แรกเริ่มเดิมที....
ตึงๆๆ ชั้นสาม
ตึงๆๆๆ ชั้นสอง
ตึงๆๆๆ ชั้นหนึ่ง
ห้องน้ำๆ อีกนิดเดียว นิดเดียว นิด….เดียว
“ปัง!”
ผมปิดประตูห้องน้ำอย่างแรงก่อนจะรีบจัดการถอดกางเกงนักศึกษาออกอย่างว่องไว แล้วนั่งลงบนโถส้วมและเริ่มถ่ายหนักทันที
“อูวววว ซี๊ดด”
ถึงกับสูดปากด้วยความแสบครับ แหมส้มตำนี่มันทำพิษจริงๆ ผมไม่น่าหลงรับปากท้าดวนกะอิสีหรือสีบลู เพื่อนในเอกเลยครับ
เรื่องมันเริ่มจากว่าเมื่อตอนเย็นผมกับมันไปกินส้มตำกันครับ แล้วจู่ๆมันก็นึกพิเรนทร์อะไรก็ไม่รู้ท้าดวลกินส้มตำรสจัดกับผม อันที่จริงผมกับมันกินเผ็ดกันไม่ได้หรอกครับ แต่เผอิญว่ามันดันบอกถ้าผมชนะมัน มันจะให้ผม 500 บาท แต่ถ้ามันชนะผม ผมแค่เสียให้มัน 100 เดียวครับ ไอ้ผมก็ไม่ได้เป็นคนเห็นแก่เงินอะไรไง ว่าแล้วก็รับคำท้าทันทีครับ!
….และแล้วผมแพ้ดวลมัน แถมยังมานั่งท้องเสียอยู่ในห้องน้ำอีก….
สาธู๊…อย่าได้ให้กูขี้แตกตายในห้องน้ำเลย….
“ฟู่”
ผมระบายลมหายใจออกมาเบาๆด้วยความเหนื่อยหอบ หลังจากจัดแจงใส่กางเกงเรียบร้อยแล้ว ก็จะไม่ไห้เหนื่อยได้ยังไงไหวล่ะครับ เล่นขี้แตกเป็นชั่วโมงขนาดนี้ ไม่ตายคาห้องน้ำก็บุญหัวแล้วครับผมพยายามพยุงร่างที่อ่อนเพลียของตัวเองขึ้นช้าๆ แล้วก็เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องน้ำและค่อยๆเดินออกไป
แต่พอเปิดปุ๊ปก็เห็นของดีปั๊ป
เยะเขรรรร้!
คนเอากันครับ คนเอากัน เอากันแบบสดๆร้อนๆต่อหน้าต่อตาเลยครับ ฟัดกันนัวเนียแบบไม่สนใจใครเลยด้วย แล้วนี่ก็ยังเป็นห้องน้ำของคณะอีก ถึงผมจะหล่อน่าตาดีขนาดไหน แต่ก็ยังซิงนะครับ มาเห็นภาพแบบนี้ บ่องตง รับไม่ด้ายย!!!
“อะ…อือ…”
เอ่อ…คือผมก็ไม่ได้อยากจะขัดความสุขอะไรตอนคนอื่นเค้าเอากันอยู่หรอกนะครับ แต่ว่า…
“ขอทางหน่อยครับ…”
ทำมัยเสียงกูมันฟังดูอ่อนระโหยแบบนี้ว่ะ พูดไปก็เอามือยันขอบประตูห้องน้ำไปครับ ไม่งั้นไม่ไหว มีหวังได้ล้มแน่
“อ๊ะ! อือ…ตะ ต่อ อ๊า!”
พวกมึงสองตัวช่วยฟังกูก่อนได้มั้ย สังเกตเห็นกูหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะนะ!..อีนี่ก็อย่าเอาแต่ครางสิว่ะ รีบๆหลบไปให้พ้นจากประตูทางเข้าสักที
“หลีกทางหน่อย”
ผมเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีก
“อืม…อ๊า”
“หลีกทาง…”
“อืม อ๊ะ ซี๊ดดด”
“หลีก..”
“ฮะ ระ..แรง แรงๆ ต่อ แรงอีก!”
“เหี้ย!!! หลบ!”
ครับ คราวนี้ผมตะโกนเลยครับ ไม่ไหวแล้ว มาครางอือๆอ่าๆกันอยู่ได้ ไม่ใช่ว่ามีอารมณ์อะไรหรอกนะ บอกตามตรงคนจะตายห่าอยู่แล้วยังจะมีอารมณ์อะไรอีก เหนื่อยก็เหนื่อย เพลียก็เพลียครับ
และแล้วก็ได้ผลครับ หันมากันทั้งคู่เลย พอเห็นผมเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบซุกหน้าเข้ากับอกอีกฝ่ายทันที
“อย่ามาด่ากูเหี้ย กูไม่ชอบ”
“กูก็ไม่ได้อยากด่าหรอก แต่มึงเอากันขวางทางกู กูบอกให้หลบดีๆก็ไม่หลบ กูก็เลยเรียกชื่อมึงดูเผื่อจะหลีกทางให้”
น๊าน…เป็นไงละครับ ปากผม น้อยหน้าใครได้ที่ไหนล่ะ ว่ามาผมก็สวนกลับเลยครับ แบบไม่ทันได้คิดไงว่า เอ้า กูไม่มีแรงอยู่นี่หว่าถ้ามันเกิดเข้ามาต่อยขึ้นมานี่ผมมีแต่ตายกับตายเลยครับ ตัวอย่างกับควาย
“ปากดีนะมึง แต่ตอนนี้กูกำลังเงี่ยน ไม่อยากเตะปากใคร มึงจะไปก็รีบไปเลย”
โอ้วววว….ในที่สุดกูก็จะได้ออกไปสักที
หลังจากนั้นไอ้เหี้ยนั่นมันก็หลีกทางให้ผมจริงๆครับ มันลากผู้หญิงของมันไปอีกฝั่งแล้วก็ไปทำกันต่อครับ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร พอทางสะดวกก็พยายามลากตัวเองออกจากห้องน้ำทันที
“เฮ้ย! เนๆๆ ทางนี้มึง”
อะไรๆทางไหน ใครเรียกกูอยู่ทางไหน ผมหันซ้ายหันขวามองหาที่มาของเสียงเรียกครับ
“เหี้ยโจ้!”
ผมเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงร่าเริงทันที กูรอดแล้วๆ ฮ่ะฮะฮ่า ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างคนดี ส่งพระรองหน้าเหี้ยอย่างไอ้โจ้มาช่วยผมจนได้ หลังจากที่เจอแต่เรื่องซวยๆมาทั้งวันแล้ว
“ไหวมั้ยมึง? โทษทีว่ะที่กูมาช้า พอดีพวกพี่กูแม่งมาลงวินัย พอปล่อยปุ๊บกูก็ตรงมาหามึงเลยเนี่ย”
ไอ้โจ้มันอธิบายด้วยหน้าตาสำนึกผิดแล้วก็เข้ามาช่วยพยุงผม พาไปขึ้นรถยนต์ของมันที่จอดรออยู่หน้าคณะ
ผมกับไอ้โจ้เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กแล้วครับ บ้านเราอยู่ไม่ไกลกันมากด้วย พวกผมสองคนเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ แล้วก็ชอบบรรยากาศของต่างจังหวัดด้วย มันไม่วุ่นวายดี เพื่อนในกลุ่มผมหลายคนเข้าไปเรียนในกรุงเทพเพราะว่ามันใกล้บ้านกว่า แต่ผมไม่ชอบไง เลยเลือกลงแต่มหาลัยที่อยู่ต่างจังหวัด ไอ้โจ้มันก็ตามมาด้วย
ตอนนี้พวกผมสองคนก็มาเป็นลูกองค์สมเด็จพระนเรศวรฯอยู่ที่รั้วเทา-แสด ไอ้โจ้มันเรียนสถาปัตย์ครับ บอกว่าจะเรียนไปช่วยงานที่บ้าน คือบ้านมันเป็นบริษัทรับจ้างออกแบบนะครับ ส่วนผมเรียนจิตวิทยาครับ เป็นสาขาที่ไม่ค่อยมีคนเรียนเยอะเท่าไร แต่ผมว่ามันดูท้าทายดี ก็เลยเลือกเรียน
“เน มึงโอเคมั้ย? หน้ามึงแม่งซีดเหี้ยๆเลยว่ะ กูว่าไปหาหมอหน่อยมั้ยว่ะ?”
เสียงไอ้โจ้ดังขึ้นหลังจากที่มันขับรถออกมาจากคณะผมได้สักพักหนึ่ง ผมไม่ได้ตอบมันแต่ส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ ทั้งๆที่ตายังคงปิดสนิท ตอนนี้รู้สึกเพลียมากเลยครับอยากจะนอนอย่างเดียว ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว
“เอ่อๆ ไม่ไปก็ไม่ไป แล้วอย่ามาตายคารถกูล่ะ กูขี้เกียจเอารถไปล้าง….”
เสียงไอ้โจ้ยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องหรอกนะครับว่ามันพูดอะไรมั่ง เพราะตอนนี้ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียทั้งล้า แล้วยิ่งมีเสียงเพลงเบาๆที่ไอ้โจ้มันเปิดเอาไว้กล่อมอีก ผมก็เริ่มง่วง…
………………………………………………..
สวัสดีค่าาาาาาา นี่เป็นนิยายเรื่องแรกที่ สี(บลู) เขียนลงในธัญวลัย สีชอบนิยายแนวผู้บ่าวไทบ้าน ดังนั้นเรื่องที่จะเจอพระเอกหล่อ เลว เป็นมาเฟีย หรืออะไรเทือกนั้นไม่มีแน่นอนค่าาา แต่ถ้าชอบบ้านๆ สนุกสนาน พล็อตเรื่องพื้นๆ แต่อ่านแล้วเบาสมองประลองความฟินแล้วละก็ สีจัดเต็มแน่นอนค่ะ ยังไงก็ฝากนิยายเรื่องแรกของสีไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพ่อแม่พี่น้อง และมิตรรักแฟนเพลงทุกท่านด้วยนะคะ จุ๊บ
ปล. นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น อาจอิงสถานที่จริงบ้าง แต่บุคคลและสถานการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นนะจ๊ะ