ขึ้นชื่อว่า “แก๊งค์” พวกคุณจะนึกถึงอะไรละ?
สำหรับควีนของแก๊งผม หรือสมาชิกคนอื่น
คงมองเป็นบ้าน ครอบครัว มิตรภาพอันแน่นแฟ้นดีงาม หรืออะไรทำนองนี้มั้ง
.
.
ส่วนในสายตาของคนอื่นก็คงประมาณ...
นักเลงหัวไม้ อันธพาล มาเฟีย แหล่งซ่องสุม หรืออะไรก็ตามที่ชั่วร้ายโคตรๆ
โยนใส่โครมเดียวคือคำว่าแก๊ง
.
.
แต่สำหรับผมนะหรอ... หึ
.
.
.
มันก็เป็นแค่สิ่งๆหนึ่งที่รวบรวมคนบ้าๆ ความคิดแหวกแนว ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
อย่างพวกคนในแก๊งค์มาไว้ด้วยกันได้ ผมก็ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันคิดอะไรอยู่
ถึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในแก๊งนี้
อาจจะเพราะว่าผมหล่อมากมั้ง พวกมันเลยห้ามใจกันไม่ไหวเลยต้องการมาอยู่กับคนหล่อแบบผม
แต่ยังไงก็ช่างเถอะ เริ่มนอกเรื่องเยอะ ผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมจะคิดอะไรได้อีกมั้ย
สำหรับคำนิยามของคำว่า "แก๊ง"
แต่ที่รู้ๆนะ....
.
.
.
.
"ผมโคตรรักแก๊งนี้เลย”
-KING-
บทนำ
“มึงจำกูไม่ได้หรอครับ คนที่เคยเป็นผัวมึงไง”
“หึ... แล้วไงวะครับ กะอีแค่เคย ยังไงมึงก็เป็นได้แค่ ’ผัวเก่า’ ของกูเท่านั้น!”
ผับ XYZ ย่านแหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง
“คนเยอะชะมัดเลยแม่ง... บอกแล้วว่าไม่อยากมายังจะพามาอีก”
เสียงบ่นพึมพำจากร่างบางดังขึ้นมา ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มของผับชื่อดังแห่งหนึ่ง นัยน์ตาสีน้ำเงินปนม่วงสีสวยจ้องเขม็ง พร้อมขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางร่างของเพื่อนสนิท ที่กำลังกรอกแอลกอฮอล์เข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนอดอยากไม่ได้ดื่มมานานมือเรียวเล็กกำขยี้ผมสีดำสนิทของตัวเองอย่างหงุดหงิด เพราะเขาไม่ชอบไปในสถานที่ๆมีคนพลุกพล่านและเสียงดังจนแก้วหูจะแตกดังเช่นผับแห่งนี้
“จะบ่นอะไรนักหนาวะโม แค่ให้มาเป็นเพื่อนแค่นี้ไม่ได้หรอ เพื่อนมึงกำลังเศร้าอยู่นะเว้ย มึงก็ต้องมาดูแลอาการกูเซ่~!!”
ร่างบางอีกร่างที่เตี้ยกว่าคนแรกเล็กน้อย เขามีนัยน์ตาสีฟ้าสดใสดุจน้ำทะเล ผมซอยสไลด์สีน้ำตาลทองที่เริ่มยาวปรกหน้าจากการที่ช่วงนี้ไม่ค่อยดูแลตัวเองสักเท่าไหร่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มซวนเซเข้าใกล้คำว่า ‘เมา’ มากขึ้นทุกที
“คนอื่นก็มีทำไมมึงไม่ชวนมาละ พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้านะเว้ย”
“ไม่ กูไม่เอาคนอื่น กูไม่อยากเมาแล้วก็ร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าพวกมัน มึงเข้าใจปะ.. มึงเข้าใจกูมั้ยยยยย”
“เอออออ กูเข้าใจ แต่ตอนนี้กูว่ามึงเมาแล้ว เพราะฉะนั้น... กลับ”
ร่างบางเอื้อมมือไปดึงแก้วใสที่มีน้ำสีอำพันออกจากมือของเพื่อนรัก พร้อมลุกขึ้นไปดึงแขนของอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น แต่ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองก็ดื้อดึงใช่ย่อย เพราะนอกจากจะไม่ลุกขึ้นตามแรงดึงแล้วเขายังถ่วงน้ำหนักตัวเองทิ้งก้นติดโซฟาไม่ยอมขยับไปไหนเลยด้วย
“โว้ยยยยยย ไอ้เหี้ยเมรีขี้เมา มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลย กูง่วงแล้ว อยากกลับบ้าน กูจะนอน”
“ยังไม่หมดแก้วเลยยยย รอก่อนดี้ น้า นะนะนะ น้องโมของพี่”
“แต่พรุ่งนี้กูมีเรียนเช้า ดูปากกูนี่ มี เรียน เช้า!!!” ร่างเล็กเถียงสู้พร้อมชี้ปากตัวเองในขณะที่พูด สายตาจ้องเพื่อนเขม็งเหมือนเสือร้ายพร้อมจะฉีกร่างเพื่อนออกเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อถ้าถูกขัดใจก่อนจะสาวเท้าเดินนำหน้าออกไปโดยไม่หันกลับมามองสักนิด ว่าเพื่อนเดินตามมาหรือเปล่า
พลั่ก.. ซ่า...
“เห้ย เดินยังไงของมึงวะ ไม่ดูตาม้าตาเรือบ้างรึไง”
เสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังเหนือศีรษะของร่างบาง ที่รีบเดินจนไม่ทันได้มองเห็น ว่ามีคนถือขวดเหล้าสีดำสนิทเดินสวนทางมา ร่างบางเงยหน้าขึ้น เตรียมจะเอ่ยขอโทษคนที่ตนเดินชน แต่...เมื่อได้เห็นใบหน้าของคนตรงหน้าแล้ว เขาถึงกับชะงัก พร้อมๆกับชายร่างสูงเจ้าของขวดเหล้า ที่มองร่างบางนิ่งเมื่อสายตาคม มองเห็นใบหน้าของเขา
“...”
“...”
“ขอโทษนะครับ”
ชายหนุ่มผมดำเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ พร้อมก้าวขาเดินออกจากจุดนั้น แต่ชายร่างสูงอีกคนกลับเอื้อมมือมาจับรั้งแขนเขาไว้แน่น
“ปล่อย...” นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเหลือบมองมือหนาที่กำแขนตัวเอง ก่อนสะบัดมันออกอย่างรังเกียจจนมือหนาหลุดออกจากแขนขาว
“อะไรกัน แค่นี้ทำเป็นรังเกียจ.. ทั้งๆที่เมื่อก่อน เราออกจะสนิทแนบชิดกันมากกว่านี้แท้ๆ” ร่างสูงเจ้าของมือหนาเมื่อสักครู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวนพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
“คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่รู้จักคุณ”
“ห่างกันไปแค่ปีสองปีมาทำเป็นลืม.. กูไลไง.. มึงจำกูไม่ได้หรอครับ คนที่เคยเป็นผัวมึงไง”
มือหนาที่เลื่อนหลุดไปเมื่อครู่ เลื่อนขึ้นมาโอบเอวบาง พร้อมรั้งร่างเล็กเข้าเบียดชิดอกหนาอันแข็งแกร่ง ร่างบางยืนนิ่งให้อีกคนกอดรั้ง ก่อนกระทืบเท้าใส่เท้าร่างหนาแล้วยกเท้ายันกลางกล่องดวงใจของอีกฝ่ายเต็มแรง
“หึ... แล้วยังไงวะครับ กะอีแค่เคย ยังไงมึงก็เป็นได้แค่ ‘ผัวเก่า’ ของกูเท่านั้น”
คนตัวเล็กแสยะยิ้มพูดตอกหน้าอีกฝ่ายก่อนเดินหันหลังออกจากผับไปพร้อมเพื่อนผมน้ำตาลทองที่มายืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบอย่างสะใจ... พร้อมเสียงตะโกนลั่นผับที่ไล่หลังมา
“สัส.. ไอ้เหี้ยโมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
-จุดเริ่มต้นเล็กๆที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเจอ-