Hair Color (YURI)
22
ตอน
21K
เข้าชม
82
ถูกใจ
27
ความคิดเห็น
129
เพิ่มลงคลัง

 

ถ้าฉันเกิดจำอะไรไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ ไม่ใช่เจอาคนนั้นที่เธอเคยรู้จัก

"เรา..จะยังรักกันอยู่มั้ย"

 

 

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับฉัน ความทรงจำที่ไม่มีเรื่องของเธอมันโหดร้ายมากกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่าพันเท่า

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"ถ้าบอกให้ฉันอยู่ ฉันก็จะอยู่" - คิมลูซี่

 

 

“ท่านครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะรายงานให้ท่านต้องทราบ” จอห์น สมิธ ลูกน้องคนสนิทของประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้ ถือวิสาสะเดินเข้ามาภายในห้องโดยไม่รอคำอนุญาตจากเจ้าของห้องเสียก่อน ชายวัยกลางคนนิ่วหน้าอย่างไม่ชอบใจ

เชวพยองฮวา ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

“รีบร้อนขนาดนี้ มันเรื่องอะไรกัน” จอห์น เดินหายออกไปนอกห้อง เขาพยักหน้า และไม่นานหญิงสาวร่างเล็กก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา

“เจอา”

“ไม่ใช่หรอกครับ เธอแค่หน้าเหมือนน้องเจอา” พยองฮวาเพ่งมองใบหน้านั้นอีกครั้ง แต่ก็ยังคงเคลือบแคลงใจกับใบหน้าที่ถอดกันมาราวกับคนเดียวกันของผู้หญิงตรงหน้า

“แล้วแกจะพามาทำไม”

“ผมคิดว่า นี่อาจจะช่วยให้คุณหนูยกโทษ และกลับมาคุยกับท่านเหมือนเดิม” ซองอึนโกรธเขามานาน เธอโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อเธอเอง ตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้น

“แกจัดการเรื่องนี้ด้วยแล้วกันนะ จอห์น”

 

สองวันก่อนหน้า

“ตื่นแล้วหรอ” จอห์นเอ่ยทักหญิงสาวร่างเล็กที่หมดสติไปเกือบสองวันเต็ม เธอไม่ได้พูดอะไร กลับเอาแต่มองพินิจรอบด้านอย่างสังเกต เสียงฝีเท้าที่เดินเข้าไปใกล้ปลายเตียง ทำให้เธอหันใบหน้าไปมองชายผู้เอ่ยทักไปเมื่อครู่

“เธออยู่บนเรือของเชวพยองฮวานะ ไม่ต้องกังวลหรอก เรากำลังพาเธอไปที่ที่ปลอดภัย” เธอรั้นหัวคิ้วเข้าหากัน หลังได้ยินประโยคยืดยาวจากอีกฝ่าย

“แล้วนายจะพาฉันไปไหน” เธอเอ่ยตอบเป็นภาษาญี่ปุ่น จอห์น สมิธ ลูกครึ่งชาวอเมริกันเกาหลี มองอย่างแปลกใจ ก่อนจะตอบกลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่น เจอา..ไม่สิ ผู้หญิงตรงหน้าพูดเกาหลีไม่ได้งั้นหรอ

“เธอพูดเกาหลีไม่ได้หรอ” เพราะเป็นถึงลูกน้องคนสนิทของประธานาธิบดี นอกจากภาษาญี่ปุ่น จอห์นยังพูดได้อีกสี่ภาษา นั่นคือ จีน อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน

“ฉันเป็นคนญี่ปุ่น จะพูดเกาหลีไปทำไม แล้วตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน”

“เธอไม่ใช่เจอาจริงๆสินะ” ถึงแม้ในใจจะหวังว่าเขาจะได้พบกับน้องสาวที่หายไปอีกครั้ง แต่ความจริงกลับย้ำเตือนว่า เจอา สมิธ ที่เขารู้จักได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว

“ฉันไม่รู้จักเจอา ตกลงนายเป็นใคร แล้วจะพาฉันไปไหน” พูดจบเธอก็พยายามจะลุกขึ้น และเดินหนีออกจากห้อง แต่เพียงแค่สามก้าว เธอก็เกิดเซล้มลงไปกับพื้น ถ้าหากไม่ได้จอห์นเข้ามาช่วยประคองไว้ทัน เธอคงจะหัวร้างข้างแตกไปแล้ว

“เธอเพิ่งตื่นขึ้นมาหลังจากหลับไปสองวัน คิดจะหนีตอนนี้ลำบากหน่อยล่ะนะ” เขายิ้ม และพาหญิงสาวลงไปนั่งที่เตียงตามเดิม ดูเหมือนว่าร่างกายเธอตอนนี้จะไม่เอื้ออำนวยต่อความคิดด้านในเท่าไหร่นัก หญิงสาวจึงต้องเอออออกับอีกฝ่ายไปเสียก่อน

“ไปพบท่านพยองฮวาก่อนก็แล้วกัน” จอห์นจับข้อมือของหญิงสาวที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงให้ลุกตามเขาไป แต่หล่อนกลับดิ้น และพยายามสลัดมือของเขาออก

“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น อย่ามาแตะตัวฉัน”

“เธอไม่อยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อของเธอสินะ”

 

หลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว เจ้าตัวก็มีท่าทีที่แปลกไป เธอตกลงทำสัญญาอันสำคัญกับประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้อย่างไม่ลังเล

“อาเบะ ฮานะยากะ จำเอาไว้ว่าเรื่องความปลอดภัยของลูกฉันสำคัญที่สุด”

นั่นคือชื่อจริงๆของเธอ

หลังจากที่ฮานะได้ทำสัญญาร่วมกับเชวพยองฮวา จริงๆเธอก็พอรู้เรื่องของคนๆ นี้มาอยู่บ้าง พยองฮวาเป็นคนเกาหลีแท้ เขาได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีมาหลายสมัย จนปัจจุบันแม้แต่เขา หรือคนในญี่ปุ่นเองก็คิดว่าคงไม่มีใครที่จะมาเป็นประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ได้ดีเท่าเขาอีกแล้ว

ฮานะรู้เรื่องคร่าวๆ จากชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นคนสนิทของพยองฮวาเรื่องเจอา เรื่องที่เธอหน้าเหมือนเจอาเสียจนใครที่เห็นครั้งแรกก็คงต้องปักใจเชื่อว่า นี่คือเจอา สมิธ บุคคลผู้ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสี่ปีก่อน จอห์นไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง เพราะคิดว่าเขาเองก็คงผ่านเรื่องนี้ไปยากพอสมควร ก็น้องสาวแท้ๆ ทั้งคนนี่เนอะ

ในสัญญาที่ตกลงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า พยองฮวาสัญญาว่าจะตามสืบเรื่องพ่อคนเดียวของเธอให้ เพราะรายละเอียดที่อีกฝ่ายให้มานั้นยืนยันว่าเธอสามารถพบพ่อได้อีกครั้ง และเมื่อถึงเวลานั้น เธอจะทิ้งทุกอย่างไปอย่างไม่ลังเล แต่สิ่งสำคัญของสัญญานั่นก็คือ เธอต้องปลอมตัวเป็นผู้หญิงที่ซึ่งเป็นคนรักเก่าของเชวซองอึน เพื่อมาสมานบาดแผลระหว่างพ่อลูกที่กำลังกระท่อนกระแท่นอยู่ในตอนนี้

พูดน่ะง่ายนะ แต่ว่าซองอึนอะไรนั่นก็ผู้หญิงเหมือนกันกับเธอด้วยไม่ใช่หรือไงนะ เอาเป็นว่าครั้งแรกที่เธอได้ยินว่าลูกสาวของประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้คบผู้หญิงด้วยกัน ทำเอาเธออ้าปากค้างไปเลยล่ะ

