รองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาดบุนวมนุ่มหนา พาเจ้าของ วิ่งเหยาะๆ ไปตามทางวิ่งที่ปูด้วยแผ่นปูพื้นรูปตัวหนอนในสวนสาธารณะบนเนินสูง ห้อมล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยที่ให้ความร่มรื่นและสดชื่นสบายตา
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดให้มาอยู่รวมกันอย่างลงตัวในบริเวณสถานที่สำหรับออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจในสวนสาธารณะของชาวเมืองเล็กๆแห่งนี้ซึ่งมีประชากรเพียงสี่หมื่นกว่าคน ..
แสนดี หญิงสาววัย 28 ปี ผู้มีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวของเธอขาวสะอาดผุดผ่อง รวบผมสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวสลวยเอาไว้ด้วยผ้ายืดสีดำ มีผ้าคาดผมสีขาวสะอาดคาดผมเอาไว้อีกชั้น เพื่อไม่ให้เส้นผมตกลุ่ยลงมาเกะกะ และเผยให้เห็น ดวงหน้ารูปไข่ และหน้าผากโหนกนูนพองาม แต่เกลี้ยงเกลาหมดจด ดวงตาสีดำสนิทเป็นมันขลับล้อมด้วยแพขนตาหนาและงอนงามรับกับคิ้วโค้งที่มีขนคิ้วเรียงเป็นระเบียบได้รูปดั่งคันศรดั่งคำพรรณนาในบทกวี ริมฝีปากอวบอิ่มสีส้มระเรื่องดงามตามธรรมชาติที่บรรจงแต่งแต้มให้อย่างลำเอียง
มีคนบอกว่าเธอโชคดีที่หน้าอ่อน เพราะคนวัยเดียวกันกับเธอ ทั้งเพื่อนๆที่เรียนมาด้วยกัน หรือเพื่อนที่รู้จักกันตอนโตแล้วล้วนมีหน้าตาสูงวัยกว่าเธอทั้งสิ้น
แต่เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วก็จะพบว่า ความโชคดีเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะเธอใส่ใจในการดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดีเยี่ยมด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำและมีอัธยาศัยดีต่อคนทั่วไปนั่นเองซึ่งทำให้เธอมีสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตที่ดี
“สวัสดีครับคุณแสนดี วันนี้อากาศดีนะครับ” หนุ่มน้อยนักศึกษารูปร่างเล็ก ผิวสีแทนโบกมือทักทายขณะวิ่งเหยาะย่างสวนทางกัน
“สวัสดีค่ะคุณนนท์ ได้กี่รอบแล้วคะวันนี้?” เธอโบกมือให้เขาบ้างแม้นจะวิ่งสวนทางกันไปแล้วก็ตาม
“สามรอบแล้วครับ แต่เดี๋ยวผมต้องรีบไปมหาวิทยาลัยเพราะมีนัดกับอาจารย์คนใหม่เอาไว้ ” เขาตะโกนตอบ
“อย่างงั้นหรือคะ?”
“ยู้ฮู!” เสียงแจ๋วๆของสตรีวัยกลางคนร้องทักมาอีกคน พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้าที่แต่งหน้าเอาไว้ครบเครื่อง
สำหรับคุณแก่นจันทร์ผู้นี้แล้วเรื่องความงามต้องมาก่อน ดังนั้นก่อนเยื้องย่างออกจากบ้านจึงต้องสวยทุกหยดและหอมกรุ่นทุกอณูตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“สวัสดีค่ะคุณแสนดี คุณนนท์ สวัสดีค่ะคุณลุงการันต์”คุณแก่นจันทร์ ผู้มีรูปร่างอวบท้วม สวมกางเกงวอร์มสีชมพูเข้ม สวมเสื้อยืดสีชมพูอ่อน เส้นผมสีแดงเพลิงถูกคาดด้วยผ้าคาดผมสีชมพูลายจุด และสวมรองเท้าผ้าใบสีบานเย็น
หล่อนวิ่งเหยาะๆ ด้วยท่าทางต้วมเตี้ยมเข้ามาหา และตะโกนทักทายไปทั่วหน้า แม้นแต่คุณลุงที่หล่อนมองเห็นอยู่ลิบๆเยื้องต้นไม้ใหญ่อีกด้านหนึ่ง
“สวัสดีค่ะคุณแก่นจันทร์” แสนดีแปะมือกับมืออวบๆของคุณแก่นจันทร์ อย่างสนิทสนม
“วันนี้อากาศดี๊ดี ขอสักสิบรอบนะคะ”คุณแก่นจันทร์หลิ่วตาให้
หญิงสาวได้แต่ยิ้มให้โดยไม่ตอบอะไร เพราะคุณ แก่นจันทร์พูดแบบนี้เกือบทุกวัน แต่..
“โอ๊ยโอย..โอ๊ย” นี่คือเสียงของคุณแก่นจันทร์เมื่อวิ่งครบสามรอบ
“อีกรอบเดียวก็พอนะคะคุณแก่นขา” แสนดีปลอบไปตามเพลงเช่นเคย และไม่นานนักทั้งสองคนจึงเปลี่ยนจากวิ่งเหยาะๆ เป็นเดินเร็วๆ
“หายใจเข้าท้องป่อง” คุณแก่นจันทร์ท่องเบาๆและทำ พุงป่อง
“หายใจออกท้องฟีบ”
สาวแสนดีหัวเราะเบาๆ และทำตามที่คุณแก่นจันทร์ท่องโดยอัตโนมัติ
“เมื่อก่อนไม่คิดเลยสักนิด ว่าการหายใจก็สำคัญนะคะ คุณแสนดีขา”
“สำคัญมากค่ะ” หญิงสาวหันมาบอกแล้วหัวเราะออกมาอีก
“เมื่อก่อนไม่ยักกะทราบว่าการหายใจอย่างถูกต้อง ท้องต้องป่อง เวลาหายใจออกต้องให้ท้องยุบ”
“เราหายใจกันตามธรรมชาติอยู่แล้วนี่คะ เพียงแต่ว่า เมื่อเรารู้จักวิชาชี่กง มันช่วยให้เราหายใจได้ถูกต้องและได้ประโยชน์มากขึ้น ได้ออกซิเจนเข้าไปในร่างกายมากขึ้น”
“ฮื้ดดดด” คุณแก่นจันทร์หายใจเต็มปอดจนพุงบานแถมกางแขนออกจนสุดแขน
“สดชื่นๆๆๆ สดชื่น สวยๆๆๆๆ สวยวันสวยคืน สวยทุกวันสวยทุกคืน” ใบหน้าอวบอิ่มที่ยิ้มละไมลอยไปลอยมา จนเหลือบเห็นรถเบนซ์สีดำสองคันแล่นเอื่อยเฉื่อยมาตามโค้งถนนที่จะขึ้นมาที่สวนสาธารณะแห่งนี้
แสนดีมองตาม
“สงสัยคนต่างถิ่น” คุณแก่นจันทร์เปรยออกมาเบาๆ
ที่สวนสาธารณะแห่งนี้ เป็นสถานที่ตั้งอนุสาวรีย์พระเจ้าฟ้าคราม เจ้าเมืองเพียงพระองค์เดียวของเมืองฟ้าครามแห่งนี้ ก่อนที่จะถูกประเทศเพื่อนบ้านรุกรานจนแตกพ่าย และริบสมบัติและไพร่พลไปจนหมดสิ้น โดยทิ้งให้เมืองฟ้าครามเป็นเมืองร้างเนิ่นนานหลายสิบปี
จนกระทั่งผู้นำชาวบ้านได้รวบรวมกำลังชาวบ้านมา หักร้างถางพง สร้างบ้านเมืองขึ้นมาใหม่ตามร่องรอยเดิม จึงกลายเป็นเมืองฟ้าคราม อำเภอเล็กๆ ที่สะอาดสะอ้าน และอากาศดีแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเชียงใหม่
รถสีดำใหม่เอี่ยมทั้งสองคันแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ ก่อนที่ประตูด้านคนขับจะเปิดออกเกือบพร้อมกันทั้งสองคัน
ชายวัยกลางคน สวมกางเกงผ้าฝ้ายพื้นเมืองสีเทา และเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว ก้าวลงจากรถ และรีบเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้คนในรถค่อยๆ ยื่นเท้าก้าวลงมาสัมผัสกับ พื้นซีเมนต์
เท้าสีชมพูอ่อนในรองเท้าแตะที่ทำจากหนังสีอ่อนสานไขว้กันค่อยๆ แตะพื้นอย่างเชื่องช้า ข้อเท้าเปลือยนั้นบอกให้รู้ว่าเจ้าของเท้าไม่ได้สวมกางเกงขายาว หากแต่สวมกางเกงสามส่วนตัดเย็บด้วยผ้าฝ้ายเนื้อหนาสีน้ำตาลเข้ม
ร่างที่ก้าวลงจากรถ เป็นร่างสูงระหงของหญิงสาวผู้มี เส้นผมสีดำสนิทที่หยิกขอดและยาวสยายเป็นเงางามขับให้ผิวของหล่อนขาวผ่องเรืองรองเมื่อสะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านใบไม้ตกกระทบลงมาต้องตัว ก็ดูราวกับว่ามีประกายระยิบระยับเกิดขึ้นที่ผิวกายของหล่อน และเสื้อลูกไม้ผ้ายืดสีน้ำตาลเข้มที่สวมอยู่ก็ทำให้เรือนร่างนั้นแลระเหิดระหงมากขึ้น
หญิงกลางคนสองคนรูปร่างอวบท้วมคนหนึ่ง อีกคนรูปร่างผอมบาง แต่งตัวด้วยชุดผ้าซิ่นทอและเสื้อลูกไม้คล้ายๆ กัน รวบผมเป็นมวยไว้ที่ท้ายทอยและเสียบดอกไม้สดประดับมวยผมเหมือนผู้เฒ่าหญิงทั่วไปในท้องถิ่นนี้ ทั้งสองลงมาจากรถอีกคัน และรีบเดินเข้ามาหาหญิงสาวผู้นั้น
หญิงร่างผอมจัดการรวบผมของหญิงสาวให้เป็นมวยและเสียบด้วยปิ่นสองขาจนแน่นหนา ก่อนถอยห่างออกไปเล็กน้อย เพื่อให้หญิงร่างอวบเดินเข้าไปหาพร้อมพานไม้ สีแดงสดขนาดใหญ่ที่ประดับด้วยกระจกสีเป็นลวดลายวิจิตรงดงาม บนพานมีดาบคู่หนึ่งวางอยู่ พร้อมกรวยใบตองซึ่งภายในบรรจุธูปเทียนพร้อมข้าวตอกและดอกไม้
ใบหน้าสวยละมุนงดงามราวภาพวาดนั้นนิ่งสงบไม่บอกความรู้สึกใดๆ แม้นเพียงน้อย มือและแขนกลมกลึงเอื้อมมารับพานไปถือไว้โดยไม่พูดอะไร
หญิงชายกลางคนทั้งสี่พากันหลีกทางให้ และพากันประสานมือที่หน้าตัก ก่อนค้อมตัวไปด้านหน้าเล็กน้อยราวกับว่า พวกเขากำลังน้อมตัวคารวะผู้ที่เดินถือพานพร้อมดาบคู่และกรวยข้าวตอกดอกไม้ผ่านหน้าพวกเขาไปที่หน้าลานอนุสาวรีย์
เป็นขณะเดียวกับที่นักศึกษาหนุ่มร่างเล็กก้าวขึ้นควบ สกูตเตอร์ไฟฟ้าคันเล็กจิ๋วของเขาแล่นวืดสวนทางไป ซึ่งเป็นชั่วขณะที่หนุ่มน้อยหน้ามนอยากหมุนเวลากลับ เพื่อที่เขาจะเปลี่ยนใหม่ เป็นการจูงเจ้าสกูเตอร์ผ่านผู้หญิงคนนี้ไปอย่างช้าถึงช้าที่สุด เพื่อชื่นชมความสวยของหล่อนนานๆ
“ว้าว!” เขาอุทานเบาๆ
“งามแต๊งามว่า งานจริงบ่อิงนิยายเลยเว้ยเฮ้ย” และผิวปากออกมาด้วยความรู้สึกตื่นใจ
“ท่าทางจะมาแก้บน”คุณแก่นจันทร์เปรยกับแสนดีเบาๆ เมื่อต่างมองมาจากศาลาหลังเล็กในสวนสาธารณะซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับอนุสาวรีย์
“ค่ะ” แสนดีเออออ
“ท่าทางจะสวย” คุณแก่นจันทร์เปรยออกมาอีก ทำให้แสนดีเพ่งพิศผู้หญิงที่ถือพานเดินตัวตรงจากรถสีดำมายังด้านหน้าอนุสาวรีย์พระเจ้าฟ้าคราม ซึ่งหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ยืนตระหง่านอย่างสง่างามบนแท่นหินอ่อนสีขาวซึ่งมีความสูงระดับอกและบนแท่นนั้น มีกระถางธูปและเชิงเทียนให้คนมาจุดถวายเพื่อกราบไหว้บูชา หรือบนบานศาลกล่าว
ไม่ใช่ท่าทางจะสวยหรอก สวยเลยทีเดียวและสวยมากด้วยซ้ำไป สวยจนเธออยากชวนคุณแก่นจันทร์เดินไปมองใกล้ๆ
“สงสัยจะถูกหวยรวยแชร์”คุณแก่นจันทร์คิดไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนช่างคิด
“อืม..” แสนดีมองไปที่รถเบนซ์คันสวยสองคัน และผู้ที่ยืนสงบอยู่ที่รถ ซึ่งอยู่ในวัยกลางคน แต่งกายเรียบร้อย ทำให้เธอไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะถูกหวยอย่างที่คุณแก่นจันทร์ว่า
“มาจากไหนก็ไม่รู้นะคะคุณแสน?”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ” แสนดีหันไปยิ้มให้ และหันกลับไปมองผู้หญิงคนนั้นต่อไป
ตอนนี้เธอถึงแท่นอนุสาวรีย์แล้ว และกำลังจุดธูปเทียนพนมมืออธิษฐานบางอย่าง
ควันจากธูปลอยละล่องและม้วนตัวลอยขึ้นสู่เบื้องบนและเจือจางไปในอากาศ ในขณะที่บรรยากาศรอบด้านที่เงียบสงบอยู่แล้วยิ่งเงียบและนิ่งมากขึ้นกว่าเดิม เงียบจนคนบางคนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง และเสียงใบไม้ที่ ผลัดใบร่วงหล่นลงกระทบพื้น
ร่างสูงบางระเหิดระหงสง่างามดูเหมือนมีประกายระยิบระยับเรืองรองออกมาเมื่อต้องแสงแดดอ่อนๆ
“อื้อหือ” คุณแก่นจันทร์ผู้เป็นเจ้าของสถานเสริมความงาม ร้องครางออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกชื่นชมและ ขยับเนื้อขยับตัวด้วยความตื่นเต้น
“คุณแก่นอยากเห็นคุณคนนี้ใกล้ๆจังเลยค่ะ เราไปนั่งที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ตรงนั้นกันไหมคะ?” คุณแก่นจันทร์ชี้ไปที่เก้าอี้ไม้ใต้ต้นไม้ที่ใกล้เข้าไปอีกนิด เพราะอยากเห็นผู้หญิง คนนี้ใกล้ๆ เข้าไปอีกหน่อย
“เอางั้นเหรอคะ?”
“แหะๆ..เอางั้นดีกว่านะคะ อยากเห็นชัดๆ”คุณแก่นจันทร์บอกไปแล้วก็รู้สึกอายนิดๆ แต่นานๆ ถึงเจอะเจอผู้หญิงที่สวยเด่นมาแต่ไกลแบบนี้สักคน
แล้วสองคนก็พากันย้ายที่นั่งจากในศาลาหลังคาใบ ตองตึง มานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่และเฝ้ามองร่างนิ่งๆ ของผู้หญิงคนนั้น