บทนำ
ณ.หมู่บ้านที่ต้องคำสาปแห่งหนึ่งที่มีแต่ผู้หญิงกันทั้งหมู่บ้านมาหลายร้อยปีแล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ถูกปกครองโดยราชาปีศาจผู้มีอำนาจถึงเจ็ดตน ที่อยู่ในปราสาทหลังใหญ่บนภูเขา ทุกๆหนึ่งปีหญิงสาวคนหนึ่งของหมู่บ้านจะต้องขึ้นไปบนเขา ไปใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทหลังนี้เพื่อบำรุงและบำเรอความสุขให้กับเหล่าราชาทั้งเจ็ดตนนั้น
ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่จันทร์เต็มดวง แม่เฒ่าผู้มีอายุกว่าห้าร้อยปีซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าของหมู่บ้านกำลังทำพิธีเพื่อบวงสรวงให้แก่ราชาปีศาจทั้งเจ็ดตนนั้น จู่ๆก็เกิดเหตุการณ์ประหลาด ดวงจันทร์ที่โตจนเต็มดวงสว่างไสวกลับมืดมิดลง สายฟ้ากระหน่ำอย่างน่ากลัว ผู้คนทั้งหมู่บ้านที่มาร่วมในพิธีในค่ำคืนนี้ต่างตกใจจนอกสั่นขวัญแขวน ก่อนที่จะพากันคุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว เมื่อ...
จ้าวแห่งความมืดที่มีนามว่าซีลปรากฎตัวขึ้น " อีกไม่เกินสิบราตรีนับจากคืนนี้จะมีกลุ่มคนที่หลงทางเข้ามาในหุบเขา เด็กหนึ่งคนหนึ่งมีปานสีแดงอยู่หลังต้นคอ จงนำตัวเค้าขึ้นไปที่ปราสาท ส่วนพวกหนุ่มๆที่เหลือ ให้พวกเจ้าพากันเสพสังวาสกับพวกเขากันอย่างเต็มที่ คำสาปของหมู่บ้านนี้กำลังจะสลายลงแล้ว จะมีเด็กชายและเด็กหญิงถือกำเนิดขึ้นมาตามวัฏจักรและการเวียนว่ายตายเกิดตามอายุขัยของแต่ละคนจะตามมา " จบในคำกล่าวราชาปีศาจก็หายไปทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น หญิงสาวที่ขึ้นไปรับใช้ท่านจ้าวก็กลับลงมาจากปราสาทบนเขาเมื่อหมดหน้าที่ลง
ทุกคนในหมู่บ้านต่างพากันเฝ้ารอกลุ่มคนที่จะพลัดหลงเข้ามาในหมู่บ้านกันอย่างใจจดใจจ่อ
แปดราตรีผ่านพ้นไปจนเข้าสู่เช้าของวันที่เก้า...
" ฉันไปไม่ไหวแล้วล่ะดีน...เหนื่อยเหลือเกิน " มูราฟร้องออกมาอย่างน่าสงสารในสายตาของเพื่อนสนิท
" อดทนหน่อยเถอะ...มาเร็วเข้า เดี๋ยวตามเพื่อนๆไม่ทันเอานะ " ดีนพยายามปลอบทั้งตัวเองและทั้งเพื่อน เขาเองก็เหนื่อยจนแทบจะเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ได้แต่มองตามหลังเพื่อนๆที่เดินพ้นชายป่าหายลับกันไปจนหมดสิ้นแล้ว
" ทำไมฝนมันไม่หายตกสักทีนะ มันกี่ชั่วโมงเข้าไปแล้วเนี้ย?..." มูราฟครางเสียงละห้อย
ดีนเข้าช่วยพยุงร่างบางของเพื่อน " นั่นซิ...จะหาที่หลบฝนยังเป็นไปไม่ได้เลย "
