[แฟนฟิค SOTUS // ก้องภพ x อาทิตย์]. จากวันนี้ ... และตลอดไป

Y

[แฟนฟิค SOTUS // ก้องภพ x อาทิตย์]. จากวันนี้ ... และตลอดไป

[แฟนฟิค SOTUS // ก้องภพ x อาทิตย์]. จากวันนี้ ... และตลอดไป

Kipling

Y

0
ตอน
8.48K
เข้าชม
69
ถูกใจ
7
ความคิดเห็น
119
เพิ่มลงคลัง

แฟนฟิค SOTUS พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง by Kipling

 

จากวันนี้ และตลอดไป

 


 

 

แสงแดดยามใกล้เที่ยงแผดจ้าจนแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่ความรีบร้อนที่มีมากกว่าทำให้ชายหนุ่มแทบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนอกจากเป้าหมายตรงหน้า ซึ่งก็คือ ...วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง

 

“พี่ๆ ไปตึกวิศวะอุตฯครับ !!!” หนุ่มวัยเริ่มต้นทำงานตะโกนดังลั่นตามสไตล์อดีตเฮดว้ากคนดังที่ใครต่อใครร่ำลือกันว่าเขากินโทรโข่งกับไมโครโฟนเป็นอาหารหลัก แม้แต่เจ้าของรถวินฯเองยังสะดุ้งโหยง ก่อนหันมายังผู้โดยสารคนเดิมที่วิ่งหน้าตั้งกระโดดพรวดขึ้นซ้อนท้ายโดยไม่รอคำตอบสักคำ

 

“ด่วนครับพี่ !!!” อาทิตย์กระชับสายสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กเข้าข้างเอวพร้อมตะเบ็งย้ำขึ้นอีกครั้ง พี่วินฯที่ยังงุนงงอยู่จึงรีบสตาร์ทเครื่องแล้วออกตัวทันที

 

ระหว่างที่มอเตอร์ไซค์วิ่งลัดเลาะแทรกตัวตามเส้นทางที่แออัดไปด้วยยานพาหนะคับคั่งอยู่พักหนึ่ง เจ้าของรถกลับส่ายหัวแล้วหันมาพูดกับผู้โดยสารหนุ่มข้างหลัง

 

“เดี๋ยวพี่ลัดออกทางข้างตึกเรียนรวมละกันนะน้อง  ขืนวิ่งเส้นหลักคงอีกนานกว่าจะถึง” พูดจบพี่วินฯก็หักเลี้ยวเข้าตรอกเล็กๆ เป็นอันรู้กันว่าคือทางลัดไปคณะวิศวกรรมศาสตร์ ด้วยความว่องไวคล่องตัวแบบนี้นั่นล่ะที่ทำให้อาทิตย์ตัดสินใจใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้างอย่างไม่ลังเล เพราะรู้ดีว่า ‘วันนี้’ การจราจรในมหาวิทยาลัยจะต้องติดนรกแตกแน่นอน วันสำคัญประจำปีอีกหนึ่งวันที่ผู้คนมากมายมารวมตัวกันไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาทุกชั้นปี คณาจารย์ทุกคณะ หรือแม้กระทั่งพ่อแม่พี่น้องญาติโยมอีกหลายร้อยพันครอบครัวทั้งในและต่างจังหวัดที่พร้อมใจกันมาให้กำลังใจลูกหลานของตัวเอง

 

... วันรับปริญญา ...

 

อาทิตย์ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองสลับกับมองทางข้างหน้าไปมาอย่างหงุดหงิด ใช่ เขารีบสุดๆ จนอยากจะให้รถวินฯติดถังไนตรัสด้วยซ้ำ ร้อนใจถึงขนาดต้องยอมเสียเครดิตลางานครึ่งวันเลยทีเดียว ความจริงเจ้าตัวตั้งใจลาหยุดหนึ่งวัน แต่ติดตรงที่ว่าช่วงเช้าดันมีประชุมด่วนซึ่งเลี่ยงไม่ได้เด็ดขาด ชนิดที่ต่อให้ป่วยก็ต้องลากสายน้ำเกลือไปด้วย ดังนั้นพอประชุมเสร็จตอนสิบเอ็ดโมงกว่า อดีตเฮดว้ากจึงวิ่งติดสปีดพุ่งพรวดออกมาจากออฟฟิศทันที

 

ที่จริงวันนี้ก็ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้นหรอก ก็แค่เป็นวันรับปริญญาของก้องภพ ... เท่านั้นเอง

 

แถมว่าที่บัณฑิตไม่เคยรบเร้าอะไรเลยสักคำ แค่บอกเล่าให้ฟังทางโทรศัพท์ว่ากำหนดการซ้อมใหญ่วันไหน รับจริงเมื่อไรเท่านั้น

 

“พี่อาทิตย์ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ มันตรงกับวันธรรมดาที่พี่ต้องทำงานพอดี แถมเป็นช่วงปิดไตรมาสอีก งานพี่คงยุ่งมาก ผมเข้าใจนะครับ”

 

ก้องภพยังคงคอนเซ็ปต์สายเหตุผลอยู่เสมอ ซึ่งอาทิตย์เองก็เห็นด้วย อีกทั้งตัวเขาเองไม่เคยยอมให้เรื่องส่วนตัวมากระทบกับงานของทั้งคู่โดยเด็ดขาดอยู่แล้ว

 

แต่เพราะเห็นว่าไม่ได้เจอหน้ากันเลยตลอดเกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทำให้อาทิตย์ยอมทำโอทีเพิ่มอีกหลายชั่วโมง แถมเคลียร์งานบางส่วนล่วงหน้าเพื่อหาโอกาสลาหยุดครึ่งวันมาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตใหม่ให้ได้

 

.... อย่างน้อยแค่เจอหน้ากัน ได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าคนหน้าซื่อตาใสใจหมาป่านั่น สักนาทีก็ยังดี

 

ไม่นานนัก มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ได้โลดแล่นมาจอดอยู่ตรงลานหน้าตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาอุตสาหการ อาทิตย์จึงรีบกระโดดลงจากรถ ควักเงินค่าโดยสารจ่ายให้พี่วินฯแล้วผละออกมาทันทีโดยไม่รอเงินทอน ก่อนจะชะงักเมื่อสังเกตเห็นว่าบริเวณหน้าตึกที่ควรเต็มไปด้วยเหล่าบัณฑิตสวมชุดครุยและผู้คนมากมาย  เวลานี้กลับเหลือแต่พวกนักศึกษาเดินขวักไขว่หรือไม่ก็จับกลุ่มพูดคุยกัน กับบรรดาผู้ปกครองนั่งพักกระจายอยู่ตามจุดต่างๆทั่วตึกวิศวะอย่างสบายอารมณ์

 

อาทิตย์ถึงกับหน้าถอดสี พลางก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง เห็นชัดว่าตอนนี้ทั้งเข็มสั้นกับเข็มยาวเพิ่งเลยพ้นเลขสิบสองไปได้ไม่กี่ขีด

 

.... เขามาไม่ทัน ....

 

อดีตรุ่นพี่แทบเข่าอ่อนหมดแรง จนต้องเดินโซซัดโซเซไปนั่งตรงม้าหินข้างกำแพงตึก ถอดสายกระเป๋าโน้ตบุ๊กวางลงข้างตัวพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ จำได้ขึ้นใจว่ากำหนดการเข้าหอประชุมรับปริญญาคือ 12.00 น. อุตส่าห์วางแผนลางาน ทั้งคำนวณเส้นทางอย่างดิบดี สุดท้ายก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

“โธ่เว้ยยย” อาทิตย์บ่นใส่ตัวเองเบาๆ ดวงตาคมหรี่ลงอย่างเหนื่อยล้า ก่อนเหลือบมองบรรยากาศรอบตัวอีกครั้ง นักศึกษาที่มากันในวันนี้ทุกคนแต่งตัวถูกระเบียบเรียบร้อยเป็นพิเศษเพื่อให้เกียรติพิธีสำคัญ มีบ้างที่ชายเสื้อเริ่มหลุดลุ่ยเพราะถึงเวลาต้องใช้แรงงานเคลียร์พวกซุ้มต่างๆที่จัดไว้ให้กับเหล่าพี่บัณฑิต ทั้งแสตนเชียร์และคัตเอ้าท์สำหรับถ่ายรูปเป็นที่ระลึกทั้งซุ้มกิจกรรมเล็กๆที่กระจายอยู่ทั่วลานหน้าตึกคณะ ทุกอย่างที่ผ่านสายตาอาทิตย์ทำให้เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน....

 

.... ในวันที่ตนเองสวมชุดครุยเข้าพิธีสำคัญเดียวกัน

 

วันนั้น .... ใครบางคน ... คนที่เป็นจอมวางแผนมาตั้งแต่สมัยชิงธงปีหนึ่ง ดึงดันพาเขาไปยืนอยู่ตรงกลางกลุ่มนักศึกษารุ่นน้องกลุ่มใหญ่ จากนั้นปล่อยเขายืนเคว้งอยู่กลางวงเพื่อไปจัดแถวเพื่อนๆของตัวเองให้เป็นแนวล้อมเขาไว้

 

“พวกเรา บูมให้พี่อาทิตย์ !!!” ก้องภพออกคำสั่งเสียงดัง “WE ARE ENGINEER พร้อม สาม สี่ !!!!”

 

E-N–G–I– N– E– E - R ENGINEER  ENGINEER  เฮ้ !!!”

 

ทุกพยางค์ ทุกถ้อยคำ กึกก้องสนั่นไปทั่วจนผู้คนต่างหันมองมาที่เดียวกัน ทั้งยังสะท้อนเข้าไปในหัวใจของรุ่นพี่ที่ยืนอยู่เป็นจุดศูนย์กลาง หูของอาทิตย์อื้อตึงไปหมด หากไม่ใช่เพราะเสียงบูมที่ดังลั่นโสตประสาท แต่เป็นเพราะความปลาบปลื้มที่ล้นปรี่จนจับต้นชนปลายไม่ถูกมากกว่า

 

“พ... พวกคุณนี่มัน... ผ่านมาตั้งหลายปีแล้วแต่ก็ยังบูมไม่ได้เรื่อง” ยังไม่ทิ้งลายพี่ว้ากมากฟอร์ม แต่น้ำเสียงนุ่มอ่อนที่ต่างออกไปทำให้บรรดารุ่นน้องรวมถึงก้องภพจับทางได้ว่าพี่บัณฑิตคนนี้ไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลย แต่กำลังปลื้มใจอย่างที่สุดต่างหาก

 

“ขอบคุณทุกคนมาก”

 

รอยยิ้มของรุ่นน้องถูกส่งมาอย่างพร้อมเพรียงกันทันทีที่ได้ยินเช่นเดียวกับพี่อาทิตย์ เจ้าตัวยิ้มบางตอบกลับวูบหนึ่ง พลันเดินก้มหน้าฝ่าวงล้อมผละจากไป ทุกคนจึงต่างเคลื่อนย้ายกันไปเตรียมตั้งแถวบูมให้รุ่นพี่คนอื่นๆต่อ

 

ยกเว้นก้องภพ ... ที่วิ่งตามหลังคนของตัวเองมาติดๆ แต่พี่ว้ากในคราบบัณฑิตหนุ่มยังคงสาวเท้าเร็วๆหนีไปทางด้านหลังตึกคณะ สัญญาณแบบนี้มันดูคุ้นตาชอบกล ก้องภพจึงเร่งฝีเท้าไปดักข้างหน้าคนที่เอาแต่ก้มงุดไม่มองทาง

 

“พี่อาทิตย์ครับ”

 

คนเป็นพี่ชะงักพลางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะรีบหันหนีไปอีกด้านอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำให้ก้องภพทันได้เห็นแววตาเอ่อชื้นและแดงก่ำ เจ้าตัวจึงแอบยิ้มมุมปากเมื่อสิ่งที่คาดเดาไว้นั้นถูกเผง

 

“ผมเคยบอกพี่แล้วไงครับ ว่าถ้าพี่จะร้องไห้อีก ให้บอกผม... ผมจะช่วยซับน้ำตาให้เอง”

 

“ก้องภพ !!!”.............

 

 

 

........... สุดท้าย ในวันนั้น ใจของพี่ว้ากก็ยังพ่ายแพ้ต่อ 0062 ตัวแสบอยู่ดี

 

 

 

พอย้อนนึกถึงตรงนี้ ยิ่งทำให้อาทิตย์รู้สึกผิดมากกว่าเดิมจนแทบตีอกชกหัวตัวเอง ก็ดูสิ พอถึงวันสำคัญที่สุดในชีวิตของก้องภพบ้าง ตัวเองกลับไม่สามารถทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายได้เลยสักอย่าง น่าหงุดหงิดจนต้องบ่นระบายออกมา

 

“กูนี่มัน....”

 

...... เป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลยว่ะ

 

คำบ่นที่เหลือถูกต่อเติมเงียบๆในใจ อาทิตย์พ่นลมหายใจแรงๆอีกครั้งแล้วเอนตัวพิงกำแพงอย่างเซ็งสุดชีวิต แถมยิ่งคิดมากเท่าไร กระเพาะยิ่งเริ่มแสบบิดมวนมากขึ้นทุกที

 

จริงสิ... ตั้งแต่ออกจากบ้านมาแต่เช้าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่างนี่หว่า

 

อดีตพี่ว้ากเหลียวมองซ้ายขวาอย่างใช้ความคิด ถึงท้องจะหิวแค่ไหนแต่เขากลับไม่มีกะจิตกะใจอยากกินอะไรเลยสักนิด แต่จะปล่อยให้น้ำย่อยทำลายกระเพาะต่อไปก็ไม่ได้อีก เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาเรื่องจะวุ่นวายไปกันใหญ่ แล้วยิ่งถ้าถึงหูก้องภพเข้าล่ะก็ เจ้านั่นต้องบ่นยาวเป็นขบวนรถไฟหัวลำโพงแน่ๆ

 

ไม่รู้ทำไม.... พอคิดถึงตรงนี้ อาทิตย์กลับยอมผุดลุกขึ้นแต่โดยดี บีบไหล่ไล่ความเมื่อยล้าแล้วคว้ากระเป๋าโน้ตบุ๊กขึ้นสะพายอีกครั้งก่อนก้าวเดินออกมา แต่แทนที่จะไปโรงอาหาร เขากลับมุ่งหน้าตรงไปยังถนนสายหลักที่เชื่อมทางต่อกันระหว่างตึกคณะอื่นๆแทนเสียอย่างนั้น

 

ริมถนนสองข้างวันนี้เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆตั้งบู้ธชั่วคราวอยู่มากมาย เยอะที่สุดคงเป็นพวกร้านขายช่อดอกไม้ ตุ๊กตา และของที่ระลึกสำหรับเป็นของขวัญให้กับว่าที่บัณฑิต และยังมีพวกรถเข็นขายของกินกระจายตัวแทรกอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

 

อาทิตย์รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยเจริญอาหารเท่าไรนัก จึงอยากเดินดูร้านรถเข็นพวกนี้เพื่อหาอะไรรองท้องเบาๆมากกว่าไปนั่งกินข้าวที่โรงอาหาร แต่เอาเข้าจริงพออาทิตย์เดินผ่านทั้งร้านหมูปิ้ง ลูกชิ้นปิ้ง เครปญี่ปุ่นยอดฮิต หรือแม้กระทั่งร้านสะดวกซื้อประจำตึกก็ตาม กลับไม่มีอะไรที่เขาทำให้รู้สึกอยากกินเลยสักอย่าง ไอ้ครั้นจะปล่อยให้ตัวเองหิวโซก็คงไม่ดีแน่ จึงจำใจเดินต่อไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย

 

หลายนาทีต่อมา เหมือนสวรรค์เป็นใจให้ชายหนุ่มพบแสงแห่งความหวังปลายอุโมงค์ อาทิตย์เหลือบมองเห็นร้านกาแฟโบราณที่เป็นรถเข็นเก่าๆตั้งขายอยู่ตรงหัวมุมแยกหน้าคณะวิทยาศาสตร์ เขาจึงรีบปรี่เข้าไปอย่างไม่รอช้า นึกออกโดยพลันว่ามีเพียงเมนูเดียวที่จะเยียวยาอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเองในเวลานี้ได้

 

“ลุงๆ ขอนมเย็นแก้วนึงครับ”

 

ชายสูงอายุเจ้าของร้านเงยหน้าขึ้นมองคนสั่งออเดอร์อยู่แว้บหนึ่ง เหมือนประหลาดใจเล็กๆว่าเครื่องดื่มสีหวานนี้พ่อหนุ่มออฟฟิศตาดุเสียงโหดจะสั่งกินเอง แต่ก็ไม่ได้พูดตอบอะไรพลางก้มหน้าชงนมเย็นให้เพราะไม่อยากให้ลูกค้ารอนาน

 

ไม่เกินสองนาที เครื่องดื่มสุดโปรดของอาทิตย์ก็ชงเสร็จเรียบร้อย เขาจึงรีบจ่ายเงินแล้วคว้าแก้วนมเย็นสีชมพูสุดน่ารักขึ้นดูดฮวบๆราวกับตายอดตายอยากมานาน ความหอมหวานกลิ่นสละผสมนมช่วยเขาได้เสมอ อารมณ์หงุดหงิดที่คุกกรุ่นอยู่คลายลงอย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับน้ำย่อยที่กำลังกัดผนังกระเพาะเริ่มสงบลงโดยพลัน

 

พอใจเย็นลง อาทิตย์จึงเริ่มขบคิดว่าวันนี้จะเอายังไงต่อ จะกลับบ้านเลยก็ดูไม่คุ้มค่ากับที่ลำบากดั้นด้นมาจนถึงที่นี่ แต่กว่าพิธีการจะเสร็จสิ้นก็อีกตั้งหลายชั่วโมง ระหว่างนี้คงต้องหาอะไรทำไปก่อน โชคดีที่ตัดสินใจเอางานบางส่วนติดตัวมาด้วย อย่างน้อยยังถือโอกาสหาที่นั่งทำงานฆ่าเวลาได้บ้าง

 

นมเย็นสีชมพูถูกดูดจนเกลี้ยงไม่เหลือสักหยด อาทิตย์จึงทิ้งลงถังขยะแล้วหันกลับไปทางคณะวิศวะตามเดิม แต่เมื่อเดินผ่านร้านขายของที่ระลึกต่างๆจึงเริ่มฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า

 

เออว่ะ ... ยังไม่มีของขวัญรับปริญญาให้ก้องภพเลยนี่หว่า

 

ปกติแล้วทั้งอาทิตย์และก้องภพไม่ใช่คนมากเรื่องอะไรกับพวกของขวัญในโอกาสพิเศษต่างๆ แม้แต่วันเกิดในทุกปีที่ผ่านมา อย่างมากแค่นัดกินข้าวกัน พูดคุย ดูหนังบ้าง มีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าวันอื่นๆก็เท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวอาทิตย์เองนั่นแหละที่ไม่สันทัดเรื่องโรแมนติกเอาซะเลย แต่ด้วยความที่วันนี้เขารู้สึกเหมือนมีชนักติดหลัง การมีของขวัญเล็กๆน้อยๆพอให้ชดเชยความผิดได้บ้างคงจะดีกว่ามามือเปล่า

 

คิดได้อย่างนั้น คนที่กะว่าจะหาโต๊ะนั่งทำงานจึงเปลี่ยนใจเป็นเดินดูของตามร้านข้างทางแทน

 

“ช่อดอกไม้เหรอ โหย โคตรตุ๊ดเลยว่ะ” อดีตพี่ว้ากพึมพำเบาๆขณะหยุดดูร้านขายดอกไม้ร้านหนึ่ง จะให้ผู้ชายมาดแมนอย่างเขาถือดอกไม้ช่อโตไปให้รุ่นน้องที่เป็นผู้ชายด้วยกันก็คงดูแหม่งๆพิลึก เขาจึงรีบสะบัดหัวแล้วเดินผ่านโดยไว ไปจนถึงอีกร้านที่มีตุ๊กตาวางขายอยู่เต็มชั้นโชว์สินค้า

 

... ตุ๊กตาหมีน่ารักใส่ชุดครุย .... โอยยยยย ไปกันใหญ่เลยทีนี้  อาทิตย์ถึงกับเกาหัวแกรกๆให้กับของขวัญสุดแบ๊วเกินกว่าที่เขาจะกล้าอุ้มเดินโชว์ชาวบ้านไปทั่วทั้งมหา’ลัย แต่ที่โชคร้ายไปกว่านั้น ประมาณเก้าสิบสองจุดแปดเปอร์เซนต์ของโซนพื้นที่ขายของที่ระลึกทั้งหมดดันมีแต่ของขวัญแนวหวานแหววจำพวกนี้เต็มไปหมด อดีตเฮดว้ากจึงได้แต่เดินเตร่ผ่านไปร้านแล้วร้านเล่า นานนับชั่วโมงก็ยังไม่เจออะไรที่เข้าตาสักอย่าง

 

“ไม่มีของขวัญก็คงไม่เป็นไรมั้ง” พอเริ่มท้อใจมากเข้า อาทิตย์จึงเอ่ยปลอบตัวเอง รู้อยู่แล้วว่าก้องภพไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ถึงอย่างนั้นอาทิตย์ก็ยังเหมือนหางลู่หูตก เตรียมหมุนตัวเดินกลับไปที่คณะวิศวะภาคอุตฯตามเดิม

 

แต่แล้วปลายหางตาสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง ร้านขายของเล็กๆที่ตั้งอยู่ตรงสุดหัวมุมถนนจนแทบกลืนหายไปกับบรรยากาศ หากกลับดึงดูดความสนใจของอาทิตย์ขึ้นมา เจ้าตัวจึงเปลี่ยนทิศทางกะทันหันแล้วมุ่งตรงไปยังร้านเป้าหมายนั้นทันที

 

ไม่แปลกที่แทบไม่มีใครมองเห็นร้านนี้เลย เพราะเป็นร้านแบบ ‘แบกะดิน’ มีเพียงผ้าใบปูรองพื้นไว้ แล้วจัดวางสินค้าชิ้นเล็กๆเรียงกันอย่างเรียบง่าย ส่วนมากเป็นของที่ระลึกแบบแฮนเมด DIY จำพวกพวงกุญแจ ปากกา กรอบรูปขนาดย่อม ไปจนถึงการ์ดอวยพร....

 

ดวงตาคมสะดุดลงตรงสินค้าพวกสุดท้าย การ์ดแบบทำมือจากกระดาษธรรมชาติ สีสันอาจไม่ได้สดใสเหมือนพวกการ์ดอวยพรสำเร็จรูปที่ขายตามห้าง แต่มีรายละเอียดตกแต่งน่ารักน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว บ้างก็ใช้กระดาษพับเป็นรูปต่างๆติดประดับไว้สวยงาม บ้างก็เป็นภาพถ่ายฝีมือของเจ้าของร้านเอง แน่นอนว่าทุกชิ้นที่วางขายอยู่ถูกออกแบบให้เข้ากับธีมวันรับปริญญา แต่มีอยู่ชิ้นหนึ่งเตะตาอาทิตย์เป็นพิเศษ จนทำให้เจ้าตัวรีบนั่งย่อขาเพื่อเอื้อมหยิบของชิ้นนั้นขึ้นมาดูใกล้ๆ

 

... การ์ดอวยพรที่ด้านหน้าตกแต่งด้วยกระดาษพับแบบออริกามิ เป็นรูปตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลใส่ชุดครุย

 

อาทิตย์เผยรอยยิ้มครั้งแรกในรอบหลายวัน พลันคิดถึงความทรงจำบางอย่างที่พันผูกระหว่างตัวเองกับคนที่เขารอมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ จึงตัดสินใจควักเงินจ่ายให้เจ้าของร้าน DIY อย่างไม่ลังเล แล้วรีบลุกขึ้นเดินมุ่งหน้ากลับมายังตึกคณะของตนอย่างไม่รอช้า

 

เวลานี้ผู้คนเริ่มบางตาลงเพราะส่วนหนึ่งแยกย้ายกลับบ้านกันไปแล้ว ตรงจุดนั่งพักของผู้ปกครองจึงมีที่ว่างอยู่บ้าง คนเป็นศิษย์เก่าเลือกเดินไปนั่งตรงแถวสวนหย่อมข้างตึก วางกระเป๋าลงบนโต๊ะแล้วหยิบการ์ดที่ตัวเองเพิ่งซื้อมาขึ้นมองเพื่อขบคิด

 

“เขียนอะไรลงไปดีว้า...” คิ้วเข้มของอาทิตย์ขมวดมุ่น อย่างที่รู้กันอยู่ว่าเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้เฮดว้ากไม่ถนัดเอาซะเลย ขนาดตอนเขียนการ์ดให้เฮียตั้มในงานแต่งยังโดนล้อว่าน้ำเน่าอยู่หลายวัน แล้วนี่จะให้เขียนคำอวยพรสวยๆให้กับ .... คนที่ตัวเองรับฝาก ‘เกียร์’ ไว้อีก

 

นิ่งคิดอยู่นาน จนเวลาล่วงเลยบ่ายเต็มที สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจล้วงหยิบปากกาที่พกไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมา พลางนึกในใจ....

 

...... คงไม่มีคำอวยพรไหนดีไปกว่าคำที่ออกมาจากใจหรอก ง่ายๆ แต่ตรงไปตรงมาเนี่ยแหละดีที่สุดแล้ว

 

อาทิตย์เม้มปากแน่นอยากรวบรวมความคิด ก่อนจะเปิดการ์ดออกวางแนบพื้นโต๊ะ ค่อยๆจรดปลายปากกาลงบนกระดาษ แล้วขีดเขียนข้อความอย่างตั้งอกตั้งใจ....

 

***************

 

จนใกล้พลบค่ำเต็มที พิธีการสำคัญก็เสร็จสิ้นลงอย่างราบรื่น  บรรดาบัณฑิตใหม่พร้อมใบปริญญาถือไว้ในมือจึงค่อยๆทยอยเดินเรียงแถวออกมาจากหอประชุมใหญ่ แล้วต่างแยกย้ายกันไปตามคณะของตนเอง

 

คณะวิศวะก็เช่นกัน เสียงอื้ออึงของผู้คนเริ่มดังขึ้นจนอาทิตย์ที่กำลังรัวมือพิมพ์งานลงในโน้ตบุ๊กต้องเงยหน้ามอง ก่อนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูถึงได้รู้ว่าพิธีรับปริญญาจบลงแล้ว จึงรีบกดเซฟงานก่อนพับโน้ตบุ๊กเก็บลงกระเป๋าให้เรียบร้อย แล้วลุกขึ้นเดินออกมาทางหน้าตึกคณะทันที

 

ไม่นาน … คนที่อาทิตย์อุตส่าห์ยอมลางานครึ่งวันเพื่อให้ได้เจอหน้าก็ปรากฏตัวขึ้น อดีตพี่ว้ากยิ้มกว้างให้กับตนเองทันที แต่บางอย่างกลับฉุกขึ้นในใจทำให้เจ้าตัวชะงักฝีเท้า แล้วเลือกเดินไปหลบอยู่ตรงข้างมุมตึกเสียอย่างนั้น แทนที่จะวิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างที่หัวใจต้องการ

 

อย่างที่คาดไว้ไม่ผิด บางอย่างที่ว่าก็พากันออกมาจากตึกคณะวิศวะ จับกลุ่มกันเดินไปหาบัณฑิตหนุ่มอย่างไม่รีรอ....

 

..... ครอบครัวของก้องภพ ...

 

ชายหญิงสูงวัยดูดีมีภูมิฐาน เดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นพ่อแม่ของก้องภพ ทั้งคู่เข้าสวมกอดลูกชายคนเล็กด้วยความรักและภาคภูมิใจ ตามมาด้วยหญิงสาววัยกลางคนที่กำลังอุ้มเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน แถมในมือเด็กน้อยก็มีตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลที่แสนคุ้นตากอดไว้ไม่ยอมปล่อย อาทิตย์จำตุ๊กตาตัวนั้นได้ดี เพราะทั้งเขาและก้องภพช่วยกันเลือกเองกับมือเมื่อหลายปีก่อน และนั่นทำให้มั่นใจได้ว่าคนที่อุ้มเด็กน้อยเจ้าของตุ๊กตาหมีนั้นต้องเป็นพี่สาวคนโตไม่ผิดแน่ และคนสุดท้าย สาวสวยวัยทำงานที่ดูคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง พี่กิ่ง... พี่สาวคนรอง คนนี้อาทิตย์รู้จักดีเพราะมีโอกาสได้พบกันตอนไปหาก้องภพที่หอพักแล้วเจอกันโดยบังเอิญ หลายครั้งเข้าจนตอนนี้เริ่มสนิทสนมกลมเกลียวชนิดมีเบอร์ติดต่อเมมไว้ในโทรศัพท์กันแล้ว

 

.... งานเข้าล่ะ มาทั้งคุณพ่อ คุณแม่ พี่สาวสุดที่รักอีกสองคน พ่วงหลานสาวมาอีกหนึ่ง ครบทั้งตระกูลสุทธิลักษณ์เลยทีนี้ ....

 

ด้วยความร้อนใจอยากเห็นหน้า 0062 ตัวดีเลยทำให้อาทิตย์ลืมนึกถึงประเด็นนี้ไปเสียสนิท เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่พี่น้องอันเป็นที่รักจะยกขบวนมาแสดงความยินดีและให้กำลังใจลูกหลานตัวเองในวันนี้  และส่วนใหญ่มักมีกิจกรรมเลี้ยงฉลองกันภายในครอบครัวต่อหลังจากจบพิธีอีกด้วย

 

แล้วจะให้คนนอกอย่างเขาเข้าไปแทรกท่ามกลางความอบอุ่นนั้นได้ยังไง นึกย้อนถึงคราวของตัวเองวันนั้นตกเย็นอาทิตย์ก็ปลีกตัวไปกินข้าวกับครอบครัวเหมือนกัน กว่าจะได้คุยกันอีกทีก็ตอนที่ก้องภพโทรมาหาดึกๆก่อนนอนนั่นล่ะ

 

มือของอาทิตย์ยกขึ้นกุมกระเป๋าเสื้ออย่างลืมตัว ในนั้นมีการ์ดที่ตัวเองเพิ่งเขียนคำอวยพรเสร็จไปเมื่อตอนบ่าย แต่ดูเหมือนของขวัญที่อุตส่าห์ซุ่มเตรียมไว้คงยังไม่ได้ใช้ในวันนี้เสียแล้ว

 

“เฮ้อ ... ไว้ให้วันหลังก็ได้มั้ง” อาทิตย์ก้มหน้าคอตก วันนี้อะไรๆก็ช่างไม่เป็นใจเอาซะเลย สุดท้ายจึงได้แต่ก้าวถอยออกมา แล้วหันหลังเดินจากไปเงียบๆอย่างไม่อยากเป็นส่วนเกินของครอบครัวตรงหน้า ทั้งยังเลือกเดินอ้อมไปด้านหลังตึกเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตอีกด้วย

 

ทว่าทุกความเคลื่อนไหวของอาทิตย์ยังคงไม่รอดพ้นสายตาเฉียบคมของ 0062 ไปได้ ก้องภพเงยหน้าขึ้นเมื่อเหลือบเห็นใครบางคนหันหลังไวๆตรงข้างมุมตึก แม้เพียงแว้บเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าใครคนนั้นคือคนที่ตัวเองเฝ้ามองหามาตลอดทั้งวัน ทั้งที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงติดงานมาไม่ได้แน่ แต่ก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆในใจอยู่ตลอดเวลา คอยชะเง้อมองหาจนกระทั่งเพื่อนในแถวแซวกันระงมว่าพ่อหนุ่มเดือนคณะกำลังรอแฟนมาถ่ายรูปรับปริญญาด้วยกันแหงๆ

 

... ก็เดากันไม่ผิดหรอกนะ เพียงแต่ก้องภพกลับทำแค่ยิ้มนิ่งๆไม่โต้ตอบอะไรเท่านั้น

 

พอมั่นใจว่าคนที่แอบย่องหนีไปนั้นคือใคร ก้องภพจึงรีบสะกิดพี่สาวคนรองแล้วกระซิบบอกอะไรบางอย่าง ก่อนขออนุญาตพ่อกับแม่เพื่อขอตัวออกมา แล้วรีบวิ่งหายเข้าไปหลังมุมตึกคณะอย่างรวดเร็ว

 

“พี่อาทิตย์ครับ”

 

เสียงที่อยากได้ยินมาตลอดทั้งวันทำให้คนถูกเรียกผงะกึกแล้วหันพรวดมาทันที กระนั้นยังพยายามอย่างยิ่งในการเก๊กหน้าไม่ให้ดูดีใจเกินกว่าเหตุ

 

“ก้องภพ คุณมาได้ไง ? ”

 

“ผมเห็นพี่อาทิตย์พอดีน่ะครับ เลยรีบออกมาหา” บัณฑิตหนุ่มยิ้มกว้างดีใจที่ตัวเองได้พบคนที่ชะเง้อคอยมาทั้งวัน และถึงรู้เหตุผลดีอยู่แก่ใจว่าทำไมอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าไปหา แต่ก็ยังอยากถามออกไป

 

“แล้วพี่อาทิตย์ล่ะครับ มาถึงแล้วทำไมไม่เข้าไปทักกันเลย”

 

“ก็ ... ก็ผมเห็นคุณกำลังคุยอยู่กับพ่อแม่แล้วก็พี่สาวคุณ ผมเลยไม่อยากเข้าไปรบกวน” อาทิตย์เบนสายตาหลบ ที่พูดไปนั้นถูกแค่ส่วนหนึ่ง แต่อีกเหตุผลที่ไม่กล้าเข้าไปหาเป็นเพราะ.....

 

.....  จะเพราะอะไรก็ช่างมันเถอะน่า

 

“ว่าแต่คุณน่ะ ออกมาทำไม ปล่อยให้พ่อแม่คุณรออยู่อย่างงั้นได้ไง”

 

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแอบบอกพี่กิ่งไว้แล้วว่าผมเห็นพี่อาทิตย์ พี่กิ่งเลยช่วยพูดอธิบายคุณพ่อกับคุณแม่ให้ว่าผมต้องแวะไปคุยกับรุ่นพี่ที่คณะแป๊บนึงน่ะครับ” ก้องภพยังคงไม่ทิ้งรอยยิ้ม จ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังทำท่าเหมือนเออออคล้อยตามคำบอกเล่าของเขา แต่ยังไม่ทันถลำตัวเชื่อไปเสียหมด คิ้วเข้มของอดีตเฮดว้ากกลับเลิกขึ้นสูง

 

เดี๋ยวนะ .... พี่กิ่งช่วยพูดให้ ... หมายความว่า...............

 

“ก้องภพ” อาทิตย์เบิกตากว้าง ในใจเต้นกระตุกจนคำพูดต่อมาเริ่มติดขัด “นี่พี่กิ่งรู้ ... เอ่อ ...เรื่องที่เราสองคน........”

 

แม้อีกฝ่ายยังไม่ทันจบคำถาม แต่รุ่นน้องตัวดีกลับรู้เท่าทันในความหมายนั้น แถมยังพยักหน้าตอบอย่างง่ายดายราวกับไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร

 

“ครับ ก็พี่กิ่งเคยเจอพี่อาทิตย์ที่ห้องผมบ่อยๆจนสงสัยเลยมาถามผม  ผมเลยตอบพี่เขาไปตามตรงน่ะครับ”

 

“ก้องภพ !!!! ” อาทิตย์ตะโกนลั่น ก่อนจะหุบปากฉับเพราะกลัวคนอื่นจะมาได้ยิน แล้วปราดมองกลับมายังคนตรงหน้าอย่างโมโหและเหลือเชื่อ พาลนึกไปถึงพี่สาวคนรอง  มิน่าล่ะ ตอนเจอกันครั้งหลังๆเจ๊แกถึงได้แอบแซวเขาแบบแปลกๆ ที่แท้เพราะรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนี่เอง ....

 

....หมดกัน ภาพพจน์รุ่นพี่แสนดีที่สั่งสมไว้กับพี่สาวคนสนิท น่าขายหน้าที่สุด ....

 

ความร้อนแล่นริ้วขึ้นข้างแก้มอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ไม่รู้จะต่อว่าอีกฝ่ายให้สาสมได้ยังไง จึงทำได้แค่เม้มปากแน่นแล้วหันหน้าเดินหนีไปอีกทาง

 

“เดี๋ยวสิครับพี่อาทิตย์” ก้องภพรีบวิ่งตามไปติดๆ หากอีกฝ่ายยังคงจ้ำอ้าวไม่ยอมหยุด

 

“พี่อาทิตย์ ฟังผมก่อนสิครับ” กระบวนการง้อยังคงดำเนินต่อไป แถมพ่วงสารพัดเหตุผลตามมา “ก็พี่กิ่งเล่นไล่ถามผมละเอียดยิบ ผมก็เลยต้องสารภาพไปตามตรง อีกอย่างพี่กิ่งเขาเป็นคนฉลาดมาก ถึงผมไม่บอกไปเขาก็รู้ได้เองอยู่ดี ....”

 

พูดพร่ำอธิบายพลางวกมาดักข้างหน้าคนที่กำลัง ‘งอน’ ส่วนคนทำหน้าที่ ‘ง้อ’ ยังคงทุ่มเทสุดพลัง

 

“อย่าโกรธผมเลยนะครับพี่อาทิตย์” เมื่อเห็นท่าทางของพี่ว้ากยังคงบึ้งตึงใส่ บัณฑิตหนุ่มก็เริ่มใจเสีย  อุตส่าห์ได้เจอหน้ากันให้หายคิดถึงทั้งที เขาดันก่อคดีให้เสียเรื่องเสียบรรยากาศซะอย่างนั้น แววตาของก้องภพหมองลงอย่างรู้สึกผิดเช่นเดียวกับคำพูดต่อมา

 

“ผมขอโทษครับพี่อาทิตย์”

 

ไม่มีคำพูดใดตอบกลับนอกจากเสียงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด จนทำให้คนได้ยินหัวใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่ก่อนที่ก้องภพจะคิดกังวลว้าวุ่นไปไกล อีกฝ่ายกลับล้วงหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้ตรงหน้าอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

“นี่ของคุณ”

 

ก้องภพขมวดคิ้วอย่างงุนงง พลางก้มมองซองกระดาษในมือของพี่อาทิตย์อย่างไม่เข้าใจ

 

“อะไรเหรอครับ ? ”

 

“ก็ …...” อาทิตย์เว้นวรรคเสียงนิดหนึ่งอย่างลังเล หากสุดท้ายตัดสินใจบอกความจริงแต่โดยดี

 

“.... ของขวัญวันรับปริญญาของคุณไง”

 

ก้องภพเบิกตากว้าง พลันเงยขึ้นจ้องหน้าคนให้เพื่อความแน่ใจ ไม่มีแววโกรธเคืองใดๆในดวงตาของพี่อาทิตย์เลยสักนิด จะมีก็เพียงความรู้สึกขัดเขินที่ระบายอยู่จางๆเท่านั้น ชั่ววูบเดียวอดีตพี่ว้ากกลับหันหนีอย่างไม่กล้าสบตาต่อ พร้อมพูดขึ้นเบาๆ

 

“เอ้า ผมให้ก็รับไปดิ”

 

.... อีกครั้งแล้ว ที่ความใจดีของพี่อาทิตย์ ทำให้หัวใจของ 0062 คนนี้พองโตจนหนีไปไหนไม่รอด

 

“ขอบคุณมากครับพี่อาทิตย์!” เสียงสดใสของก้องภพตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง พลางเอื้อมรับของขวัญล้ำค่าไว้  เปิดซองกระดาษออกแล้วค่อยๆหยิบของที่อยู่ในนั้นออกมาอย่างเบามือที่สุด

 

“การ์ดอวยพร” พอเห็นภาพตกแต่งหน้าการ์ดยิ่งทำให้ก้องภพฉีกยิ้มแทบถึงใบหู กระดาษชิ้นเล็กถูกพับเป็นรูปตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลสวมชุดครุยเข้ากับวันรับปริญญา รายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้เขานึกถึงตอนอยู่ปีหนึ่ง วันที่พี่ว้ากคนนี้ยอมทำตามคำขอของเขาหนึ่งข้อ ยอมไปช่วยเลือกซื้อตุ๊กตาหมีให้กับหลานสาวด้วยกัน สุดท้ายได้เป็นหมีน้อยขนฟูสีน้ำตาลหน้าตาละม้ายคล้ายกับตัวที่ประดับอยู่หน้าการ์ดที่เขาเพิ่งได้รับ  และในวันเดียวกันนั้น เขายังได้ช่วยอีกฝ่ายเลือกของขวัญแต่งงานให้เฮียตั้มกับพี่ฝน สุดท้ายมาลงเอยที่การ์ดอวยพรเช่นกัน....

 

.... ของขวัญไม่ใช่การ์ด แต่เป็นข้อความที่อยู่ข้างในนั้นต่างหาก ....

 

“ขอผมเปิดอ่านเลยได้มั้ยครับ ? ” แววตาวาววับเชิงขอร้องของก้องภพทำเอาอีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ก่อนตอบกลับมาสั้นๆ

 

“เออ”

 

ได้ยินดังนั้นก้องภพจึงไม่รอช้า รีบเปิดการ์ดอ่านโดยเร็วทันควัน

 

แค่ช่วงเวลาไม่กี่วินาที และถ้อยคำเล็กๆแค่ไม่กี่คำในนั้น กลับทำให้หัวใจของบัณฑิตหนุ่มสุขล้นยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จนเผลอใจเอื้อมคว้าคนตรงหน้ามากอดแน่นไว้ในอ้อมแขนอย่างรวดเร็ว

 

“เฮ้ย !!!!” อาทิตย์สะดุ้งสุดตัว ตามมาด้วยเสียงโวยลั่น แต่พอได้รับไออุ่นที่เขาเองก็คิดถึงไม่แพ้กัน เจ้าตัวจึงยอมสงบปากลง แล้วปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับอ้อมกอดนั้น ความรู้สึกที่ทั้งคู่เก็บซ่อนไว้ถูกถ่ายทอดเติมเต็มให้แก่กันและกัน

 

ความเงียบปกคลุมอยู่พักใหญ่ กระทั่งเริ่มรู้สึกตัวว่าชักจะนานเกินไปแล้ว คนถูกกอดจึงเริ่มส่งเสียงงึมงำเบาๆ

 

“ก้อง ปล่อยได้แล้ว” พูดไปแบบนั้นขณะที่ตัวเองยังคงยืนนิ่ง แต่แล้วคำที่อีกฝ่ายตอบกลับมาทำให้เขาคิดเปลี่ยนใจกะทันหัน

 

“ขออยู่แบบนี้อีกสักชั่วโมงนะครับ”

 

.... นั่นไง มันขอแบบหน้าด้านๆเหมือนที่เคยขอแบบเดียวกันเปี๊ยบ! จะบ้าหรือไง! ...  ว่าแล้วพี่ว้ากก็เริ่มดิ้นขลุกขลักสุดพลัง พร้อมตะโกนขึ้นอีกครั้ง

 

“ก้องภพ !!! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ถ้าไม่ปล่อยผมถีบจริงๆด้วย”

 

นี่ก็โวยวายเหมือนเดิมเปี๊ยบเช่นกัน คนถูกดุเลยหัวเราะร่วนออกมาแต่ก็ยอมปล่อยแขนโดยดีพลางพับการ์ดของขวัญชิ้นสำคัญเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อให้เรียบร้อย สบโอกาสให้อีกฝ่ายรีบถอยหนีไปตั้งหลัก ก็เล่นโลดโผนเหนื่อยล้ามาตั้งแต่เช้า แล้วยังถูกป่วนหัวใจมาจนถึงนาทีนี้อีก พอก่อนดีกว่ามั้ยไอ้อาทิตย์ ขืนอยู่ต่อต้องโดนไอ้เด็กจบใหม่นี่ทำให้ใจวุ่นวายมากกว่านี้อีกแน่

 

“หมดธุระของผมแล้ว ผมกลับ ---”

 

โครกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

 

... ไอ้กระเพาะเจ้ากรรม มันจะมาร้องโหยหิวอะไรตอนนี้วะ !!! ...

 

คนเอ่ยลาชะงักค้างคำพูด พลางยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง จะมีอะไรที่ต้องอับอายซ้ำซากอีกมั้ยวันนี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะได้ยินหรือเปล่า เล่นยืนอดทนกลั้นขำอยู่ซะขนาดนั้น

 

“พี่อาทิตย์ยังไม่ได้กินอะไรเลยเหรอครับ ?” พอกลืนลูกหัวเราะลงคอได้สำเร็จ ก้องภพจึงรีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง หากอีกฝ่ายเอาแต่ค้อนกลับมา

 

“เออ”

 

...  ก็ใช่สิวะ ไอ้ตัวต้นเหตุ เพราะวันนี้ทั้งวันมัวแต่เครียดเรื่องเอ็งจนพาลกินอะไรไม่ลง มีแค่นมเย็นแก้วเดียวที่ตกถึงท้องต่อลมหายใจมาได้จนถึงตอนนี้เนี่ยแหละ

 

แต่ดูเหมือนก้องภพจะยังไม่รู้ตัวว่ามีคดีเพิ่มมาอีกหนึ่งข้อหา เลยพูดเสียงใสคล้ายดีใจกับอะไรสักอย่าง

 

“ถ้าอย่างงั้น พี่อาทิตย์ไปกินข้าวด้วยกันกับผมมั้ยครับ ? ”

 

“หา ?! ...” อาทิตย์เลิกคิ้ว มือที่ลูบท้องตัวเองไปมาพลันหยุดชะงักไปด้วย “กินข้าวกับคุณ ?”

 

“ครับ พอดีผมกับพวกพี่ๆตั้งใจพาคุณพ่อคุณแม่ไปกินข้าวที่ร้านอาหารแถวมหา’ลัย พี่อาทิตย์ไปด้วยกันสิครับ” หนุ่มรุ่นน้องยังคงพูดอย่างเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องสุดแสนจะปกติธรรมดา ซึ่งตรงกันข้ามกับความคิดของอาทิตย์โดยสิ้นเชิง

 

“คุณจะบ้าหรือไง ... ให้ผมไปกินข้าวกับครอบครัวคุณเนี่ยนะ ?! ” ฝ่ายรุ่นพี่ค้านหัวชนฝาเสียงดัง นี่มันคิดอะไรถึงชวนคนนอกครอบครัวไปร่วมโต๊ะด้วยในวันสำคัญแบบนี้

 

“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ พอดีเลย พี่อาทิตย์จะได้อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่กิ่งด้วย เห็นเขาบ่นถึงอยู่ว่าไม่ได้เจอกันนานแล้ว อีกอย่าง พี่อาทิตย์ก็เป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพ แถมยังสละเวลามาแสดงความยินดีกับผมถึงที่นี่อีก ผมเลยอยากชวนไปกินมื้อเย็นด้วยกัน ไม่เห็นแปลกตรงไหน...”

 

... เออ ก็จริงของมัน ... เพื่อนสนิท รุ่นพี่ รุ่นน้อง พากันไปกินข้าวเป็นกลุ่มๆมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่หว่า ตอนสมัยตัวเองฉลองรับปริญญาก็มีเพื่อนร่วมรุ่นมาแจมด้วยเพราะบังเอิญชวนครอบครัวไปร้านเดียวกัน แค่คราวนี้แตกต่างกันตรงที่เป็นครอบครัวของก้องภพ มีสมาชิกเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ พ่วงมาด้วยพี่สาวสองคน แถมหนึ่งในนั้นอาทิตย์ก็สนิทสนมกันในระดับที่เริ่มแซะเล่นกันได้อีกต่างหาก....ก็เท่านั้นเอง

 

แล้วตัวอาทิตย์เองก็ถนัดเรื่องการเข้าหาคนอยู่พอสมควร สั่งสมวิชามาจากตอนที่ต้องเจรจาขออนุมัติกิจกรรมรับน้องกับคณาจารย์หลายๆท่านจนเชี่ยวชาญเรื่องการวางตัวต่อหน้าผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังรู้สึกประหม่านิดๆอยู่ดี

 

คนเป็นพี่นิ่งคิดอยู่นาน จนอีกฝ่ายที่ตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบลอบยิ้มมุมปาก

 

พี่อาทิตย์ก็คือพี่อาทิตย์ .... ยังคงจริงจังกับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม

 

“.... หรือจะให้ผมแนะนำกับคุณพ่อคุณแม่ว่า ...  พี่อาทิตย์เป็นแฟนผม ... ก็ได้นะครับ” ก้องภพพูดขึ้นเบาๆ แต่นั่นก็มากพอให้ดวงตาคมดุของอีกฝ่ายปราดมองกลับมาทันควัน

 

“ไม่ได้โว้ยยยยยยยยยยย !!!!” คราวนี้อาทิตย์ตะโกนดังลั่นยิ่งกว่าครั้งไหนๆ จนคนที่เดินไปมาแถวมุมตึกต่างหันมองกลับมากันอย่างพร้อมเพรียงเป็นจุดเดียว เมื่อรู้ตัวว่าเริ่มตกเป็นเป้าสายตาจึงก้มหน้างุดแล้วพุ่งตัวหนีออกจากที่เกิดเหตุทันที ก้องภพหัวเราะเบาๆพลางหันมองอีกฝ่ายที่เอาแต่เดินจ้ำอ้าวห่างออกไป

 

หากเป็นคนอื่นคงนึกว่ารุ่นพี่กำลังโกรธที่โดนรุ่นน้องปีนเกลียวใส่ แต่ก้องภพรู้แก่ใจดีว่าอาการและท่าทางแบบนี้แปลว่าพี่อาทิตย์กำลัง ... เขิน

 

... เขินแบบสุดๆเสียด้วย

 

คนขี้อายยังคงเดินไปทางหน้าตึกไม่ยอมหยุด กระทั่งชะงักเมื่อรู้สึกตัวได้ว่าทิ้งระยะห่างจากอีกฝ่ายไปไกล จึงหมุนกลับมาแค่นเสียงใส่อย่างหงุดหงิด

 

“เอ้า !! มัวยืนทำบ้าอะไรเล่า พ่อแม่กับพี่ๆคุณรออยู่ไม่ใช่เหรอ ?”

 

ก้องภพเบิกตากว้าง ฉีกยิ้มร่าแล้ววิ่งไปหยุดยืนเคียงข้างอาทิตย์ทันที พร้อมถามเสียงสดใสกว่าเดิม

 

“หมายความว่า ... พี่อาทิตย์ตกลงไปกินข้าวกับครอบครัวผมแล้วใช่มั้ยครับ !?”

 

ยัง ... ยังจะมาถามย้ำอีก แค่นี้ความร้อนระอุตรงพวงแก้มก็ลามไปจนจะสุดใบหูอยู่แล้ว ไหนจะหัวใจที่เต้นโครมครามนั่นอีก อาทิตย์ได้แต่เม้มปากแน่น หันหลบสายตาพริบพราวของอีกฝ่ายก่อนตะโกนเสียงดัง

 

“เออ !! หรือจะให้ผมเปลี่ยนใจ ?”

 

“ไม่ๆๆๆ ไม่ครับ” ก้องภพรีบตอบรัวเร็ว “ไปกินข้าวด้วยกันนะครับพี่อาทิตย์ ... นะคร้าบบบ”

 

คำออดอ้อนอย่างหาได้ยากจากอดีตเดือนมหา’ลัย มีเพียงคนสำคัญที่สุดเท่านั้นที่เคยได้ยิน  เสียงอ่อนแทบกระซิบแต่ชัดเจนพอให้คนฟังคนเดิมหัวใจแทบละลายลงไปกองกับพื้นจนไม่สามารถโต้เถียงอะไรได้อีก  อาทิตย์จึงรีบก้าวเท้ายาวๆหนีออกมา โดยมีก้องภพเดินตามไปไม่ห่าง

 

ไม่จำเป็นต้องเดินจูงมือ แค่ได้เคียงข้างกันทั้งยามสุขยามทุกข์ รับรู้กันเพียงในใจว่าต่างมีกันและกัน แค่นี้ก็มากพอแล้วสำหรับสองคน

 

ก้องภพยังคงยิ้ม ... ให้กับพี่ว้ากข้างกายที่กำลังดึงหน้าค้อนขวับ

 

ทั้งยิ้มให้กับความสัมพันธ์ที่เรียบเรื่อยหากหวานละมุนและมั่นคง

 

.... และยิ้มกว้างยิ่งขึ้น เมื่อแอบย้อนนึกถึงข้อความสำคัญในการ์ดของขวัญที่อีกฝ่ายเขียนให้อย่างตั้งอกตั้งใจ

 

 

            Congratulation ยินดีด้วยกับความสำเร็จของคุณในวันนี้

 

ส่วนเกียร์ที่คุณฝากไว้กับผม

ผมจะดูแลให้จากใจ .... ตลอดไป

 

 

                                                            อาทิตย์

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว