I.Harry(แฟนฟิค typemoon X Harry Potter)
63
ตอน
110K
เข้าชม
192
ถูกใจ
115
ความคิดเห็น
586
เพิ่มลงคลัง

 

 

สวัสดีครับ เรื่องนี้คือแฟนฟิคของเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์และจักรวาลไทป์มูนนะครับ

ผมลองฝึกเขียนในจักรวาลของเรื่องแฮร์รี่ และไทป์มูนที่มีเนื้อเรื่องของตนเองอยู่แล้วเพื่อฝึกการเขียนเรื่องและการดำเนินเรื่องครับ

 

ซึ่งแนวเรื่องอาจจะมี NC ในบางฉาก แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฉากที่มีเป้าหมายเพื่อดำเนินเรื่องครับ เช่นการใช้วิชาดูดพลังเวทย์ผ่านทางการเสพกามาด้วยพิธีตันตระ(Tantric Ritual)เป็นต้น

เป้าหมายหลักของผมคือการลองฝึกเขียนว่าเรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ไม่มีฉาก NC มากเท่าที่คิดครับ เพราะตัวละครในเรื่องนั้นเป็นคนระมัดระวังตัวสูง

ซึ่งก็นับว่าเป็นความท้าทายต่อตัวผมในฐานะนักเขียนเป็นอย่างมาก เพราะหากผู้อ่านจะอ่านต่อไปจะเห็นว่า เป็นแนวที่ถนัดในการทำตัวแบบ พาวเวอร์เกมเมอส์มากกว่าคือ หาทางทำให้ตนเองเก่งมากกว่าที่จะสนใจฉากรักใคร่

 

แนว Self insert นั้นคือการที่แทนตัวเอง อาจจะในฐานะนักอ่านหรือคนธรรมดาทั่วไปที่เคยอ่านงานเรื่องนั้นลงไปในเหตุการณ์ของบทประพันธ์หรือนิยายเรื่องนั้นเอง

เช่น เหตุการณ์ที่คนเราอาจจะมองว่าทำไมพระเอกนางเอกโง่แท้ แต่พอเราตื่นขึ้นมา เราก็พบว่าร่างของตัวเราอยู่ในร่างของชายน้อยในเรื่องบ้านทรายทองแล้วและต้องผจญภัยเอาชีวิตให้รอดโดยการอาศัยความรู้จากอนาคตให้เป็นประโยชน์

มองในแง่หนึ่งมันคือนิยายที่เหมือนกับแนวย้อนเวลาสู่อดีต ที่ตัวเอกสามารถนำความรู้ในอนาคตหรือความรู้เรื่องที่ตัวละครในเรื่องไม่รู้มาใช้เพื่อประโยชน์ของตัวเอกครับ

 

ซึ่งเรื่องนี้ ตัวละครเอกนั้นตื่นขึ้นมาในร่างของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ในจักรวาลที่เป็นการครอสโอเวอร์กันระหว่างจักรวาลแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับไทป์มูนครับ

""

รู้สึกพลาดเล็กน้อยที่มุก Lust และ World Desire มีการใช้ไปแล้วในจักรวาลนาสุ

ผมคงต้องมีการดัดแปลงเนื้อเรื่องที่ผมคิดไว้เล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับข้อมูลใหม่ที่มี

มุกศาสดาของศาสนาที่เอาตัณหาราคะมาเป็นแกนกลางจนกลายเป็น Beast ได้นี่น่าสนใจมาก

อีกเรื่องหนึ่งคือการที่มีการใช้ ตำนานของโสเภณีแห่งบาบิโลน Harlot of Babylon และตำนานที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ไบเบิล

ผมคงต้องดัดแปลงบอสในเนื้อเรื่องของผมตามข้อมูลใหม่นี้ล่ะครับ

...
น่าเสียดายโวลเดอมอร์ไม่ใช่บอสใหญ่ของเรื่องนี้ แต่ด้วยความเสียดายผมจะลงค่าสถานะของโวลเดอมอร์ที่ผมได้มาจากที่อื่นให้ดูครับ


Name- Tom riddle
House- Slytherine
Alingment- Chaotic evil
Year-
Virtue- Diligence
Vice-Wrath
Totem Snake
Element- fire
Social hitpoints- 0

S-10
P-10
E-10
I-10
C-10
A-10
L-10

Skills
Astronomy- Grand master
Charms -Grand master
Dark Arts - Grand master
Defense- Grand master
Potions- Grand master
Flying- Adept 5
Herbology - Grandmaster
History -Adept 6
Divination -Apprentice 10
Runes -Grandmaster
Arithimancy -Grand master
Transfiguration- Grand master
Care of magical animals- Expert 10
Debate- Novice 4
Snake Totem Magic- Adept 5
Guns- novice 0
Fencing- Apprentice1
Mage craft Grandmaster
Science- Expert 10
Summoning Expert 10
Martial arts Adept 9
Investigation- Expert 6
Aura- Expert 5

โวลเดอมอร์ ยังอยู่ในค่าสถานะที่ไม่เก่งพยากรณ์มากนักเนื่องจากเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยพรสวรรค์เฉพาะตัวแต่เขามีความรู้เรื่องพื้นฐานทั้งหมดดีมาก

มีความเก่งกาจในด้านวิทยาศาสตร์เพราะเติบโตมาจากโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าและการศึกษาเบื้องต้นของมักเกิ้ล

และเก่งไปทุกอย่างที่เป็นเรื่องของเวทมนตร์ สามารถบังคับจิตใจคน จุดไฟเผาสิ่งของเปิดปิดล็อกประตูได้มาตั้งแต่เด็กโดยที่ยังไม่รู้ว่าตนเองเป็นพ่อมด


 

 

ความสามารถระดับมาสเตอร์ Master คือคนที่เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้นๆจนสามารถถ่ายทอดให้คนอื่นได้หรือเข้าใจในศาสตร์นั้นเป็นอย่างดี

ระดับแกรนด์มาสเตอร์  grand master คือคนที่สามารถขยายขอบเขตของศาสตร์ความรู้นั้นออกไปมากกว่าเดิม

 

สาเหตุที่โวลเดอมอร์นั้นไม่ทำสัญญาเวทย์ที่ทำให้ลูกน้องของเขาไม่สามารถทรยศเขาได้ เพราะป้องกันจุดอ่อนที่ฝ่ายตรงข้ามอาจจะจับลูกน้องของเขาและสามารถทำร้ายเขาได้หากเขาได้มีการเชื่อมต่อทางวิญญาณในระดับที่สามารถควบคุมลูกน้องของเขาได้ทุกอย่าง

สิ่งที่ต้องเรียนรู้อย่างหนึ่งในเรื่องของสัญญาเวทมนตร์คือ ไม่มีอะไรที่ไร้จุดอ่อน ทุกอย่างสามารถมองหาช่องว่างจุดอ่อนได้หากคุณมีความพยายามและความรู้หรือทรัพยากรที่มากเพียงพอ

โวลเดอมอร์นั้นดูโดยผิวเผินจะมองว่าเขาเป็นคนที่กล้าเสี่ยงไม่หวาดกลัวอะไร แต่ความจริงแล้วโวลเดอมอร์เป็นคนที่ระมัดระวังตัวและเป็นคนที่ยึดระเบียบวิธีการวิจัยในการค้นคว้าเวทมนตร์อย่างเคร่งครัด และมีความพยายามสูงในการมุ่งมั่นจนกว่าตนเองจะประสบความสำเร็จ

 

Viture คือหลักคุณธรรม ข้อดีของคนนั้น

Sin คือบาป ข้อเสียของคนนั้น

แต่มีคำกล่าวว่า ที่สุดของVice นั้นไม่ต่างกับVirture หรือบาปที่ถึงที่สุด ความเลวที่แท้จริงนั้นไม่ต่างกับความดี

คนที่สามารถผ่านด่านทดสอบของVice และ Virture ของตนเองได้ก็จะได้รับพลังมากขึ้นแต่ต้องมีข้อผูกมัดในการใช้พลังนั้นมากขึ้นเช่นกันโดยต้องปฏิบัติตนตาม Vice และ Virture ของตนเองมากกว่าเดิม

..


วิชา มารศาสตร์ daemonology คือวิชาต้องห้ามที่คนสติดีไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง หนึ่งในวิชาที่ดัมเบิ้ลดอร์แบนจากหนังสือในห้องสมุดหรือบางส่วนที่เก็บไว้หนังสือต้องห้าม ที่แฮร์รี่ได้ยินเสียงกรีดร้องหรือเสียงกระซิบออกมาจากหนังสือเช่นว่านั้น

นับว่าเป็นเรื่องโชคดีที่ไม่ได้เข้าไปยุ่ง

หากว่ากันตามผลลัพธ์คือพวกมารหรือปีศาจนั้นจะมอบพลังให้ก็จริง แต่พลังที่ได้มานั้นจะตามมาด้วยเงื่อนไขเสมอและทุกคนก็ได้สำนึกเสียใจกับเงื่อนไขนั้น

 

""""

 

หายไปนานขออภัยด้วยครับ 

 

ช่วงนี้ไปอ่่าน Fate Strange Fake มา คุณนาสุมีการบอกว่าให้ลืมๆเงื่อนไขที่เคยพูดไปซะด้วยแฮะ ถ้าเพื่อเนื้อเรื่อง