มูราฟเดินสาปแช่งดินฟ้าอากาศที่ทำให้เค้ากับเพื่อนๆอีกสิบกว่าคนต้องพลัดหลงออกจากสถานที่ตั้งแคมป์ของทางโรงเรียนที่จัดพานักศึกษามาเข้าค่ายที่ภูเขาแห่งนี้
ไม่มีใครรู้ว่าทันทีที่นักศึกษากลุ่มนี้ได้ก้าวเท้าผ่านหุบเขาที่พลัดหลงเข้ามา ทั้งหมดกว่าสิบสี่คนก็กลายเป็ยบุคคลที่หายสาปสูญไปในทันทีสำหรับโลกภายนอก
ทั้งสองคนประคับประคองกันก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นหมู่บ้านอยู่เบื้องหน้า
" หมู่บ้าน!...มูราฟ...พวกข้างหน้าเจอหมู่บ้านกันแล้ว เรารีบไปกันเถอะ " ดีนรีบพยุงเพื่อนเดินเข้าไปโดยเร็ว
ภายในหมู่บ้านมีผู้คนออกมาให้การต้อนรับพวกเพื่อนๆของเขาอยู่ก่อนแล้ว
" ดีน...มูราฟ...มาเร็ว เข้ามาในนี้ " ออทิสตะโกนเรียกเพื่อนทั้งสองคนด้วยเสียงอันดัง
ดีนและมูราฟก้าวเท้าที่แทบจะหมดแรงเข้าไปภายในบ้านหลังใหญ่ที่บัดนี้มีเพื่อนๆของเขาทั้งยืนและทั้งนั่งกันอย่างเหนื่อยอ่อน ทั้งสองคนที่ก้าวเท้าตามเข้าไปถึงกับทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง
" สวัสดี..." เป็นเสียงที่ดังกังวานขึ้น
ทำให้ทุกๆสายตาของผู้ที่พลัดหลงเข้ามาสะดุ้งกันเฮือกก่อนหันไปมอง เห็นหญิงชรามากๆคนหนึ่ง ในมือถือไม้เท้า ยืนอยู่ที่ภายในห้องที่พวกเขาอยู่
" ข้าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านของที่แห่งนี้...พวกท่านมากันเหนื่อยๆไปอาบน้ำอาบท่ากันให้สบายตัวก่อนเถอะ ขอเวลาให้คนในหมู่บ้านได้มีเวลาเตรียมอาหารให้พวกท่านได้กิน "
ทุกคนต่างทยอยกันไปอาบน้ำยังบ่อน้ำใหญ่กลางแจ้งที่อยู่หลังหมู่บ้าน ที่มีหลังคาไว้บังแดดและบังฝน
คนทั้งกลุ่มไม่มีใครได้รู้ว่ากำลังถูกคนในหมู่บ้านเฝ้าแอบมองเพื่อจะค้นหาคนที่ท่านจ้าวต้องการตัว แล้วในที่สุดก็พบ...หนุ่มน้อยคนหนึ่งที่กำลังนอนคว่ำเอาคางเกยกับขอบของบ่อน้ำเพื่อผ่อนคลายจากความเหนื่อยล้าของร่างกาย เผยให้เห็นถึงถึงปานสีแดงอยู่ที่ด้านหลังของต้นคอ ดวงตาของคนที่เฝ้าแอบดูอยู่ของคนในหมู่บ้านหันมาสบกันอย่างมีความหมาย
หลังจากที่ทุกคนได้ทานอาหารกันจนเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนทั้งกลุ่มก็ถูกพาแยกกันไปนอนหลับพักผ่อนยังสถานที่ที่ได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้ให้
มูราฟนั้นนอนหลับสนิทไปแล้วด้วยความอ่อนเพลีย เค้าไม่ได้รับรู้เลยว่าเพื่อนๆของเค้าทุกๆคนนั้นต่างก็มีสาวๆมาร่วมหลับนอนอยู่เป็นเพื่อนเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่าง
เช้าวันรุ่งขึ้น...
