เปิดตำนานล่าปีศาจทศวรรษใหม่ แนว แฟนตาซี + ไซไฟ + ไทยแท้
แม้จะแปลกตาไปหน่อย 555+
“ กรี๊ด !! นั่นมันตัวบ้าอะไรน่ะ !!?? ”
“ เธอนั่นแหละบ้า ! จะยืนเป็นซากทำไมเผ่นเร็ว ! ”
แล้ว มือใหญ่ร้อนจัดชุ่มเหงื่อก็ฉุดมือฉันไป แรงกระชากที่ดึงฉันเซถลาหน้าทิ่มพรวด ก้าวขาออกวิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่ดวงตายังล็อคตายอยู่ที่เจ้าตัวมหึมาที่ไล่กวดพวกเราสองคนมาอย่างกับ พายุ ขนสีน้ำตาลแกมดำของมันกระเซิงไปในความมืด แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้น กล้ามเนื้อแต่ละมัดของเจ้าตัวขนปุยขยับเกร็งปูดทุกครั้งที่ออกแรงตะกุยพื้น จนคอนกรีตแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ฉันแทบหยุดหายใจเมื่อดันไปจ๊ะเอ๋เข้ากับดวงตาสีอำพันคู่โตวาววับนั่น และใกล้ๆกัน...
เขี้ยว... แหลมขาว ยาวเฟื้อย แถมน้ำลายยังยืดแลบลิ้นสีชมพูราวกับหิวจัด
ฉันอยากจะร้องจริงๆ ใครก็ได้บอกทีว่าฉันแค่ฝันร้าย !!
ฉัน ไม่ได้ยอมตกลงมาเป็นตัวดูดผีให้ตาบ้านี่ คนที่หลงตัวเองนักหนาว่าข้าแน่ ทำเป็นเก๋าท้าตีท้าต่อยชาวบ้านจนไม่ได้หลับได้นอน ( พาฉันที่เป็นคู่หูเฉพาะกิจอดหลับอดนอนไปด้วย ! ) ถึงจะถล่มล้างบางเค้ามาได้เป็นหลายสิบครั้ง ไล่ฟันปีศาจซะกระจุยกระจายแตกพ่ายยับ คึกเป็นบ้าเป็นหลังไม่รู้จักกลัว แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้วิ่งหางจุกตูดซะหมดมาดแบบนี้เล่า !
“ ตกลงมันตัวอะไรกัน !!? ” ฉันร้องถามวิ่งจนปอดจะแตก ไอ้เรื่องปอดแหกน่ะมันนานแล้ว แต่คราวนี้สติมันแตกมากกว่าเลยพูดไปอย่างหัวเสีย “ ทุกทีชอบรนหาเรื่องนัก คราวนี้ไม่ลงไปสู้กับมันซะเลยเล่า วิ่งหัวซุกหัวซุนแบบนี้จะพ้นมั๊ย ! ”
“ เธอโง่หรือบ้า !? นั่นมันแวร์วูล์ฟ อสูรระดับเอ ..” เขาเริ่มหอบ แต่สายตายังแค้นเคืองที่ฉันบังอาจไปต่อล้อต่อเถียงด้วย คนที่ไม่ค่อยพูดนักถึงได้แสยะยิ้มเหี้ยม กัดเจ็บๆตามนิสัย “ ถ้าอยากตายนักก็บอก ฉันจะได้ปล่อยเธอ แต่เตือนก่อนว่าไอ้พวกนี้มันล่าเป็นฝูง จะเอาไงก็เอา ”
เป็นฝูง..
คำ นี้หยุดฉันสนิท หัวใจเต้นระรัวอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะสะดุดลงเมื่อชายหนุ่มคนนำทางชะงักฝีเท้ากะทันหัน ฉันมองตามดวงตาสีสวยคู่นั้นแล้วแทบลืมหายใจ สยดสยองกับภาพเบื้องหน้า
ฝูง แวร์วูล์ฟร่างมหึมาขนปุกปุยปิดทางหนีพวกเราสองคนเสียหมด ไม่ต้องหันกลับไปมองให้เสียเวลาเลยว่าเจ้าตัวข้างหลังมันไล่กวดมาถึงไหน สามหรือสี่ ? ความมืดเป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของฉัน แต่ร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดนั่นดูยังไงก็มากเกินพอสำหรับฉันอยู่ดี ดวงตาสีอำพันวาววามหลายคู่ในรัตติกาล พวกมันสี่ตัวแสยะแยกเขี้ยว น้ำลายหยดติ๋งลงบนพื้น ฉันสูดลมหายใจลึกเข้าปอด กระซิบถามคนข้างตัวที่ดูจะนิ่งกลายเป็นหินไปเสียแล้ว
“ รู้ว่าสู้ไม่ได้ นายจะพาฉันมานี่ทำไม ”
ดวงตาสีน้ำเงินเข้มดูดุดันแม้จะยังไม่ละสายตาจากศัตรู น้ำเสียงที่กระซิบตอบเลยไม่ต่างไปจากการตะคอกสักเท่าไหร่ “ อย่ามาโมเม ใครกันแน่ที่แส่หาเรื่องให้ฉัน ! ”
คำ กล่าวที่ฉันนิ่วหน้า อยากเถียงแต่ดูเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยเลย เมื่อเจ้าตัวยักษ์ฝูงนั้นร้องคำราม พลังอำนาจวิเศษที่สืบทอดมานับแต่โบราณกาลเพิ่งประจักษ์แก่สายตาในวินาทีนี้ ฉันเบิกตากว้าง จ้องคมเขี้ยวเจ้าตัวจ่าฝูงไม่กะพริบตา ถึงฉันจะอยากรู้ว่าทำไมเจ้าตัวนี่มันถึงได้เป็นอสูรระดับเอ แต่พูดตรงๆ... ฉันไม่ได้อยากรู้ด้วยวิธีนี้ !
โอ.. พระเจ้าช่วยเถอะ ! ถึงฉันจะเป็นคนพุทธก็ช่างมัน พระพุทธเจ้า พระคริสต์ พระอัลลอฮ์ หรือจะพระศิวะ วินาทีนี้ศาสนาไหนช่วยต่อลมหายใจฉันได้ ฉันยอมคารวะขอติดตามชั่วชีวิตเลยเอา !