นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาตามจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชื่อ ขนบธรรมเนียม หรือประเทศใดๆทั้งสิ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ
บทนำ
" ว่าไง?...รามิส นี่น้าเอง " เป็นเสียงของนางซูซานที่ดังมาตามสายโทรศัพท์
รามิสถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย " ตอนนี้ยังไม่ได้หรอกครับ เอาไว้ว่างๆแล้วผมจะไปรับมาเอง ขอเวลาอีกสักหน่อยเถอะครับ "
" ผลัดน้ามาหลายหนแล้วนะ ดูแลมันมาสามปีแล้ว นึกว่าช่วยน้าบ้างเถอะ..."
" แต่ผมก็ออกค่าใช้จ่ายให้ทุกเดือนนะครับ "
ปลายสายเงียบไป เพราะที่หลานพูดมาก็ถูก
" ฝากน้าช่วยดูให้ก่อนนะครับ "
โทรศัพท์ปลายสายถูกวางลง
รามิสจึงวางหูลงบ้าง เอนหลังพิงพนักโซฟา นึกถึงเรื่องที่น้าสาวจะให้เขารับญาติห่างๆมาเลี้ยง สามปีแล้วเหรอนี่? ญาติๆห่างทางพ่อคู่หนึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งลูกชายอายุ 12 ปีไว้ให้อยู่ในความดูแลของเขา แต่เขาไม่มีเวลาที่จะดูแลได้ จึงฝากเด็กไว้กับน้าสาวให้เป็นผู้ดูแลแทน เขายังไม่พร้อมที่จะรับหลานมาเลี้ยงดู เด็กในวัยรุ่นต้องดูแลกันอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับเขาแล้วไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น
ด้วยการทำงานในหน้าที่ทหารราชองครักษ์ของเจ้าชายฟาอี องค์มกุฎราชกุมารแห่งมาริมา เขาต้องตามเสด็จเจ้าชายไปในทุกๆที่จนกว่าพระองค์จะเสด็จเข้าห้องบรรทม เมื่อนั้นแหละ ภาระกิจในแต่ละวันจึงจะเสร็จสิ้นลง " เฮ้ออออ...จะเอามาเลี้ยงได้ยังไงกัน? "
ลุกออกจากโซฟา เดินเข้าไปข้างในซึ่งมีห้องนอนอยู่อีกสองห้อง เขาเข้าไปในห้องแรกซึ่งเป็นห้องของเขา ถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ออกเพื่อเข้าไปอาบน้ำ เขารู้ถึงพระราชนิสัยของเจ้าชายดี พระองค์ทรงเบื่อหน่ายในเด็กวัยรุ่นมากมายขนาดไหน เพราะทรงมีพระภาคิไนย(หลาน-ลูกของพี่สาว)และพระภาติยะ(หลาน-ลูกของน้องชาย)ทั้งชายและหญิงรวมทั้งสิ้นถึงเจ็ดพระองค์ ไม่นับรวมถึงพระราชโอรสและพระราชธิดาของพระองค์เอง ถ้าเขารับหลานมาเลี้ยงจะเป็นอย่างไร? ไหนยังจะต้องไปร่ำไปเรียนหนังสืออีก " เฮ้อออออ...มีแต่เรื่องทั้งนั้น...ปวดหัว ..."
กว่ารามิสจะล้มตัวลงนอนก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว
ในเวลาตีห้าครึ่ง รามิสเดินออกจากบ้านพักมุ่งหน้าสู่พระราชวังอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของเจ้าชาย เดินผ่านทหารที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เลี้ยวไปทางขวามือ พยักหน้าให้กับทหารเวรยามหน้าห้องบรรทมชั้นนอก เขาเดินผ่านประตูบานใหญ่ที่เปิดออกไว้จนกว้างเข้าไปภายใน ด้านในเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ อเล็คกับยุนิคกำลังนั่งสนทนากันอยู่ ทั้งสองคนหันมามอง
" ยังไม่ทรงเสด็จเหรอ? " รามิสถามขึ้น
" ท่านซานโดรเข้าไปดูแล้ว "ยุนิคตอบมาเบาๆ
รามิสพยักหน้ารับรู้พร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่ง
ซานโดรที่ยุนิคกล่าวถึงเป็นพระพี่เลี้ยงของเจ้าชายตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์
ไม่นานต่อมา...
บุรุษผู้มีรูปร่างที่สูงใหญ่ รูปหน้าสวย หวาน เกินหญิงสาว เรือนร่างนั้นสูงสง่าราวกับภาพสลัก มีเสน่ห์สะดุดตา อยู่ในชุดลำลองยาวสีขาวก้าวเท้าผ่านผ้าม่านผืนหนาหนักที่ถูกรวบเอาไว้ทั้งสองด้านออกมาจากห้องบรรทม โดยมีซานโดรเดินตามหลังมา เจ้าชายฟาอี อัล อิบาล
ดวงตาเรียวคู่ดุและเฉียบคมกราดมองไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ " ไปกันเถอะ..." องค์เองพูดพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดี
อุทยานอันร่มรื่นไปด้วยแมกไม้น้อยใหญ่หน้าเขตพระราชฐานในรั้วของพระราชวัง ฟาอีวิ่งเหยาะๆอยู่กับรามิสและอเล็ค มีซานโดรและยุนิคกำลังจัดเตรียมกาแฟกันอยู่ที่หมู่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ใหญ่ เกือบๆหนึ่งชั่วโมงเจ้าชายและทหารคนสนิทก็มาร่วงวงดื่มกาแฟกัน
" ก่อนที่เราจะตื่นขึ้นมานั้นได้ฝันไปว่าเรามาเดินเล่นอยู่ในอุทยาน พบงูสีขาวตัวยาว เกล็ดเป็นมันวาวสีทองดูสวยงามมาก เราอยากจะได้มันมาครอบครอง พยายามไล่จับอยู่นานเชียวกว่าจะจับมันได้ "
ทุกคนที่ได้ยินเจ้าชายตรัสเช่นนั้นก็พากันขมวดคิ้ว
ฟาอีวางถ้วยกาแฟลงก่อนจะพูดต่อไปว่า " พอเราจับงูตัวนั้นได้ กลับกลายเป็นคนไปเสียนี่..."
" ผู้หญิง!...สาว!!...สวย!!!...หรือพะย่ะค่ะ? " อเล็ครีบถามขึ้นมาอย่างให้ความสนใจ
" อืม...สวย...ไม่ซิ ไม่เรียกว่าสวย เรียกว่าชวนมองมากกว่า มีใบหน้าเล็กๆที่รับกับจมูกและริมฝีปากบางเฉียบ ดวงตาเรียวรีสีฟ้าสดใส รูปร่างเล็กๆบางๆ มีผมยาวเหยียดตรงสีทอง ยาวเลยสะโพกเสียอีก "
" โอ้...พระองค์ทรงบรรยายได้ละเอียดเหลือเกิน ผู้หญิงคนนี้คงจะสวยมากทีเดียว " อเล็คยังคงเป็นคนที่พูดอยู่เหมือนเดิม
เป็นที่รู้ๆกันอยู่ในหมู่คนรับใช้ใกล้ชิดว่าเจ้าชายนั้นทรงทำแต่งาน เรื่องที่จะทรงปรายพระเนตรมองอิสตรี ไม่มีทาง
ฟาอียิ้มออกมาน้อยๆ " เรายังไม่ได้บอกเลยนะว่าเป็นผู้หญิง เค้าเป็นผู้ชายต่างหาก สงสัยเราจะได้หลานชายอีกคนแล้วกระมัง?..."