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่า การจะลากตัวมันออกมาจากรถได้จึงทุลักทุเล
ผมสู้แรงมันไม่ได้เลยสักนิด
“งลงมา!!!” ผมยังคงตะโกนพร้อมกับฉุดกระชากลากถูมันอยู่อย่างนั้น ขณะที่มันนั่งยิ้มอย่างถือชัยชนะ
“โอเคๆ กูลงก็ได้” มันว่าพร้อมกับหลุดขำออกมานิดหน่อย
แม่ง ขนลุก เพิ่งจะเคยเจอโรคจิตของจริงก็คราวนี้ แต่ก็ดีที่มันยอมแพ้ เพราะผมก็ออกแรงจนเหงื่อซกเนี่ย
ผมมุดออกมาและถอยห่างออกจากรถ ยืนมองดูมันกระเถิบออกมาอย่างว่าง่าย
“ยอมแพ้แล้วครับ” มันทำเสียงหวานพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“ไอ้โรคจิต” ผมด่า แต่มันกลับหัวเราะชอบใจ ผมจึงหันไปปิดประตูรถเสียงดังปัง! (ก็คนมันโมโหนี่ครับ)
“เชี่ย!!!” ผมสะดุ้งเมื่อหันกลับไปเจอหน้ามันที่เข้ามาประชิดอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวจนต้องถอยหนีจนหลังชิดรถ และผมก็ถูกกักตัวไว้ด้วยแขนยาวๆ ของมัน
ป๊า ม้า ช่วยผมด้วย ผมจะถูกผู้ชายขืนใจ
เชี่ยอะไรวะเนี่ยยยยยยยยยยยย
“ปล่อยกูนะเว้ย!” ผมตะโกนใส่หน้ามันที่ยิ้มระรื่น เสียงแอบสั่นเล็กน้อย เกิดมายังไม่เคยถูกใครจู่โจมแบบนี้เลย ก็ปกติผมเป็นฝ่ายจู่โจมผู้หญิงนี่ครับ แต่ไอ้เหี้ยนี่มันเป็นผู้ชาย!!
“กูชื่อไบโอ ปีสอง คณะแพทย์” มันเริ่มแนะนำตัว
เดี๋ยวนะ กูถามมึงเหรอ!?
“เอาไว้จะเลี้ยงตอบแทนมึงนะ ขอบใจที่ช่วยกู”
“ไม่เว้ย!” ผมร้องปฏิเสธทันที
แหงสิ ใครอยาจะไปเจอโรคจิตซ้ำซาก
แต่เดี๋ยวนะ คณะแพทย์เขารับคนจิตผิดปกติเข้ามาเรียนได้ไง
หรือว่ามันโกหก
เออ ใช่ต้องเป็นแบบนั้นแน่
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงกูก็ต้องได้เลี้ยงมึงแน่” พูดแบบมั่นใจสุดๆ
คิดเหรอว่าผมจะยอม ถึงมันจะตามหาผมเจอ แต่ใช่ว่าผมจะหนีไม่ได้นี่
“เรื่องของมึง” ผมว่า “ปล่อยกูได้แล้ว”
“หึๆๆ” หัวเราะอะไรของมัน “ปล่อยก็ได้ครับ”
และเมื่อมันปล่อย ผมก็วิ่งหน้าตั้งไปขึ้นรถสิครับ เรื่องอะไรจะอยู่ให้มันฉุดผมไปปล้ำล่ะ ชื่อไบโอ ปีสอง คณะแพทย์ หึ เดี๋ยวกูจะไปแจ้งมหา’ลัย รับรองว่าโรคจิตแบบนี้ต้องโดนไล่ออกแน่ๆ
ผมขึ้นรถและปิดประตูอย่างไว เหลือบไปมองมันที่ยืนยิ้มพร้อมกับโบกไม้โบกมือมาให้
เชี่ยยยยยแม่ง คนแบบนี้ก็มีอยู่บนโลกด้วย
ผมเบะปากก่อนจะสตาร์ทและบึ่งรถออกมาจากจุดนั้นทันที
ผมภาวนาไม่ให้เจอกับมันอีก!!
ไอ้โรคจิต!!!