Shred : สับ...ไม่ตาย
13
ตอน
5.59K
เข้าชม
57
ถูกใจ
2
ความคิดเห็น
13
เพิ่มลงคลัง

Intro

แสงแดดแรงกล้าในช่วงกลางวันของฤดูร้อน ราวกับจะแผดเผาทุกสิ่งที่อยู่บนพื้นโลกให้หมดไป แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น หน้าที่ของนักศึกษาที่มีเรียนก็ยังคงต้องมาเรียนอยู่           
       อีกสองสัปดาห์กว่าจะถึงวันเปิดภาคเรียน ที่มหาวิทยาลัยจึงยังมีนักศึกษาเดินเพ่นพ่านไม่มากนัก มีเพียงนักศึกษาที่มาเรียนช่วงซัมเมอร์ และพวกที่ต้องเรียนเสริมเท่านั้น แต่ห้องพยาบาลของมหาวิทยาลัยยังคงเปิดทำการปกติ มีนักศึกษาแวะเวียนมาบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนัก พยาบาลที่ประจำการอยู่ยังคงทำงานอย่างขยันขันแข็ง นักศึกษาที่มาที่ห้องพยาบาลส่วนใหญ่ก็มีแต่เรื่องปวดหัว ตัวร้อนเป็นไข้และมาขอนอนพักเท่านั้น นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นที่รักษาแผลทางจิตใจของเหล่านักศึกษาอีกด้วย  
            คุณหมอที่ห้องพยาบาลนี้ชายหนุ่มอายุน้อยหน้าตาดี มีรอยยิ้มและอัธยาศัยดีมาก จึงทำให้นักศึกษาที่มาใช้บริการห้องพยาบาลส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาผู้หญิง

เวลาสี่โมงเย็นของหน้าร้อนช่วงวันหยุด นักศึกษาชายสองคนเดินอยู่ตรงทางเดินที่ทอดยาวหน้าอาคารอำนวยการ คนหนึ่งแบกลูกบาสสีส้มไว้บนไหล่ ปากพร่ำบนเบาๆเกี่ยวกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวเกินกว่าทุกปี ส่วนชายอีกคนซึ่งเดินอยู่ด้านหน้ากำลังพร่ำบ่นชายคนที่มีบาดแผลถลอกและรอยฟกช้ำไปทั่วร่างกาย

“แกทำเวลาของฉันหายเข้าไปในห้องพยาบาลและโรงพยาบาลเกือบทั้งหมด  ทำไมถึงได้ชอบไปหาเรื่องพวกรุ่นพี่พวกนั้นกัน? พนันแข่งบาสบ้าบออะไร? คิดว่าทำเรื่องพวกนี้แล้วเท่ห์นักรึไง?”

“ทำไมถึงทำห้องพยาบาลไว้ไกลขนาดนี้กัน? รู้ไหมว่าลำบากขนาดไหนถ้าคนเจ็บมาไม่ไหว”ชายที่แบกลูกบาสสีส้มบ่นอย่างหงุดหงิดโดยไม่สนใจคำตักเตือนของเพื่อนที่เดินนำหน้าอยู่สองก้าว ทว่าตอนนี้บาดแผลตามร่างกายของเขาก็เริ่มส่งอาการเจ็บปวดขึ้นมาบ้างแล้ว                                                                                          
           “ถ้าแกไม่อยากมาห้องพยาบาลที่อยู่ไกลขนาดนี้บ่อยๆ ก็อย่าสร้างเรื่องเจ็บตัวให้มากนัก ฉันเองก็ขี้เกียจที่จะลากแกมาในที่แบบนี้บ่อยๆ เหมือนกัน"

“ฉันไม่ได้ขอให้พามาสักหน่อยนี่ แผลแค่นี้เอง”เจ้าของใบหน้าติดหยิ่งยกแขนที่มีรอยแผลถลอกเป็นทางยาวขึ้นมาเลียเบาๆ อย่างไม่สนใจ เป็นผลให้อีกฝ่ายเหลือกตาใส่เขาอย่างหงุดหงิด

