บทนำ
ออกศึกข้านึกแต่รบ และรบ
จบศึกข้านึกแต่รักเจ้าเท่านั้น
หากรอดชีวิตกลับมาหากัน
หวังให้เจ้านั้นดูแลหัวใจ
ชีพพลีนี้เพื่อ 'แผ่นดิน'
ชีวาต้องมามลาย
ยังขอป้องปกไว้ด้วย 'สายโลหิต' ของเรา
(บางส่วน)
ณ เรือนใหญ่ของบ้านพระยาสุวรรณราชา นางอ้นเดินขึ้นเรือนมาหาลำดวนด้วยความเยื้อนและ
เรียบร้อย หล่อนนั่งคุกเข่าลงเพื่อจะเรียนผู้เป็นนายว่า...
“แม่หญิงเจ้าขา...ท่านขุนมาเจ้าค่ะ”
“ท่านขุนที่ไหนมาเหรอนังอ้น”
ลำดวนเงยหน้าจากเข็มร้อยมาลัยในมือแล้วถามอย่างแปลกใจ
"แม่หญิงไปดูเองเจ้าค่ะ...ท่านบอกว่าไม่ให้บ่าวเอ่ยชื่อเจ้าค่ะ"
ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นท่านขงท่านขุนที่ไหนมาหาหล่อนถึงบ้าน จะมีก็แค่ลูกน้องเจ้าคุณพ่อกับเจ้าคุณอาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และถ้าเป็นลูกน้องเจ้าคุณพ่อสิ จะขอพบหล่อนเพื่ออะไรกัน...ลำดวนนั่งคิดในใจพลางมองไปยังศาลาหลังเล็กไต้ต้นสน เห็นเงาของบุรุษวัยรุ่นที่ดูสะโอดสะองไม่น้อย และก็คิดว่ามันคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ ซึ่งเงาที่ว่านี้ก็กำลังหย่อนก้นลงนั่งหน้าโต๊ะไม้ตัวเตี้ยตัวนั้น มานั่งรอขนาดนี้จะให้ทำอย่างไรได้เล่า...แขกไปใครมาก็ต้องหาน้ำหาท่ามาต้อนรับไว้ก่อนแหละ จะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ต้องทำ เพราะเป็นสิ่งที่คุณหญิงรำเพยผู้เป็นมารดาได้สั่งสอนเอาไว้ และลำดวนก็ปฏิบัติตามมันได้อย่างเคร่งครัดเช่นกัน
ลำดวนเดินถือขันน้ำมายังศาลาไต้ต้นสนที่ว่ามีชายมานั่งรอตั้งแต่ตอนต้น...และเมื่อเดินเข้าไปนั่งถึงรู้ว่าไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นขุนเทพลูกพี่ลูกน้องของหล่อนนั่นเอง หญิงสาวยื่นขันน้ำในมือให้เขาดื่มให้เย็นชื่นใจ อีกฝ่ายก็เอื้อมมือมาจะจับขันน้ำไปไว้เอง หากแต่นิ้วทั้งห้าของเขาดันมาแตะโดนหลังมือของหญิงสาว เธอยิ้มแหยๆ ขุนเทพเห็นแก้มเนียนใสของลำดวนแดงราวกับลูกตำลึงสุกทีเดียว ผู้อ่อนวัยกว่าดึงมือทั้งสองข้างของหล่อนมาวางบนตักอย่างสงบเสงี่ยมตามแบบของหล่อน ก่อนจะยกมือไหว้ชายหนุ่มอย่างงดงามตามแบบฉบับของหญิงไทยแท้แท้ อีกฝ่ายก็ยกมือตอบพลางมองเธอแล้วยิ้มมุมปากและส่งสายตาให้ เรื่องการหว่านเสน่ห์นี่คงได้มาจากเจ้าคุณพิริยะกระมัง...เพราะว่าเขานั่งดูพ่อแม่จู๋จี๋กันบนโต๊ะอาหารออกบ่อยไป ซึ่งหลายๆครั้งที่ไม่ใช่การจับมือหรือหอมแก้มแต่อย่างใด หากแต่เจ้าคุณพ่อจะชอบส่งสายตาที่หวานซึ้งให้แม่ต้องบิดเป็นเถาวัลอยู่ร่ำไป
“เห็นนังอ้นมันว่าท่านขุนที่ไหนไม่รู้มาหา...ที่แท้ก็เป็นพี่เทพนี่เองหรือคะ”
ลำดวนถามอีกฝ่ายทั้งๆที่ใจแทบหยุดเต้นเพราะความเขินอาย
“คุณแม่ท่านว่าพี่อายุครบสิบแปด...สมควรรับราชการได้แล้วน่ะ”
ขุนเทพตอบ...
"ช่างเร็วเสียจริงนะคะ...นี่ถ้าเจ้าคุณอากลับมาคงจะดีใจไม่น้อย”
คำพูดของลำดวนทำให้คนฟังสลดลงทันที นัยน์ตาพราวเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนไปในพริบตา หยาดน้ำใสๆเอ่อขังขอบตาให้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำแห่งความ 'คิดถึง' ที่ชายหนุ่มมีอยู่คับอกในเวลานี้ มันเปรียบเสมือนระเบิดเวลาที่รอให้มีคนมาปลดชะงวน
ความรักและความผูกพันธ์ระหว่างเจ้าคุณพิริยะกับขุนเทพนั้นมีมากเกินกว่าที่จะเปรียบเปรย หากวัดระดับก็เป็นชีวิตและลมหายใจของกันและกันเลยทีเดียว ดูเหมือนว่ามันกำลังจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆจากความคิดถึงที่มีอยู่คับอกของชายต่างวัยทั้งสอง ถ้าสมมุติว่าเจ้าคุณพิริยะจากไปขุนเทพจะอยู่ไปได้นานแค่ใหนกันเชียว ในเมื่อพ่อผู้เป็นดั่งลมหายใจไม่อยู่แล้ว แม้ท่านจะพร่ำสอนนักหนาว่าชีวิตนี้ไม่จีรัง วันพรุ่งนี้อาจจะตาย มะรืนนี้อาจจะตาย แต่ขาดท่านเจ้าคุณไปแล้ว...ไม่ว่าจะเอาเทวดาหน้าไหนมาพูดปลอบ ขุนเทพก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นหรอก เวลานี้เด็กหนุ่มก็ใจจะขาดอยู่รอมร่อแล้ว...
“เป็นอะไรรึเปล่าคะพี่เทพ” ลำดวนเอ่ยถามแทรกขึ้น...ทำให้ขุนเทพที่นั่งน้ำตาซึมอยู่เชยใบหน้าอ่อนวัยขึนมองหล่อน หญิงสาวคงไม่ทันสังเกตเห็นน้ำตาที่ซึมอยู่ไต้ขอบตาของคู่สนทนากระมัง
“อ๋อเปล่า...พี่ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ"
เขาปฎิเสธเสียทันควัน...แสร้งตีหน้ายิ้มออกไปเสียอย่างนั้น ทั้งๆที่แววตาของเขามันตรงกันข้ามกับสีหน้าราวขาวกับดำ
“พี่เทพไม่คิดถึงเจ้าคุณอาบ้างเหรอคะ ปกติเห็นตัวติดกันยังกับตีงเม”
“เจ้าพูดเหมือนแม่พี่เลยลำดวน"
หนุ่มน้อยพยายามเปลี่ยนเสียงที่สั่นเครือของเขาให้เป็นเสียงกลั้วหัวเราะอีกจนได้...แม้มันจะเปลี่ยนได้ไม่หมดก็เถอะ เขาถอนหายใจแล้วกระพริบตาถี่ๆขณะพูดต่อไปว่า
“พี่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเจ้าคุณพ่อถึงไม่กลับมาซะที...ทั้งๆที่ศึกสงครามสงบลงตั้งนานแล้ว”
“คิดถึงมากใหมคะ”
ขุนเทพพยักหน้ารับทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข...ทำเอาลำดวนต้องเอื้อมมือบอบบางของสตรีมากุมมือแข็งแรงของบุรุษตรงหน้า เขายกมืออีกข้างมาจับมือที่ช่วยชโลมจิตใจของเขาให้หายเศร้า และส่งยิ้มอันหวานชื่นที่แฝงรอยหมองดุจเดิม สาวน้อยยิ้มรับและนั่งจ้องตาเขา สังเกตชัดๆจึงเห็นว่ามีหยาดน้ำใสๆขังบริเวณขอบตาของเขานั่นเอง
“เดี๋ยวสิคะพี่เทพ” ลำดวนปรามสามีแล้วลุกขึ้นนั่งหวังจะลงขมิ้นตัวเสียหน่อย แต่ไม่ช้าร่างบางก็ถูกโอบรัดและจมูกอันคมสันของเขาก็ไล้แก้มขาวเนียนของหล่อนอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าน่ารักออกอย่างนี้...พี่รอไม่ไหวหรอกลำดวน” หลวงเทพพูดไปตามประสาผู้ชาย...ลำดวนจึงต้องล้มตัวลงนอนอย่างเสียมิได้ อีกฝ่ายขยับพรวดพราดมาเป่าตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะข้างเตียงให้ดับลง แล้วล้มตัวลงนอนอีกคนอย่างตื่นเต้น