มูราฟเดินออกมาจากบ้านที่เค้าได้เข้าไปพักเมื่อคืนนี้ เค้าก็พบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าบ้าน " สวัสดีครับ...แล้วก็ขอขอบคุณที่ให้ผมได้อาศัยหลับนอน "
หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มออกมาก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า " ตามฉันมาทางนี้เถอะค่ะ...คุณตื่นสายกว่าเพื่อน ทุกคนไปเดินเที่ยวบนเขากันหมดแล้วล่ะค่ะ...พวกเขาสั่งให้บอกคุณให้ตามขึ้นไป "
" งั๊นเหรอครับ...ขอบคุณมากนะครับ..." มูราฟเอียงคอพร้อมกับยิ้มรับ
หญิงสาวออกเดินนำหน้าไปในทันทีตามที่หล่อนถูกผู้เฒ่าสั่งให้นำตัวหนุ่มน้อยคนนี้ไปที่ปราสาทบนเขาสูง
มูราฟกวาดสายตามองหาเพื่อนๆแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้พบใครเลยสักคน " เอ่อ...ไม่เห็นมีใครเลยนี่ครับ?..."
" ขึ้นไปอีกไม่ไกลบนนั้นมีปราสาทอยู่ค่ะ...ก็...ประมาณว่าผู้ครอบครองและดูแลพื้นที่แถบนี้...เพื่อนๆของคุณคงจะเข้าไปพบกับเจ้าของปราสาทกระมังคะ..."
" อ้อ...งั๊นเหรอครับ..." มูราฟยังคงก้าวเท้าตามหญิงสาวไปเพื่อหวังว่าจะได้พบกับเพื่อนๆ
ปราสาทหลังใหญ่และมหึมาปรากฎอยู่ให้เห็นตรงปลายเนินข้างหน้า มันดูน่ากลัวอย่างไรก็ไม่รู้
มูราฟมองไปอย่างหวาดกลัว หัวใจเต้นแรง มีความรู้สึกว่าเค้าไม่ควรเข้าไปในนั้นเลย หยุดเท้าที่จะก้าวเดินในทันที
หญิงสาวหันกลับไปมองเมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงที่เดินตามมา " มาซิคะ...เพื่อนๆกำลังรอคุณอยู่ข้างในนี้แล้ว "
มูราฟส่ายศีรษะให้เป็นคำตอบ เค้าถอยหลังเพื่อจะหันกลับไปทางเก่าที่เดินผ่านมา แต่ข้อมือบางกลับถูกคว้าเอาไว้จนแน่น และเค้าก็ดึงออกจากมือของเธอไม่ได้เลย เรี่ยวแรงของเธอมีมากกว่าเค้าเสียด้วยซ้ำ " ไม่...ไม่ไป...ผมจะกลับไปที่หมู่บ้าน " เค้าพยายามดึงมือกลับ แต่ก็ทานแรงดึงของเธอไม่ไหว
หญิงสาวลากหนุ่มน้อยให้เดินตามเธอไปที่ปราสาท
ประตูบานใหญ่หนาและหนักเปิดออกทันทีอย่างรู้เวลา
ร่างที่บางของมูราฟถูกดันเข้าไปภายในประตู ซึ่งมันก็ปิดลงทันทีที่เค้าได้ก้าวเท้าเข้าไป หันกลับไปทุบประตูโดยแรงพร้อมกับร้องตะโกน " ปล่อยผมนะ...ปล่อยผมออกไป..."
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นแว่วๆจากทางด้านหลัง
มูราฟหยุดมือที่กำลังทุบประตู หันกลับไปมอง...เสียงหัวเราะที่เค้าได้ยินนั้นได้เงียบหายไปแล้ว มองไปภายในด้วยความหวาดกลัว ทำไมมันมืดอย่างนี้?... เค้าเกร็งตัวเมื่อได้ยินเสียงเดินออกมาจากภายใน
ใครคนหนึ่งที่มีรูปร่างสูงและใหญ่ถือเชิงเทียนที่ถูกจุดจนสว่างเดินเข้ามาจนใกล้ " ตามมาทางนี้...ข้าจะพาท่านไปที่ห้อง "
มูราฟสั่นศีรษะ " ไม่...ไม่ไป...ผมจะกลับไปที่หมู่บ้าน "
" ตามมา...ท่านไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้หรอก...อย่าให้ต้องใช้กำลัง..."
มูราฟกลืนน้ำลายลงลำคอก่อนที่จะเดินตามไปอย่างไม่มีทางเลือก แต่เค้าก็ทิ้งระยะของความห่างเอาไว้ตลอดของการเดิน ตามทางเดินมีแต่แสงเทียน ชั้นสองทางด้านซ้ายของปราสาท ประตูบานหนึ่งถูกเปิดรอท่าเอาไว้
" ต่อแต่นี้ห้องนี้จะเป็นของท่าน...เชิญ "
" เอ่อ...แล้วเพื่อนๆของผม? "
" เข้าไป..."
เมื่อมูราฟยังคงยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ร่างที่บางจนคล้ายเด็กก็ถูกผลักเข้าไปภายในห้องทันทีด้วยแรงที่มากกว่า " อุ๊!?..." ผวากลับไปที่ประตูแต่มันก็ถูกปิดลงเสียแล้ว มือเรียวบางทุบไปที่ประตูนั่น " เปิดนะ...ปล่อยผมออกไป...ผมไม่อยู่ที่นี่..." ไม่ว่าจะร้องหรือว่าจะพยายามเปิดประตู แต่ก็เปิดมันออกไม่ได้ จึงได้แต่ใช้มือทุบประตูอยู่เช่นนั้น " ปล่อยผม..."
ในอีกฟากฝั่งหนึ่งของปราสาท ห้องนอนที่ใหญ้โตและหรูหรา ร่างใหญ่โตของซีลนั่งอยู่หน้ากระจกน้ำเพื่อมองดูเด็กหนุ่มที่กำลังใช้แรงอันน้อยนิดเพื่อจะเปิดประตูบานใหญ่นั่น
" ถูกใจเค้ามากล่ะซิท่า?...ท่านจ้าวแห่งความมืด?? " คีปเปอร์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูก " จะรอถึงวันจันทร์เต็มดวงไหวหรือ???...จะลองชิมเสียนิดหน่อยก็ได้นะ...ยังไงเค้าก็ต้องเป็นของพวกเราอยู่แล้ว..."
เรือนร่างสูงใหญ่ที่ถูกค่อนขอดนั้นมีใบหน้าที่งดงามราวกับรูปแกะสลัก เขายกยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่ง " ไม่ล่ะ...ข้าจะรอวันนั้น...เจ้าจะไปไหนก็ไปเถอะ อย่ามากวนใจข้า ข้าไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า...คีปเปอร์ " ซีลเอ่ยออกไปอย่างไม่ไว้หน้า
คีปเปอร์ที่ไม่ยอมจากไปกลับพาเรือนร่างที่ใหญ่โตไม่แพ้กันเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ฉวยมือเรียวงามขาวราวแท่งหยกของซีลขึ้นมาแล้วจรดริมฝีปากของตัวเองลงไปเพื่อดอมดมสูดกลิ่นของความหอมหวาน " สงสารข้าบ้างเถอะนะ...ซีล...นานมากแล้วที่เจ้าไม่ไปหาข้าบ้างเลย เจ้าก็รู้ว่าข้ารักเจ้ามากมายแค่ไหน "
ซีลกระชากมือกลับมา " เจ้าไปหาเจ้านูลเถอะ...มันกำลังตามหาเจ้าอยู่ "
" ซีล..." น้ำเสียงนั้นยังคงเว้าวอน
ดวงเนตรสีดำสนิทเริ่มส่อแววขึงโกรธ " ไปซะ...คีปเปอร์...อย่าทำให้ข้าโมโหเจ้ามากไปกว่านี้ "
ร่างใหญ่โตหายไปทันทีด้วยความเกรงกลัว
เนตรคมดุตวัดมองตามไป เขารู้ถึงจิตใจที่ชั่วร้ายของอีกฝ่ายได้ดี จิตใจที่อาฆาตและริษยาที่คีปเปอร์มี เนตรคมดุหันกลับมามองภาพในกระจกน้ำต่อไปอย่างรื่นรมณ์
หลังจากที่ทั้งร้องและทั้งทุบประตูจนเจ็บมือไปหมดแล้วร่างบางของมูราฟก็ทรุดตัวลงนั่งอยู่หลังประตูนั่นเอง
เดก้าเปิดประตูเข้าไปในห้องของมนุษย์น้อย " ตามข้ามา...ถึงเวลาอาหารของท่านแล้ว "
มูราฟรีบลุกขึ้นยืน " ปล่อยผมไปเถอะนะ...ผมไม่อยากอยู่ที่นี่...เพื่อนของผมอยู่ที่ไหนกัน? พาผมไปพบกับพวกเขาเถอะ..."
" ตามมา..."
มูราฟต้องก้าวขาตามไป ลงบันไดไปยังชั้นล่าง จนมาถึงห้องอาหารขนาดใหญ่โตและกว้างขวางมากๆ มีโต๊ะตัวยาวที่สามารถจุคนได้กว่าสิบคนตั้งอยู่กลางห้อง บนโต๊ะนั้นมีสำรับอาหารวางอยู่เพียงแค่ชุดเดียว
" นั่งลงแล้วกินอาหารของท่านไป "
มูราฟทรุดตัวลงนั่ง
เมื่อต้องกลับมาอยู่ในห้องอีกครั้งเค้าก็เดินงุ่นง่านดูโน่นดูนี่เพื่อหาทางออก แต่มันไม่มีเลย หน้าต่างบานกว้างเพียงบานเดียวในห้องนั้นก็เปิดออกไปไม่ได้ และวิวที่นอกหน้าต่างนั่นก็มองเห็นด้านล่างที่เป็นเหวลึกอีกด้วย อาหารเช้าก็กินแล้ว อาหารกลางวันก็กินแล้ว ยังตอนค่ำที่ต้องมานั่งยังห้องอาหารห้องเดิม แต่คราวนี้ผิดกันที่...ทั้งโต๊ะอาหารที่เคยมีสำรับเพียงแค่ชุดเดียว ในมื้อค่ำนี้กลับมีอาหารขึ้นโต๊ะมาเพิ่มอีกถึงเจ็ดสำรับ และยังอาหารและผลไม้มากมายจนเต็มไปหมดทั้งโต๊ะตัวยาวนั่น ยังไม่ทันที่เค้าจะได้นั่งลง ก็ปรากฎเสียงเดินที่ดังเข้ามาให้ได้ยินจนกึกก้องไปทั้งห้องอาหารขนาดใหญ่นั่น ดวงตากลมโตที่ฉายแววหวานอยู่เป็นนิจเบิกออกกว้าง...เมื่อเห็น...ชายฉกรรจ์ที่มีเรือนร่างที่สูงและใหญ่...มากกก...กว่าคนทั่วๆไปทยอยกันเดินเข้าจับจองยังเก้าอี้ในโต๊ะอาหารถึงเจ็ดคนด้วยกัน มูราฟตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
ซีลนั่งลงที่หัวโต๊ะ เนตรคมดุจับจ้องยังใบหน้าเรียวที่เผือดซีดลงด้วยความกลัวนั้น " นั่งลงเถอะเจ้า...ถึงเวลาอาหารแล้ว "
มูราฟหลบสายตาลงเพื่อหนีสายตาคมดุคู่นั้น ทรุดตัวลงนั่ง พลางมองเห็นอาหารตรงหน้าก็ต้องตกตะลึงจนดวงตาหวานเบิกกว้าง อาหาร!?...อาหารอะไรกันนี่??...เบิกตากว้างกว่าเก่าด้วยความสยดสยอง
" ฮ่าๆๆๆๆๆ " นูล...ท่านจ้าวแห่งความตายผู้มีอารมณ์ที่ดี เขาหัวเราะร่วนกับท่าทีของมนุษย์น้อย " ลองกินดูซิ...บุตรมนุษย์ผู้งดงามเอ๋ย...อาหารเหล่านี้เลิศรสทั้งนั้น ของสดๆเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดแล้ว " กล่าวจบประโยคก็ใช้มือที่ใหญ้โตหยิบชิ้นเนื้อขึ้นมาจากในจานแล้วส่งมันเข้าไปในปาก
มูราฟที่หน้าซีดอยู่แล้วแทบจะซีดลงไปอีกถ้าเป็นไปได้ เลือดสดๆหยดลงบนโต๊ะ เค้ายกมือขึ้นปิดปากลุกพรวดออกจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกจากห้องอาหารไปในทันที เมื่อกลับเข้าห้องได้ก็พุ่งไปอาเจียนยังห้องน้ำกว้างเป็นนาน กว่าจะเดินโผเผออกมาแล้วนั่งลงที่เตียงอย่างหมดแรง เค้าอ๊วกจนสิ้นไส้สิ้นพุงเลยทีเดียว
ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา เป็นเดก้าที่เข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงนั่นด้วยสีหน้าขมึงทึง " ท่านเสียมารยาทมากที่ลุกออกมาจากโต๊ะแบบนั้น...ไป...ลงไปกินอาหารของท่านเดี๋ยวนี้ "
มูราฟส่ายศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธ
" เร็ว..."
" ไม่...ผมไม่หิวเลย..."
ถึงจะปฏิเสธไปยังไง...สุดท้ายแล้วเค้าก็ถูกพากลับไปที่ห้องอาหารจนได้
ดวงเนตรต่างสีสันมองไปยังบุตรมนุษย์ที่เดินตามหลังเดก้ากลับเข้ามาในห้องอาหาร ดูก็รู้ว่าไม่ได้เต็มใจที่จะกลับเข้ามา
มูราฟต้องทรุดตัวลงนั่งยังเก้าอี้ตัวเดิม...แล้วเริ่มลงมือทานอาหารที่อยู่ในจานของตัวเองไป
เป็นสิบกว่าวันที่ผ่านพ้นไป มูราฟถูกขังให้อยู่แต่ในห้องตลอดเวลา ถ้าไม่ใช่เวลาของอาหารในแต่ละมื้อเค้าก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ออกจากห้องเลย จนกระทั่ง...
วันจันทร์เต็มดวงมาถึง...ห้องทำพิธีได้ถูกจัดเตรียมเอาไว้พร้อมแล้ว
ในค่ำคืนวันนั้น หลังจากที่มูราฟได้เข้านอนไปแล้ว...ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ เค้าถูกเดก้ามาปลุกให้ตื่น " อะไร?...จะพาผมไปไหน??..." ร่างบางดิ้นรนเพื่อขัดขืนการฉุดรั้ง " ไม่...ไม่เอา...ไม่ไป..." ถูกฉุดและดึงลากให้ลงไปยังชั้นล่าง ไปยังห้องๆหนึ่ง..." อย่า...ไม่เอา...ปล่อยผม..." เค้ากรีดร้องออกมาเมื่อถูกกดให้นอนลงไปบนแท่นหินขนาดใหญ่กว่าตัวของเค้าเองมากมายนัก ข้อมือทั้งสองข้างถูกจับมัดรวมกันไว้ที่หลักหินเหนือศีรษะ " อย่า...กลัวแล้ว...ไม่่ม่ม่ม่..." เสื้อผ้าที่เค้าสวมใส่อยู่ถูกฉีกกระชากออกไปจากร่างกาย " ไม่...ไม่เอา..." รู้สึกถึงความเย็นเยือกของแท่นหินที่นอนอยู่นั้น
เดก้าพยักหน้าด้วยความพอใจกับเรือนร่างที่ขาวโพลนแลดูนวลและเนียนมือของบุตรมนุษย์ที่ถูกพันธนาการให้นอนอยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ " ใกล้ถึงเวลาแล้ว "
มูราฟพยายามดึงมือออกจากการถูกผูกมัดจนเลือดเริ่มไหลเพราะถูกเชือกบาด
มีเสียงเดินอย่างกึกก้องดังเข้ามาเรื่อยๆ
เดก้าทรุดตัวนั่งลงก้มหน้ากับพื้นห้องเพื่อรอคอย
มูราฟหยุดอาการดิ้นรน หันมองตามเสียงที่เดินเข้ามานั้น...แล้วหัวใจดวงน้อยก็ต้องเต้นระรัวและแรงขึ้นราวกับว่ามันจะออกมานอกอก อ้าปากจะกรีดร้อง แต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาแม้แต่เพียงนิด
จ้าวแห่งราชาทั้งเจ็ดตนต่างกลับคืนสู่สภาพเดิมของตนเอง มีเรือนร่างที่ใหญ่โต สูง หนา มีเขี้ยว เล็บมือที่ยาวเหยียด มีปีกที่กำลังกางออกสีดำสนิท และที่สำคัญ...ทุกตนมีร่างที่เปลือยเปล่า
การทำพิธีล้างคำสาปกำลังจะเริ่มขึ้นในบัดนี้แล้ว...