ภาคนี้ค่อนข้างดีครับมีการยอมรับเรื่อง สาวก วีรชน และแมงมุมว่าอยู่ในโลกเดียวกันด้วย และแสดงเรื่องของนักเวทในอเมริกาบางส่วน

 

และอธิบายเกี่ยวกับโลกคู่ขนานนิดหน่อยด้วย

อาจจะเข้าใจผิดแต่เท่าที่ผมจับใจความหมายได้คือ เซลเร็ธเป็นคนดูแลมิติต่างๆอยู่และจะไปแก้ไขเท่าที่จะช่วยได้ แต่จะไม่แทรกแซงเต็มที่เพราะมันจะกลายเป็นทำให้มิตินั้นมีตัวตนไปเนื่องจากมีการ "สังเกต"

 

หากดูจากแนวเวทมนตร์อาจจะรู้สึกแปลกๆ

 

แต่มุกเรื่อง "การสังเกตจักรวาลจะทำให้จักรวาลมีตัวตน" นั้นใช้กันมานานแล้วในนิยายทางวิทยาศาสตร์ ผมจึงนับนิยายวิทยาศาสตร์มาจับว่า

ที่เซลเร็ธไม่แก้ไขปัญหาต่างๆทั้งหมด เพราะตามหลักนิยายวิทยาศาสตร์สไตล์นี้คือ "ยิ่งเราพยายามจะแก้ความโกลาหล ความโกลาหลก็จะมากขึ้นเท่านั้นถ้าเราไปแทรกแซงจุดกำเนิดของความโกลาหล ซ้ำร้ายความโกลาหลจะมีตัวตนที่ชัดเจนมากขึ้นด้วยเนื่องจากมีตัวเราที่เป็นผู้สังเกตการณืทำให้ความโกลาหลนั้นมีจุดเกาะเกี่ยวอ้างอิงที่ทำให้สามารถบังคับเหตุกาณ์ต่างๆให้สร้างตัวตนของตนเองขึ้นมาอีกจากจุดอ้างอิงนั้น"

 

ดังนั้นการแก้ไขจึงต้องใช้วิธีกระทำโดยอ้อมและให้ไปข้องกี่ยวโดยรู้ข้อมูลจากอนาคตน้อยที่สุด เหมือนกับการเบี่ยงของกระแสน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อให้ส่งผลกระทบต่อกระแสธารขนาดใหญ่ในภายหลังด้วยการกระทำที่เล็กน้อยที่สุด

อนาคตที่ยังไม่มีคนสังเกตและยืนยันคืออนาคตที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คุณนาสุทำได้ค่อนข้างดีในเรื่องของการเอาหลักนิยายวิทยาศาสตร์มาแปลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์

ผมคิดว่าผมมีมุกให้เล่นเยอะเลยถ้าเอามุกนิยายวิทยาศาสตร์มาใช้ในจักรวาลนาสุได้ อย่างเช่นมีการยืนยันแล้วว่ามีตัวละครที่สามารถย้อนเวลาได้จริงตามเนื้อเรื่อง

 

...แต่สารภาพตามตรงมุกกาลเวลาถ้าเล่นแล้วจะมีจุดให้จับผิดและให้เถียงกันได้เรื่องการเวลาและการเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์เยอะมาก ผมพยายามจะเขียนเท่าที่จำเป็นในมุกการย้อนเวลานี้

 

พล็อตต่อจากนี้จะออกแนวนิยายวิทยาศาสตร์แล้วนะครับขอให้ผุ้อ่านเตรียมใจไว้ มุกเรื่องโลกคู่ขนาน แขนงของกาลเวลาและอื่นๆจะถูกกล่าวถึงมากขึ้น

..

บอกผมมาเถอะราชันย์วีรชนเอ๋ย หนทางไหนที่ท่านอ้างความเป็นราชันย์ของท่าน สืบทอดจากสายเลือด? เทพเจ้าประทานโองการสวรรค์ให้? หรือแย่งมาได้ด้วยกำลัง?

..

ครั้งหนึ่งผู้ปกครองกรุงเยรูซาเล็มเคยกล่าวว่า ผู้คนเคารพแต่ความคิดเห็นของผู้ที่แข็งแกร่งไม่ได้สนใจว่าถูกหรือผิด ผุ้แข็งแกร่งไม่ว่าดีหรือเลวนั้นอยู่รอดต่อไป

 

นั่นคือคำพูดของราชันย์โซโลมอนหรือราชันย์เดวิดหรือ?

เปล่าครับ คือ คำพูดของ เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีของอิสราเอล เดวิด โซโลมอน ได้มาด้วยโองการแห่งพระผู้เป็นเจ้า ในยุคสมัยของมนุษย์ เราได้ดินแดนมาด้วยเลือดของเพื่อนมนุษย์บนมือของเรา

 


แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว