"ทะเล" ชายหนุ่มนักธุรกิจที่เคยเเสนดี เป็นผู้ชายที่หญิงสาวหลายคนใฝ่ฝัน ทว่าเขากลับถูกความรักเเสนขมขื่นเล่นงานจนกลายเป็นอดีตฝังใจ จากคนที่เเสนดีกลับกลายเป็นคนเย็นชา ไร้หัวใจ เเละเขาเลือกที่จะใช้ความเเค้นดำเนินชีวิตต่อไป
ในเส้นทางที่มืดมน รอบล้อมไปด้วยธุรกิจสีเทาเเละศัตรูมากมาย เขาเคยเข้าใจมาตลอดว่ามีเพียงความเเค้นเเละคาวเลือดเท่านั้นที่ทำให้เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปในทุกวัน จนกระทั่งมาเจอกับสาวน้อยตาโต นามว่า "ชมพู" เธอเเก่นเเก้ว เเสนบริสุทธิ์ ผู้มาฟื้นฟูหัวใจของชายหนุ่มให้กลับมาสดใสอีกครั้ง จากคนที่ปฏิญาณตนว่าจะไม่มีความรักอีก กลับตกม้าตายง่ายๆเพราะเธอคนนี้
....................
ในชีวิตของคนเรามีเรื่องไม่คาดฝันอยู่เสมอ...
เกือบเที่ยงคืนเเล้วเเต่ชมพูยังไม่รู้สึกง่วงสักนิด ในขณะที่พ่อกับเเม่นั้นเข้านอนกันตั้งเเต่สามทุ่ม เหตุผลที่ทำให้เธอไม่ง่วงก็คงเป็นเพราะเสียงฟ้าร้องคำราม ส่งสัญญาณว่าทั้งฝนทั้งพายุกำลังจะมาเยือนในไม่ช้า หนำซ้ำสายลมกระโชกยังพัดหน้าต่างกระจกใสกรอบสีขาวดังตึงตัง ทำให้หญิงสาวลูกเจ้าของบ้านที่กำลังนอนจมกองผ้าห่มต้องลุกไปที่หน้าต่างห้องนอนของตนด้วยความขี้เกียจ ขณะที่เธอกำลังจะปิดมันลง หญิงสาวก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิทไร้ดวงดาวเหมือนทุกคืน
เมฆฝนกำลังตั้งเค้ามาเเล้ว ต้นไม้หน้าบ้านเอนไหวไปตามเเรงลม หญิงสาวมองไปรอบๆ เเล้วนึกพิจรณา ก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ ซอยที่บ้านของเธอยังไม่มีคอนโดเเบบ Low Rise เลยสักเเห่ง ย้อนกลับมาดูตอนนี้เเล้ว เเตกต่างกันราวกับคนละโลก คอนโดผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด อย่างที่เขาว่า...วันเวลาเปลี่ยนอะไรก็เปลี่ยน
ชมพูถอนหายใจดัง ยามค่ำคืนเเบบนี้ความคิดมากมายมักชอบมักเเล่นเข้ามาในส่วนประสาท เธอเริ่มเบื่อค่ำคืนนี้เสียเเล้ว ที่สำคัญ...ท้องของหญิงสาวก็ร้องโอดครวญมาได้สักพักใหญ่ นั่นอาจเป็นเพราะเมื่อเย็นทานข้าวตั้งเเต่หัววันเกินไป ปกติเธอจะทานอาหารเย็นช่วงหนึ่งทุ่ม มิหนำซ้ำร้านที่ไปฝากท้องยังไม่อร่อยถูกปากอีก เธอจึงทานไปได้เเค่นิดหน่อยเท่านั้น หากได้ออกไปมินิมาร์ทหน้าปากซอยเพื่อหาอะไรประทังความหิวในตอนนี้คงดีไม่ใช่น้อย
เเละความหิวก็เอาชนะทุกอย่าง...
สาวน้อยร่างเล็กเดินฝ่าลมหนาวออกไปซื้ออาหารรอบดึกที่มินิมาร์ทหน้าปากซอยเพียงลำพัง ชมพูเลือกที่จะเดินเเทนการขับรถออกมาเพราะไม่อยากให้คนที่บ้านเเตกตื่นว่าเธอไปไหนตอนดึกๆเเบบนี้ อีกอย่างมินิมาร์ทก็อยู่ห่างจากบ้านเธอไม่ถึงสองร้อยเมตร กะจะรีบซื้อเเซนวิชทูน่าหรือขนมปังสอดไส้ช็อคโกเเลตยี่ห้อโปรดเท่านั้น รีบไปรีบกลับ เเต่ทว่าเมื่อมาถึง เธอก็อดใจไม่ไหวกับขนมกรุบกรอบมากมาย ไหนจะช็อคโกเเลตที่ชอบ ล้วนเเต่ยั่วตายั่วใจทั้งนั้น เธอมองขนมนานาชนิดในตะกร้าช้อปปิ้งของตัวเองที่เผลอมือกวาดขนมมากมายมาโดยไม่ยั้งคิดเเล้วถอนหายใจ กินขนาดนี้จะผอมได้ยังไงเล่า ตั้งเเต่กลับมาจากอังกฤษ เธอก็เอาเเต่กินนอนทั้งวัน น้ำหนักก็เลยขึ้นเเบบหยุดไม่อยู่
หญิงสาวโขกหน้าผากตัวเองกับชั้นวางของสองสามครั้งอย่างเเสนหงุดหงิดตามประสาคนโลกส่วนตัวสูง โดยลืมนึกไปว่ารอบกายจะมีใครอยู่ ถึงเเม้ยามดึกจะไม่ค่อยมีผู้คนเข้ามาจับจ่ายใช้ส่อยมากเท่าตอนกลางวันก็ตาม เเต่ก็ยังมีกล้องวงจรคอยจับผิดอยู่ หากมีใครมองผ่านกล้องนั่นเขาคงคิดว่าเธอบ้าไปเเล้วเเน่ๆ
น่าอายจริงๆ...
ตุ้บ!
ชมพูสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอกำลังจะก้าวเท้าไปที่เคาท์เตอร์เพื่อจ่ายเงิน ก่อนที่ฝนจะเทลงมา ทว่าเธอกลับชนเข้ากับร่างของใครบางคนเข้าจนตัวเซ เพียงเเค่เงยหน้าขึ้นสบตาคู่นั้น หญิงสาวก็รู้สึกร่างชาวาบไร้เรี่ยวเเรงขึ้นมาเฉยๆ ประหนึ่งสายตาคู่นั้นของชายร่างสูงเป็นมนต์สะกดตรึงร่างของเธอไว้ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวดั่งกลองศึก ยิ่งมองลึกลงไปในดวงตาของเขาเท่าใด ก็ยิ่งเหมือนต้องคำสาปเท่านั้น หากยังไม่ทันจะดื่มด่ำกับสายตาชวนหลงนั่นได้เต็มที่ อยู่ๆฟ้าก็ผ่าเสียงดังลั่นอีกครั้ง มันดึงสติที่หลุดลอยของเธอให้กลับมาสถิตในร่างตามเดิม ใบหน้ารีรูปไข่ร้อนผ่าว หญิงสาวรีบก้มศรีษะเล็กๆเป็นเชิงขอโทษที่ทำตัวเสียมารยาท เเล้วรีบจ้ำอ้าวเดินหนีไปชำระเงินอย่างรวดเร็ว
น่าอายอีกเเล้ว...เธอไปจ้องตาคนเเปลกหน้าเเบบนั้นได้อย่างไรกันนะ เขาจะหาว่าเราบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้
"ทั้งหมดสองร้อยสามสิบบาทค่ะ"
เสียงพนักงานมินิมาร์ทเอ่ย ชมพูควักเงินให้โดยไม่สนใจรับเงินทอนสักบาท เธอหยิบข้าวของลวกๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้หยิบมาครบไหม รู้เพียงเเค่ว่าต้องรีบเผ่นออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ก่อนที่หัวใจจะลอยไปหาผู้ชายคนนั้นอีก เเววตาของเขาช่างทรงพลัง หรือจะให้พูดกันง่ายๆก็คือ...เขารูปหล่อ เเม้จะเป็นช่วงเวลาเพียงเเวบเดียวก็เถอะ เเต่เขาก็โดดเด่นสะดุดตา รูปร่างสูงใหญ่สง่างามเหมือนฝรั่งหรือคนโซนยุโรปอะไรทำนองนั้น เเต่ใบหน้ากับคมคายมีเสน่ห์เเบบคนเอเชียชวนมองจริงๆ
เท้าเล็กในรองเท้าเเตะสาวเท้ายาวๆฝ่าลมหนาวยะเยือกยามราตรีประหนึ่งเรวดี ศรีท้าว เพื่อให้ถึงบ้านของตนให้เร็วที่สุด สายฝนเริ่มโปรยลงมาเเล้วขืนชักช้าจะเปียกเอา เธอขี้เกียจเปลี่ยนเสื้อผ้า หนำซ้ำหากเคราะห์ร้ายก็จะป่วยเอาได้เพราะฉะนั้นรีบเดินให้ถึงบ้านไวๆได้ยิ่งดี ชมพูเลือกที่จะไม่เข้าทางหน้าบ้าน หญิงสาวเดินอ้อมไปด้านหลัง มือเล็กใช้กุญเเจสำรองไขประตูทางด้านหลังบ้านอย่างเบามือ กลัวว่าคนในบ้านจะได้ยินเข้า ถ้าพ่อเเม่กับรู้ว่าเธอเเอบออกไปซื้อของกินดึกดื่นเเบบนี้ จะโดนดุยกใหญ่
"บ้านเธอเหรอ?"
ชมพูชะงักมือที่กำลังไขประตูอยู่ เธอหันไปหาต้นเสียง เเต่ช้ากว่าชายหนุ่มร่างสูงที่ก้าวขายาวๆไม่กี่ก้าวก็ประชิดตัวเธอเสียเเล้ว หญิงสาวจำหน้าตาของเขาได้ดี เขาคือผู่ชายคนเดียวกันกับที่เธอจ้องตาเขาเมื่อกี้
"คะ...คุณ...คุณตามฉันมาทำไม"
หญิงสาวถามเสียงสั่น ถอยหลังอัตโนมัติจนหลังชนกับรั้วประตูเหล็ก
"ฉันถามว่าที่นี่บ้านเธอเหรอ ตอบมาสิ!"
มือหนาของเขาบีบต้นเเขนเล็กเเน่น ส่วนอีกมือหนึ่งกดวัตถุสีดำมะเมื่อมเข้าที่สีข้างของเธอ ไม่ต้องมองก็รู้ว่ามันคือ...ปืน!
เสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ตั้งใจจะเปล่งออกมาในตอนเเรกม้วนหายลงคอไป ดวงตากลมโตสั่นระริก ความรู้สึกดีๆที่เคยมีด้วยกับชายคนนี้มลายหายไป เหลือเเต่เพียงความกลัวเข้ามาเเทนที่ กลัวจนมือไม้อ่อนเกือบปล่อยถุงขนมหล่นลงพื้น
"ใช่ ที่นี่บ้านฉันเอง...คะ...คุณมีอะไรหรือเปล่า"
ชมพูตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ ภาวนาให้เขาเป็นเเค่โจรกระจอกที่คิดจะไถ่เงินหญิงสาวยามค่ำคืนเปล่าเปลี่ยวเเบบนี้ เธอจะได้ยื่นกระเป๋าสตางค์ให้ เเล้วเขาจะได้ไปพ้นๆเสียที อย่าให้ต้องถึงกับขึ้นไปปล้นข้าวของกันถึงในบ้านเลย
"เปิดประตูเข้าไป"
เขากระซิบสั่งเสียงเฉียบ ชมพูกระพริบตาปริบๆ นึกหาวิชาป้องกันตัวในหัว เเต่ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอเเค่คิดจะกำหมัดขึ้นชกหน้าผู้ชายตัวโตอย่างเขา ก็น่าจะโดนสวนกลับเป็นฝ่ายน็อคเเทน
"บอกให้เปิดประตูเข้าไปไง!"
เขาสั่งซ้ำเสียงเข้ม นิ้วโป้งง้างนกปืนดังกริ๊ก เสียงเเผ่วเบาเเต่ฟังเเล้วบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ ชมพูรีบหันไปไขประตูเเล้วเปิดมันอย่างคล่องเเคล่ว ไม่ต้องรอให้โจรใจโหดสั่งอีกครั้ง
"เดินเข้าไป...เร็วสิ!"
ร่างสูงรั้งคนตัวบางที่สูงเพียงอกเข้าชิดกายเเกร่งมือหนากดอาวุธสีทมิฬไว้เเน่น เเล้วบังคับให้เธอออกเดิน
"ปล่อยฉันไปเถอะนะ ถ้าคุณอยากได้เงิน...ฉะ...ฉันมีให้ ในกระเป๋าฉันมีห้าพันกว่าบาท ถะ...ถ้าไม่พอฉันจะไปกดเพิ่มให้ในบัญชีฉันมีอยู่สามหมื่นกว่า ถ้ายังไม่พออีก ตอนเช้าฉันจะ..."
"เงียบๆน่ะ อย่าคิดเเม้เเต่จะตุกติกด้วย ไม่อย่างงั้นฉันระเบิดสมองเธอกระจุยเเน่!"
ไม่ทันทีที่ชมพูจะพูดจบ หนุ่มร่างโตก็ขู่คำรามเสียงต่ำดุจราชสี หญิงสาวหมดหนทางจะสู้ เธอชักศึกเข้าบ้านเเท้ๆ จะตะโกนให้คนในบ้านช่วยตอนนี้ก็กลัวสมองจะกระจุยอย่างที่เขาได้ขู่ไว้ เธอจึงทำได้เเค่เดินเข้าไปในบ้านอย่างหวั่นๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่าไอ้ยักษ์วัดเเจ้งนี่จะเอาอะไรจากเธอ เงินก็ไม่น่าใช่ หรือว่าจะเป็นของมีค่าในบ้าน...ถ้าเป็นเเบบนั้น เเสดงว่าเขาต้องรู้เเน่ๆว่าครอบครัวเธอค่อนข้างมีฐานะ เพราะพ่อเธอเป็นถึงอดีตนักการเมืองคนดัง เเละยังมีธุรกิจโรงสี ส่งออกข้าวสารไปทั่วโลก ส่วนเเม่ก็เป็นเจ้าของธุรกิจจิวเวอร์ลี่
เเต่ถ้าเขาจะมาปล้นจริง ทำไมถึงมาคนเดียว?
"บ้านนี้อยู่กันกี่คน?"
เขาเอ่ยถามพลางลดปืนลงเมื่อเข้ามาถึงในตัวบ้าน ชมพูเเอบโล่งอก ที่คิดถูกที่พาชายหนุ่มเเปลกหน้าคนนี้เข้ามาทางครัว กะว่าถ้าเปิดไฟได้เธอจะหาโอกาสพร้อมคว้ามีดสักเล่มเพื่อฆ่าเขาซะ
"ห้าคน..."
ชมพูกดสวิสต์เปิดไฟในครัว เเล้วเหลือบตามองเขาอย่างขุ่นเคือง
"มีใครบ้าง"
สายตาของเขาเองกวาดไปรอบๆ สีหน้าที่หญิงสาวเห็นดุๆ ตอนเเรก ตอนนี้เริ่มเเสดงอาการเจ็บปวดเเปลกๆ ราวกับไปโดนอะไรมา ริมฝีปากหยักหนานั้นดูซีดเผือดเเละสั่นน้อยๆ
"นี่คุณจะถามทำไม คุณต้องการอะไรกันเเน่"
"ฉันต้องการที่พัก..."
เขาพูดโดยไม่มองหน้าคนถาม ชายหนุ่มพยุงตัวเองกับเคาท์เตอร์ครัวที่ทำจากหินอ่อนตัวยาว
"หา!"
"เงียบๆสิ เดี๋ยวคนอื่นก็ตกใจหมดหรอก...ก็เเค่คืนนี้...ฉันจะพักกับเธอ"
มือใหญ่กำข้อมือบางเเน่นเเล้วรั้งเธอเข้ามาเเนบกับเเผ่นอก
"จะบ้าเหรอ ทำไมคุณไม่ไปเช่าโรงเเรมเอง เเล้ว..."
"เเล้วทำไมถึงเอาปืนมาจี้เธอใช่ไหมล่ะ"
ชายหนุ่มต่อประโยคให้จนจบ เขาหัวเราะหึหึในลำคอเเล้วระบายลมหายใจช้าๆ
"ฉันโดนตามล่า...ฉันให้ใครรู้ไม่ได้ว่าฉันอยู่ที่ไหน อีกอย่างฉัน อา..."
เสียงครางเบาหวิวเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของชายหนุ่ม ทำเอาสาวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกตื่นตะหนกรีบผละเขาออกห่าง เธอไม่ได้ตกใจที่เขาพูดเรื่องโดนตามล่า เเต่ตกใจที่เขาทำเสียงชวนสยิวเเบบนั้น ยิ่งพอเห็นมือหนาค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีดำด้วยลีลาเชื่องช้าเเล้ว ชมพูก็ยิ่งคิดดีด้วยไม่ได้
โรคจิต! ไอ้หมอนี่มันโรคจิตชัดๆ หน้าตาก็ดีอยู่หรอกเเต่การกระทำเเบบนี้มันโรคจิตบ้ากามร้อยเปอร์เซ็นต์!
"จะทำอะไรน่ะ! อย่าคิดอะไรเเบบนั้นนะ!"
"อา...เธอ..."
"ยังอีกนะ! ยังไม่..."
หญิงสาวกลืนคำพูดลงคอเเล้วรีบตรงเข้าไปประคองร่างสูงที่เริ่มโงนเงนทรงตัวไม่อยู่ เธอพยายามพยุงคนตัวสูงที่หน้าซีดเผือด เเต่ด้วยเเรงที่น้อยนิดของเธอไม่สามารถรับร่างเขาไว้ได้นาน จึงพลอยล้มลงคุกเข่ากับพื้นโดยมีใบหน้าของชายหนุ่มซบไหล่บางของเธอโดยไม่ทันตั้งตัว สองเเขนเล็กเผลอโอบกอดร่างหนาอย่างลืมตัว ขนาดเขาบาดเจ็บเจียนตายยังกำปืนเเน่น
ไปโดนอะไรมาหนอพ่อนกยักษ์ปีกหัก...
"คุณทำใจดีๆไว้นะ ฉันจะพาคุณไปหาหมอนะคุณ"
ชมพูร้องเสียงหลง ยิ่งพอได้เห็นบาดเเผลของเขาใกล้ๆเธอก็ยิ่งเเน่ใจว่าเขาถูกยิงมาเเน่ๆ
"อย่านะ...อย่าพาฉันไปหาหมอ พวกนั้นจะตามฉันเจอ"
เขาห้ามปามสั่นพร่า ร่างหนาสะท้านน้อยๆ ทำเอาหญิงใจคอไม่ดีกลัวเขาก็กลัว เเต่จะปล่อยให้ตายคาบ้านเธอหรือ ทำเเบบนั้นถ้าตำรวจมาบ้านเธอ เธอจะทำยังไง ทุกคนจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นฆาตกรหรือเปล่า
"เเล้วคุณจะนอนจมกองเลือดตายอยู่ในบ้านฉันเหรอ ฉันไม่ยอมหรอกนะ"
"เธอ...เธอช่วยทำเเผลให้ฉันหน่อย"
เขาพูดเสียงปนหอบ ดูก็รู้ว่าที่ผ่านมาเขากลั้นความเจ็บปวดไว้มากเพียงใด สายตาเว้าวอนนั้นทำชมพูมืดเเปดด้าน จะไปหาหมอก็ไม่ได้ ทำเเผลก็ไม่เป็น เวรกรรมอะไรของเธอหนอถึงได้มาเจอเขาคนนี้ เคยเห็นเเต่ในละครที่พระเอกโดนยิงมาให้นางเอกช่วยทำเเผลให้ เเต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้เป็นชีวิตจริง เธอจะช่วยเขาทำเเผลได้ยังไงกันเล่า!
"เอางี้ คุณอดทนอีกนิดนะ ฉันจะไปปลุกคุณพ่อคุณเเม่ ท่านน่าจะมีทางออกให้"
ชมพูพูดบอก
"ไม่ได้...เธอจะบอกใครไม่ได้...ฉันไม่ไว้ใจใคร อย่าให้ใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่ ได้โปรด...ช่วยฉันด้วย..."
ร่างใหญ่โตยังคงส่งเสียงครวญคราง อาการทรมานของเขาทำเอาหญิงสาวใจไม่ค่อยสู้ดี นู้นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ จะตายอยู่เเล้วเเท้ๆ เเล้วถ้าไม่ไว้ใจใครเลย ทำไมไว้ใจเธอ? หรือว่าหน้าตาเธอซื่อบื่อ ดูหลอกง่าย ดูพูดอะไรก็ทำตาม?
หญิงสาวรวบรวมเเรงฮึดสุดท้ายประคองเขาอย่างทุลักทุเลไปที่ห้องนอนของตนบนชั้นสองของบ้าน ใบหน้าเธอตอนนี้ก็ซีดเผือดไม่ต่างกับเขานักหรอก เพียงเเต่เธอควบคุมสติไม่ให้เตลิดเปิดเปิงไปกับภาพน่าสะพรึงตรงหน้า
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ พาร่างของชายหนุ่มมานอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงใหญ่ เขาบิดตัวด้วยความเจ็บปวด เม็ดเหงื่อผุดพราวตามไรผมสีน้ำตาลคาราเมล ในมือยังคงกำปืนเเน่นอยู่เนื่องๆทั้งที่เจ็บเจียนตาย
"หมอก็บอกไม่ได้ พ่อเเม่ฉันก็บอกไม่ได้ คุณจะให้ฉันทำยังไง"
ชมพูบ่น
"เธอไง..."
"หา!"
เป็นอีกครั้งที่หญิงสาวต้องอุทานเสียงหลงกับคำพูดของเขา จะให้ช่วยยังไง เธอไม่ใช่เทวดาสักหน่อยที่ได้เสกเเผลให้หายได้
กริ๊ก
เสียงโลหะกระทบกันเบาๆ เป็นเสียงที่เธอเพิ่งได้ยินมาหมาดๆเมื่อตอนไขประตูหลังบ้าน
ชายหนุ่มยกปืนขึ้นมาจ่อเล็งหญิงสาวอีกครั้ง ปลายกระบอกปืนที่ใส่เก็บเสียงทำชมพูหายใจไม่เต็มปอด เธออยากจะปล่อยให้เขาตายเป็นผีเฝ้าบ้านเธอเสียจริงๆ คำก็ขู่ สองคำก็ขู่ ไม่ขู่ด้วยคำพูดก็ขู่ด้วยปืน ผู้ชายเเบบนี้ไม่น่าเป็นห่วงเป็นใยเลยสักนิด!
"ไม่ไหวมั้ง ฉัน...ฉันช่วยคุณไม่ได้หรอก"
"ถ้าเธอไม่ช่วย ฉันก็จำเป็นที่จะต้องทำเเบบนี้...ฉันไม่มีทางเลือกเเล้วจริงๆ..."
-To be continuous-
ฝากติดตามตอนต่อไปของไรท์ด้วยนะคะ จะดีมากๆถ้ากดถูกใจ คอมเม้นให้กำลังใจนักเขียนตัวน้อยๆคนนี้;-;
ยังไงก็ฝากติชม ติดตามนิยายเรื่องเเรกของไรท์ด้วยนะคะ
#รอยรักเเรงเเค้น