ในที่สุดประตูเลื่อนบานสีขาวที่มีกระจกสี่เหลี่ยมขุ่นมัวติดอยู่ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่พวกเขาต้องชะงักมือค้างไว้แบบนั้นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังขึ้นมาเบาๆ แต่ดังขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เสียงก็เงียบหายไป                                                       “ใครเปิดหนังสยองขวัญดูงั้นเหรอ?”คำพูดติดตลกออกมาจากปากของคนที่มีแผลทั่วตัว แต่เพื่อนที่มาด้วยกันไม่ได้สนใจเสียงนั้น เขาถือวิสาสะเปิดประตูห้องพยาบาลเข้าไปทันที  ที่นี่เขาได้พบกับคุณหมอที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ ทันทีที่เห็นหน้านักศึกษาทั้งสองคนเขาก็หลุดยิ้มออกมา                                                            
             “ไงขาประจำ วันนี้ไปมีเรื่องอะไรมาอีกล่ะ?”คุณหมอเอ่ยถามชายที่นั่งลงตรงโต๊ะทำแผลที่กำลังพ่นลมหายใจออกมาหนักๆโดยไม่ได้ตอบอะไร                                    
             “ไม่ต้องไปสนใจเรื่องของหมอนั่นหรอกครับ ว่าแต่หมอได้ยินเสียงผู้หญิงเมื่อกี้นี้ไหมครับ?”นักศึกษาชายที่เดินตามมาวางลูกบาสของเพื่อนสนิทไว้บนเก้าอี้สำหรับรอจากนั้นก็เดินมาหาหมอหนุ่มที่กำลังเตรียมอุปกรณ์ทำแผล                                                  “ไม่ได้ยินนะ ตั้งแต่เช้ามาก็มีแค่พวกเธอเท่านั้นล่ะที่มาที่นี่”             
                “เหรอครับ? เป็นหมอในมหา’ลัยมันว่างแบบนี้เลยเหรอ?” 
                “ไม่ได้ว่างนะ! ถึงฉันจะจบได้มาได้ไม่กี่ปีแต่ฉันก็เป็นหมอนะ!”คุณหมอรีบแย้งขึ้นเมื่อถูกเด็กๆ เข้าใจผิด “ว่าแต่พวกเธอน่ะ ขนาดช่วงปิดเทอมยังขยันหางานให้หมอทำจริงๆ เลยนะ”                                                                                                               “ทศภาคน่ะสิครับ ชอบไปหาเรื่องกับรุ่นพี่ที่สนามบาส พวกนั้นก็ทำตัวนักเลงคุมสนาม สุดท้ายก็ปางตายมาหาหมอทุกที”เมื่อได้จังหวะบ่นก็พร่ำออกมาอีกครั้ง ถ้านับการมาที่ห้องพยาบาลช่วงปิดเทอมทั้งหมดแล้วล่ะก็ ครั้งนี้ก็เป็นครั้งที่เจ็ด  
                  “ระวังตัวหน่อยนะ ถ้าไปหาเรื่องพวกนักเลงมากๆ มันจะไม่จบแค่การถูกซ้อมหรอก”คุณหมอตักเตือนด้วยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ แสดงถึงความเอาใจใส่นักศึกษาอย่างจริงจัง
                   “คร้าบ... คร้าบ”คนที่ถูกทำแผลรับคำส่งๆ ตามประสาคนที่ไม่ค่อยเชื่อฟังใคร เขารอจนกระทั่งทำแผลเสร็จและออกจากห้องพยาบาลอันคุ้นเคยไปโดยไม่ลืมขอบคุณก่อนเหมือนทุกครั้ง

 

ท้องฟ้าสีสดใสของฤดูร้อนถูกแทนที่ด้วยเมฆครึ้มสีเทาบดบังแสงอาทิตย์ไปจนหมด อากาศที่ร้อนอบอ้าวค่อยๆเปลี่ยนเป็นร้อนชื้นและมีกลิ่นหอมอ่อนๆของไอดินโชยเข้ามาในจมูก หยดน้ำใสค่อยๆ โปรยลงมาจากก้อนเมฆสีหม่น ก่อนจะกระหน่ำตกลงมาอย่างหนักอย่างรวดเร็ว                                                                                               
              “บ้าชะมัด เมื่อกี้แดดยังร้อนเปรี้ยงอยู่เลย ฝนตกลงมาได้ยังไงกันเนี่ย?”ลูกบาสที่อยู่ในมือของชายซึ่งมีผ้าพันไว้ตามแขนและมีพลาสเตอร์ปิดรอยถลอกเล็กๆ ทั่วร่างกายถูกเดาะขึ้นลงไปมา สายตาเงยมองเม็ดฝนที่สาดเทลงมาอย่างไม่เกรงใจสิ่งมีชีวิต               “ก็เพราะอากาศร้อนเปรี้ยงเมื่อกี้นั่นล่ะถึงทำให้ฝนตกหนัก เอาล่ะ...พวกเราคงต้องวิ่งฝ่าฝนไปที่หอกันแล้ว”กระเป๋าใส่หนังสือถูกยัดไว้ในเสื้อนักศึกษาแขนสั้น ก่อนที่ขายาวๆ จะเริ่มออกวิ่งฝ่าสายฝนกลับไปยังหอพักนักศึกษาที่อยู่อีกด้านหนึ่งของตึกเรียน ชายที่ถือลูกบาสมองเพื่อนสนิทที่ออกตัววิ่งไปแล้วอย่างหนักใจ  เขาหมุนลูกบาสไว้บนนิ้ว มองสภาพอากาศอย่างลังเลก่อนจะออกตัววิ่งตามไปบ้าง

                 ท้องฟ้ายามราตรีคืบคลานมาเยือน  มหาวิทยาลัยที่ยังคงอยู่ในช่วงเรียนภาคฤดูร้อนมีนักศึกษาพักอยู่ที่หอพักไม่มากนัก ดังนั้นตามหอพักจึงเงียบมากเป็นพิเศษ  ภายใต้ความมืดที่ไร้แสงไฟ หลังหอพักชายที่กำลังจะเปิดให้เข้าพักในเร็วๆ นี้ มีชายสองคนแบกถุงขยะสีดำเดินหายเข้าไปในกอหญ้าสูง ซึ่งด้านหลังกอหญ้านั้นเป็นเขตทิ้งขยะของหอพักและชุมชนละแวกนั้น กลิ่นเหม็นของขยะหลากประเภทส่งกลิ่นโชยน่าขยะแขยง แต่เนื่องจากบริเวณนั้นห่างไกลจากชุมชนใหญ่และหอพักมากพอที่จะทำให้กลิ่นเหล่านั้นจางลง สายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมานั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกลบเสียงแปลกปลอมที่กำลังแทรกซึมหายเข้าไปในเงามืดเงียบงันนั้นจนสิ้น

อีกไม่นาน ฤดูร้อนก็กำลังจะจบลงแล้ว

 

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว