“ถ้าคิดจะนอนที่นี่ คุณต้องทำตัวเป็นเด็กดีนะคะ รู้ไหม ไม่งั้นฉันจะไล่ให้คุณกลับบ้าน”
เขมปัจน์ขมวดคิ้ว สายตามองร่างบางที่ยืนหันหลังให้อย่างสำรวจ…ก้นหล่อนผาย เอวคอดกิ่ว อยากรู้นักว่าหากดึงเสื้อผ้าพวกนั้นออกจากเนื้อตัว เรือนร่างเปลือยเปล่าที่ปราศจากอาภรณ์ของหล่อนจะสวยมากแค่ไหน
“ผมเหมือนเด็กตรงไหน” เขาถาม ก่อนก้าวประชิดหล่อนจากทางด้านหลัง พร้อมแขนแข็งแรงที่โอบกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างถือวิสาสะ เล่นเอามนสิชาตัวแข็งทื่อ ก่อนตวัดเสียงขุ่นทั้งๆที่แก้มร้อนผ่าว
“เอามือของคุณออกไปจากเอวของฉันเดี๋ยวนี้ !”
“ทำไมล่ะ แค่โดนเด็กกอด คุณคงไม่ถือหรอกมั้งมน” เขาถามเสียงรวน
“ถือค่ะ โดยเฉพะเด็กตัวเขื่องแถมยังอันตรายอย่างคุณ ถ้าไม่ยอมปล่อยฉัน คุณเจ็บตัวแน่” หญิงสาวขู่ ใจเต้นรัว สัมผัสได้ถึงอุ่นไอจากคนตัวใหญ่ เหมือนถูกโอบกอดด้วยไฟรักที่แสนอบอุ่น
ไฟรัก…? บ้าน่า อย่างเขาน่ะ อย่าว่าแต่รักเลย ออกจะเกลียดหล่อนซะด้วยซ้ำ เพราะหล่อนคือตัวการที่ทำให้เขาสูญเสียความสุข ต้องสละโสดมาแต่งงานทั้งๆที่ไม่เต็มใจ
“แต่ผมสงสัยนะ” อยู่ๆเขาก็ผุดคำนี้ขึ้น แล้วต่อด้วยประโยคเรียบๆแต่ทำเอาคนฟังสะดุ้ง “ในคืนก่อนตอนผมเมา ผมก็กอดคุณแบบนี้ใช่ไหม”
“ชะ ใช่ คุณกอดฉันแบบนี้แหละ” มนสิชาตอบตะกุกตะกัก
“ผมจูบคุณแบบนี้ด้วยใช่ไหม” จมูกโด่งคลอเคลียซอกคอระหง ก่อนขึ้นจูบนวลแก้มหนักๆ ซึ่งหล่อนก็หันขวับหมายจะบอกให้เขาหยุด ทว่าเขากลับฉวยช่วงจังหวะนี้ในการจูบปิดปากหล่อนอย่างแผ่วเบา
“อื้อ…” หญิงสาวครางอึกอักในลำคอ มือพยายามผลักไส แต่เขากลับไม่ผละถอยหนี หนำซ้ำยังเพิ่มความร้อนแรงผ่านบทจุมพิตที่แสนหวานชื่น
มือที่ผลักอก เปลี่ยนเป็นขยำท่อนแขนเขาไว้มั่นอย่างลืมตัว เนิ่นนานกว่าเขาจะยอมถอนจุมพิตออก พร้อมฝ่ามือหนาที่ลูบไล้หน้าท้องแบนราบไปมา
อะไรบางอย่างที่ซุกซ่อนภายใต้ผ้าขนหนูลุกชันทักทายก้นของหล่อนจนรู้สึกได้ และนั่นก็ทำให้หญิงสาวผวาเฮือก ใช้เรี่ยวแรงที่มีผลักเขาจนเกือบกระเด็น
“เฮ้ย !” คนที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับอุทาน แต่สักพักก็ตั้งหลักยืนได้สง่าเหมือนเดิม พลางมองหล่อนอย่างตัดพ้อ “ทำไมต้องทำร้ายผมด้วยคุณมน”
“ก็…ก็อะไรของคุณ มัน..มัน” พูดเสียงสั่น แก้มแดง สองมือปิดหน้าร้อนผ่าวของตัวเองไว้ ขณะที่ชายหนุ่มก้มมองช่วงล่างตัวเองแล้วยิ้มกริ่ม
“อะไรที่ว่าน่ะมันหมายถึงอะไรล่ะ พูดมาให้ชัดๆไม่ได้หรือไง”
“ตาบ้า !”