เรือสำราญส่วนตัวลำใหญ่เข้าเทียบท่าอย่างพลการ ในกำหนดหมายที่เขียนไว้คืออีกสองอาทิตย์ให้หลัง แต่ด้วยเส้นสายและยศถาบรรดาศักดิ์ ที่พยองฮวาได้ก่อร่างสร้างตัวมา ทำให้อะไรๆ รอบตัวเกิดขึ้นได้ง่ายไปเสียหมด

 

จอห์นพาฮานะลงจากเรือ และขึ้นรถส่วนตัวที่ตระเตรียมไว้ในทันที ว่ากันถึงชื่อเสียงของหญิงสาวที่ชื่อเจอาแล้ว นอกเหนือจากจะเป็นอดีตคนรักของซองอึนแล้ว ก็คงจะเป็นเหมือนคนสนิทอีกคนที่ท่านประธานาธิบดีให้ความไว้เนื้อเชื่อใจมาก เรียกได้ว่าทั้งสามคนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นดุจดั่งพี่น้องที่คลานออกมาจากท้องเดียวกัน

เพราะได้เรียนเกาหลีจากพ่อตัวเองตอนอาศัยอยู่ญี่ปุ่นอยู่บ้าง ฮานะเลยพอพูดได้ แต่ไม่ถึงกับคล่องเท่าไหร่นัก จอห์นส่งฮานะลงที่บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง เธอเปิดประตูลงไปอย่างเกรงๆ

“ฮานะ ไม่สิ..เจอา ต่อไปเธอคือเจอา และที่นี่ก็คือบ้านของเธอ ฉันหวังว่าเธอจะทำตามสัญญาของเธอได้ดีนะ และฉันจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้เหมือนกัน” จอห์นพูดสั่ง เขายกยิ้ม และกลับขึ้นรถยนต์ของตัวเองกลับไป

ฮานะถือกระเป๋าสี่เหลี่ยมใบโตด้วยมือเล็กด้านซ้าย เธอยืนมองบ้านหลังใหญ่ด้วยสายตาประหม่าอยู่ครู่ ก่อนจะเห็นเจ้าหมาบีเกิ้ลวิ่งเห่าออกมา และพุ่งเข้าเลียขาของเธอ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดออกมา เมื่อฮานะเห็นสิ่งมีชีวิตที่คุ้นเคยยามที่เคยอาศัยอยู่ที่ญี่ปุ่น

หญิงสาวนั่งคุกเข่ายองๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าหมาน้อยอย่างเบามือ

เสียงประตูกระแทกดังเปิดออก หญิงสาวร่างบางที่มีความสูงมากกว่าเธอเพียงนิดหน่อยนั้น วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ปลายหางตา เธอไม่แน่ใจ คล้ายว่ามีหยดน้ำกระเซ็นออกไปชั่ววินาทีที่หญิงสาวตรงหน้าเข้าสวมกอดร่างกายเธอแน่น

“เจอา” เสียงแหบพร่าดังขึ้นจากอกของเธอ นี่คงเป็นซองอึนอย่างที่ท่านประธานาธิบดีพูดถึง สวยอย่างที่ว่าจริงๆ ด้วย

“เอ่อ”

“เธอจริงๆใช่มั้ย เธอหายไปไหนมา”

“...”

“ฉันเป็นห่วงเธอแทบแย่นะ บ้าเอ้ย!” ซองอึนยกมือขึ้นทุบตีที่อกฮานะไปมาไม่ยั้ง ราวกับไม่กลัวว่าคนที่กำลังยืนงงอยู่นั้นจะรู้สึกเจ็บหรือไม่

ฮานะค่อยๆ ผละตัวซองอึนออก เธอรู้สึกหงุดหงิดอยู่เหมือนกัน กับคนที่เพิ่งเจอครั้งแรก แต่กลับต้องมาโดนอีกฝ่ายใช้กำลังใส่ไม่ยั้งเช่นนี้ หากเรื่องราวของผู้หญิงที่กำลังโอบกอดเอวเธออยู่หลวมๆ ที่ได้ยินมาจากกจอห์นนั้น ก็พอทำให้ อาเบะ ฮานะ รู้สึกสงสารหล่อนมากกว่าจะมาถือโทษโกรธกัน

“ฉันความจำเสื่อมน่ะ”

หลังจากประโยคแสนสุดคลาสสิกหลุดออกจากปากไป ฮานะก็ถูกลากตัวเข้ามาในบ้าน จะเรียกว่าบ้านก็คงไม่เหมาะเท่าไหร่ เพราะหลังมันใหญ่มากเหมือนไม่ได้อยู่กันแค่สองคน หรือต่อให้อยู่ด้วยกันถึงหกคนก็ยังกว้างมากเกินไปอยู่ดี

มีแม่บ้านคอยแวะเวียนมาทำความสะอาด และดูแลความเรียบร้อยของบ้านบ้างตามที่ซองอึนเล่าให้เธอฟัง  แต่ถึงอย่างนั้น ที่นี่ก็ดูกลายๆ เหมือนว่า ฮานะจะอยู่กับซองอึนเพียงสองคนมากกว่า

ซองอึนเดินมานั่งคุยกับเธอที่โซฟาตัวยาวภายในห้องรับแขกขนาดใหญ่ หลังจากหายเข้าห้องน้ำไปหลายสิบนาที

“แล้วเธอจำเรื่องอะไรได้บ้าง รู้มั้ยว่าตัวเองชื่ออะไร”

ก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าตัวจะเชื่อหรอก ไอ้ข้ออ้างแบบนี้น่ะ มันเอาไว้ใช้แค่ในหนังเท่านั้นไม่ใช่หรือไง แต่ว่าเธอก็ต้องทำเป็นเอ่ยตามเนื้อเรื่องของตัวเองที่ประดิษฐ์สร้างขึ้น

“จริงๆแล้ว ฉันจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่ได้เลยน่ะ จอห์นเจอตัวฉัน เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฉันฟัง และพาฉันกลับมาบ้าน” ดูเหมือนว่าคำว่าบ้านที่ ฮานะเผลอหลุดปากพูดออกมา จะพอทำให้ เชวซองอึนที่นั่งอยู่ด้านหน้ายิ้มออกมาได้บ้าง

“งั้นก็จำเรื่องของเราไม่ได้เลยน่ะสิ”

เอาล่ะ จริงๆ นี่เป็นเรื่องที่กระอักกระอ่วนที่สุดเท่าที่ฮานะคิดออกมาได้ เธอไม่ได้ชอบผู้หญิง แล้วจะทำเนียนยังไงให้ดูเหมือนรู้สึกสบายๆ เวลาอยู่กับผู้หญิงที่กำลังชอบเธอได้ล่ะเนี่ย

“ขอโทษนะ.. แต่ฉันจำอะไรไม่ได้เลย” สีหน้าซองอึนหมองลงไปทันที หลังจากเธอพูดจบประโยค ฮานะขอปลีกตัวไปอาบน้ำ หลังจากที่เธอเริ่มรู้สึกได้ถึงความอึดอัดต่อความสัมพันธ์จอมปลอมที่เธอกำลังสร้างมันขึ้น

เรื่องราวหลอกลวงที่เธอต้องประคับประคองให้มันสมจริง แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรเลยก็ตาม

 

TO BE CONTINUED.

 

 

 

คุยนิดนึง อิ

เราเพิ่งได้มาแต่งแนวนี้ครั้งแรก ภาษาอาจแปลกๆไปบ้างก็ติกันมาได้นะคะ ด่าได้เลย ตามสบาย

ตั้งใจจะแต่งเป็นแนวรักอย่างเดียว ไม่รู้ทำไมออกมาแฟนตาซีไปด้วย555555

ถ้ามีคนติดตามอยู่ ส่งสัญญาณให้รู้้บ้างเน้อ เป็นกำลังใจให้เค้าด้วย งือ แล้วเจอกันใหม่นะคะ

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว