เรือนริมน้ำในคืนเดือนมืดบรรยากาศเงียบเหงามีเพียงลมเย็นๆ ที่พัดจากแม่น้ำเข้ามาที่เรือนริมน้ำเท่านั้น
“คุณใหญ่ค่ะ แก้วว่าเราค่อยคุยกันพรุ่งนี้ไม่ได้หรือคะ วันนี้ดึกมากแล้ว เดี๋ยวคุณย่ารู้ว่ากลับดึกจะว่าแก้วได้นะคะ”
แก้วกัลยาพยายามบิดข้อมือน้อยออกจากมือแข็งแรงที่ยึดข้อมือของเธอเอาไว้
“ฉันบอกคุณย่าแล้วว่าฉันจะไปรับเธอที่งาน ระหว่างที่เธอกลับบ้านดึกกับที่เธอไปนั่งพลอดรักกับผู้ชาย เธอคิดว่าเรื่องไหนกันละที่คุณย่าจะโกรธเธอมากกว่ากัน”
เสียงเข้มที่เต็มไปด้วยความเข้าใจผิดผสมอารมณ์โกรธทำให้แก้วกัลยาเลิกคิดที่จะพยายามบิดข้อมือน้อยออกจากการจับกุมของพสุ
“ถ้าเรื่องที่ไทม์สารภาพรักกับแก้ว แก้วว่าคุณใหญ่น่าจะกำลังเข้าใจผิดนะคะ”
“แต่ฉันเชื่อสิ่งที่ฉันเห็นมากกว่า เธอไม่กลัวคนอื่นเขาจะนินทาหรือว่าเธอกำลังจะแย่งแฟนเพื่อนสนิท ที่สำคัญเพื่อนสนิทคนนั้นเป็นน้องสาวของฉัน”
“แก้วไม่ได้คิดอะไรกับไทม์นิค่ะ ทำไมแก้วจะต้องเป็นกังวลด้วยละคะ หรือคุณใหญ่จะให้แก้วคิดกับไทม์ให้มากกว่าเป็นเพื่อน แก้วจะได้ทำตามที่คุณใหญ่สั่ง ยังไงชีวิตของแก้วก็ต้องทำตามที่คุณใหญ่กำหนดไว้อยู่แล้วไม่ใช่หรือคะ”
การต่อว่าที่ไร้เหตุผลของพสุทำให้ความอดทนของแก้วกัลยาหมดลง เธอเผลอพูดตอบโต้กลับไปด้วยอารมณ์ที่ต้องการจะประชดพสุ ยิ่งพูดจาตอบโต้กลับไปรุนแรงเท่าไรก็ดูเหมือนว่าความโกรธของพสุกับยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
มือแข็งแรงคู่นั้นของพสุก็กระชากตัวของแก้วกัลยาเข้ามาไว้ในอ้อมกอดของเขา ก่อนที่ริมฝีปากแกร่งจะประกบกับริมฝีปากบางของแก้วกัลยาด้วยอารมณ์โกรธ ยิ่งแก้วกัลยาพยายามผลักไสอ้อมกอดของพสุมากเท่าไรก็ดูเหมือนว่าจูบของพสุก็ยิ่งเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นเท่านั้น ก่อนที่พสุจะสลัดแก้วกัลยาลงไปนั่งอยู่กับพื้นเรือนริมน้ำ และพูดขู่ด้วยเสียงเข้มอีกครั้งว่า
“ปากร้ายขึ้นทุกวันนะแก้วกัลยา ฉันขอห้ามเธอเจอกับไอ้พระเอกหน้าเกาหลีนั้นอีก ถ้าฉันรู้ว่าเธอฝ่าฝืนเธอเตรียมตัวโดนลงโทษจากฉันเอาไว้ได้เลย”
พสุเดินออกมาจากเรือนริมน้ำและขับรถกลับไปที่บ้านใหญ่ เขาปล่อยให้แก้วกัลยานั่งงุนงงกับอารมณ์ปั่นป่วนในใจที่เกิดจากจูบของพสุ จนเสียงรถของพสุค่อยๆไกลออกไป