Double Lovely Kitty ATTACK!!
0
ตอน
1.13K
เข้าชม
24
ถูกใจ
0
ความคิดเห็น
4
เพิ่มลงคลัง

“ไหนๆ  หอมแก้มพ่อหน่อยสิคะ”  คุณพ่อที่ยังดูวัยรุ่นบอกกับลูกสาวตัวน้อยวัยขวบสามเดือน

สาวน้อยจุ๊บแก้มคุณพ่ออย่างว่าง่าย

“เอ้า  บ๊ายบาย  ส่งจูบให้พี่เขาหน่อย”  คุณพ่อบอกอีก  ซึ่งแม่หนูน้อยก็ยังคงทำตามที่คุณพ่อบอก

หลังจากทำการอวดลูกพอเป็นพิธีแล้ว  คุณพ่อกับคุณลูกก็พากันออกจากร้านกาแฟเล็กๆ ไป  ทิ้งให้พ่อหนุ่มพนักงานยืนเคลิ้มกับความน่ารักของหนูน้อยค้างอยู่  ก่อนที่จะ...

“โอ๊ย!!!!  อยากมีลูกโว้ย!!!!”  ชายหนุ่มตะโกนลั่นร้าน  เดชะบุญที่ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ในร้านด้วย  ไม่อย่างงั้นคงมีคนนึกว่าคนขายกาแฟเมากาแฟคุ้มคลั่งจะจับลูกค้าเป็นตัวประกัน

ผ่าง!!!!  เสียงถาดโลหะหนาหนักกระทบกับศีรษะของชายหนุ่มถนัดถนี่  ดังเหมือนเสียงถาดบางที่ตลกคาเฟ่เขาใช้กัน  คิดดูก็แล้วกันว่ามันจะแรงแค่ไหน

“จะโวยวายไปหาพระแสงดาบคาบค่ายอะไรเล่า!  รู้ก็รู้อยู่นี่ว่ามันมีไม่ได้!”  ชายหนุ่มตัวเล็กกว่าแหวเรียกสติ

“แต่ฉันอยากมีลูกนี่  จิโร่  นายมีลูกให้ฉันไม่ได้รึไงล่า”  ร่างสูงคร่ำครวญพลางคว้าคนตัวเล็กกว่ามากอดแน่น

“โว้ย!!  จะบ้ารึไงเล่า?  ฉันเป็นผู้ชายนะโว้ย  จะไปมีลูกให้นายได้ไง”  จิโร่ทั้งผลักทั้งถีบดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนของร่างสูง  “ถ้ามีได้ฉันมีให้นายไปนานแล้ว  ทาคุโร่!  เลิกบ้าเสียทีเถอะ”

“ฮือ...แต่ว่า...”  ทาคุโร่ยังไม่วายคร่ำครวญต่ออีกนิดหน่อย  แต่พอเห็นหน้าหงิกๆ กับแววตาดุๆ ของคนในอ้อมแขนก็จำต้องหยุดอาการงอแงเอาไว้แค่นั้น

“น่า...แค่นี้ยังไม่พอหรือไง  นายกับฉันก็อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้ว  ร้านกาแฟนี่เราก็สร้างขึ้นมาด้วยกัน  ได้อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนขนาดนี้นายยังจะเอาอะไรอีก  หือ?”  จิโร่พยายามปลอบคนรัก

“แต่...การมีลูกมันเป็นความฝันของฉันเลยนะ”  ทาคุโร่บอกพลางทำหน้าม่อยๆ

“อยากมีลูกทำไมไม่ไปแต่งงานกับผู้หญิงเล่า  มาอยู่กับฉันทำไม?”  จิโร่ตัดพ้อต่อว่าด้วยความน้อยใจเล็กๆ  เขารู้มานานแล้วทาคุโร่ใฝ่ฝันมาตลอดถึงครอบครัวที่อบอุ่น  และการมีลูกคือความฝันสูงสุด...แต่นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่สามารถให้ได้

“ถามมาได้ว่ามาอยู่กับนายทำไม  ก็ฉันรักนายน่ะสิ

คำตอบขวานผ่าซากเล่นเอาคนตัวเล็กกว่าหน้าแดงไปถึงหู  ทาคุโร่มักจะพูดอะไรตรงๆ แบบนี้กับเขาเสมอ  และเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวหนึ่งเดียวที่เขาใช้ในเวลาที่ความรู้สึกหวั่นไหวสั่นคลอน...คำพูดของทาคุโร่หนักแน่นมั่นคงเสมอ

“บะ...บ้า...พูดอะไรน่ะ”  จิโร่หลบตาและพยายามผลักไสอ้อมแขนแกร่งให้ออกห่าง

“ไม่เชื่อเหรอ?”

โดยไม่รอคำตอบ  ชายหนุ่มตอกย้ำความมั่นใจให้กับร่างเล็กด้วยรอยจูบอ่อนหวาน  รั้งร่างมากอดแนบแน่นเหมือนจะบอกว่า  คำพูดของเขาเป็นจริงและมั่นคงแน่นอน

จิโร่หลงเคลิ้มไปกับรสจูบที่แสนหวาน  ปล่อยตัวเองให้ล่องลอยไปกับอารมณ์หวามไหว  สองแขนไต่โอบรอบคอทาคุโร่  ยินยอมให้อีกฝ่ายรุกรานแต่โดยดี

กริ๊ง!  เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น  เล่นเอาจิโร่สะดุ้งสุดตัวเผลอถีบทาคุโร่ออกห่างทันที  ร่างสูงหงายท้องไปนอนแอ้งแม้งอยู่กับกองผ้าเช็ดโต๊ะใช้แล้ว  ครางอู้ด้วยความเจ็บปวดที่ถูกถีบโดยไม่รู้ตัว

“ยะ...ยินดีต้อนรับครับ”  จิโร่รีบหันไปกล่าวต้อนรับลูกค้าผู้ทำให้กระดิ่งร้านดังขึ้น  พร้อมภาวนาอยู่ในใจหวังว่าใครคนนั้นจะไม่เห็นสวีทซีนของเขากับทาคุโร่

ทว่า...ไม่มีใครอยู่ที่หน้าประตูร้าน...

“เฮ้ย!  แล้วกระดิ่งมันจะดังได้ไง?”  จิโร่สบถกับตัวเอง  เขาไม่กลัวผี...ทั้งนี้เพราะไม่เคยเจอเลยบอกไม่ได้ว่ากลัวหรือเปล่า  ถ้าได้เจอสักครั้งอาจจะกลัวก็ได้...แต่ตอนนี้ยังไม่กลัว  ดังนั้นจิโร่จึงเดินอ้อมเคาน์เตอร์ออกไปดู

เฮ้ย!!!!”  จิโร่แหกปากลั่น

“อะไร!?  ที่รัก  เกิดอะไรขึ้น!?”  ทาคุโร่รีบตะเกียกตะกายออกมาจากกองผ้า...ใครบังอาจทำให้ที่รักของเขาตกใจ  จะตะบันหน้าให้  โทษฐานมาขัดจังหวะหวานชื่น  “ไหน?  อะไร  จิโร่”

“นะ...นะ...นั่น...นั่น...”  จิโร่ตะกุกตะกักติดอ่าง  ชี้มือสั่นระริกไปที่ตรงหน้าประตู

“เฮ้ย!!!!”  ทาคุโร่มองตามไปแล้วก็แหกปากลั่นตามกัน

ตรงหน้าพวกเขาคือเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่ง  ผมสีดำๆ แดงๆ  ดูโดยรวมแล้วก็เป็นแค่เด็กหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง  เพียงแต่ถ้า...ไม่มีหูแมวและหางสีขาวโผล่ออกมาแบบนั้น!!

“ตะ...ตะ...ตะ...ตัวอะไร...”  จิโร่ที่ทำหน้าตาเหมือนเห็นผีโดดกอดทาคุโร่แน่น

ทาคุโร่เองก็นิ่งพักหนึ่งด้วยความช็อก...แน่ะ  ยังกระดิกหางให้ดูเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นของจริงเสียอีกแน่ะ  แต่ของแบบนี้น่ะ...มันเป็นไปไม่ด้าย!!!!

“คะ...คอสเพลย์ไง...จิโร่  อีกไม่กี่วันจะถึงฮาโลวีนแล้วไง...คอสเพลย์แน่ๆ”  ทาคุโร่ตะกุกตะกักปลอบคนรักทั้งๆ ที่ตัวเองก็เหวอไม่แพ้กัน

“คอสเพลย์แล้วทำไมมัน...กระดิกหูกระดิกหางได้ด้วยง่า...”  จิโร่ยังคงโวยวายต่อไป  ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้วว่า  ถ้าเจอผีแล้วเขาจะ...กลัว!

“เอ้อ...ก็...ก็...”  ร่างสูงตอบไม่ถูกเช่นกัน  ใครจะไปคิดว่าขายกาแฟอยู่ดีๆ จะโดนผีหลอกกลางวันแสกๆ

เด็กน้อยยังคงยืนมองชายหนุ่มสองคนกอดกันกลมด้วยความหวาดกลัวอยู่เฉยๆ ด้วยสายตาบ้องแบ๊วน่ารักน่าเอ็นดู  เขามองทาคุโร่ทีจิโร่ที  แล้วในที่สุดก็ยิ้มกว้างแล้วกระโดดกอดจิโร่

หม่ะม๊า!”

“จ๊าก!!!!!!!!”  ถึงตอนนี้จิโร่ช็อกน้ำลายฟูมปากไปเรียบร้อยแล้ว

กริ๊งๆ!  เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นอีกพร้อมกับเสียงใสๆ ที่แหวขึ้น

“เทกโกะ!  พี่บอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าไปเที่ยวเหมาว่าใครเขาเป็นป่ะป๊าหม่ะม๊า!!”

ทาคุโร่หันไปมองตามเสียงแล้วก็ช็อกตัวแข็งไปชั่วขณะจิต

เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักอีกคนหนึ่งที่ดูจะโตกว่าคนแรกพรวดพราดเข้ามาในร้าน  และแน่นอน...มีหูแมวกับหางแมว...สีดำ!

“โทโนะจัง~”  เจ้าเหมียวน้อยที่ถูกเรียกว่าเทกโกะหันไปยิ้มหวานกับผู้มาใหม่  “ดูสิๆ  เจอหม่ะม๊าแย้วหละ”

“ไม่ใช่หม่ะม๊าซะหน่อย  ดูดีๆ ซี่  คนนี้เขาไม่มีหูกะหางนะ”  เจ้าแมวดำดุเข้าให้

เทกโกะหันไปมองหน้าซากแข็งทื่อน้ำลายฟูมปากที่กำลังเกาะแน่นอยู่อีกครั้งหนึ่ง

“ม่ะมีหู...”  บ่นงึมงำกะตัวเอง  แล้วก็ชะโงกไปดูข้างหลังจิโร่  “ม่ะมีหาง...ฮึก...ม่ะมีจริงๆ ด้วย  แง้!!!!”

เสียงร้องไห้ดังสนั่นลั่นร้านของเจ้าเหมียวเทกโกะเรียกสติทาคุโร่ให้กลับคืนมา  ภาพแรกที่ประสาทตารับรู้คือเหมียวโทโนะกำลังลูบหัวปลอบเหมียวเทกโกะที่กำลังร้องไห้กระจองอแงอยู่...ดูๆ ไปก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร  ก็เหมือนเด็กทั่วไปที่บังเอิญมีหูแมวหางแมวโผล่ออกมาก็เท่านั้นเอง

“อะ...เอ้อ...ช่วยบอกฉันทีสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

เหมียวโทโนะหันมามองหน้าทาคุโร่แล้วนิ่งไปชั่วขณะ  “อ่ะ...ป่ะป๊า!!!!”

“จ๊าก!!!! ม่ายช่าย!!!!  ใจเย็นเย้น!!!!”  ทาคุโร่พยายามแกะเจ้าเหมียวที่โดดกอดเขาแน่นออก  แถมพอพี่มากอดน้องก็ร้องกระจองอแงมากอดด้วยอีกคน

ท่ามกลางความสับสนอลหม่านที่เกิดขึ้น  ผ่าง!!!!  เสียงถาดโลหะดังสนั่นหวั่นไหวหยุดทุกสิ่งให้อยู่ในความสงบโดยฉับพลัน...จิโร่นั่นเอง  ได้สติเมื่อไรก็ไม่รู้เอาถาดสองใบตีกันเพื่อเรียกสติทุกคน  ณ  ที่นั้น...ได้ผล  ทั้งคนและครึ่งคนครึ่งแมวหูดับไปตามๆ กัน

“เอาหละ...หยุดบ้ากันได้ก็ดีแล้ว  ทีนี้อธิบายมาซะดีๆ ว่านี่มันเรื่องอะไร”  จิโร่ถามด้วยเสียงโหดๆ

เจ้าเหมียวทั้งสองตัวเบะปากเหมือนจะร้องไห้  แต่เสียงที่ออกมามันไม่ใช่เสียงร้องไห้  แต่เป็น...

โคร่ก...

ความเงียบสงัดเกิดขึ้นในชั่วขณะนั้น  ต่างก็จ้องหน้าเหมียวเทกโกะซึ่งเป็นที่มาของเสียง  เจ้าตัวเล็กก็จ้องทุกคนตอบด้วยสายตาใสซื่อ

“เทกโกะหิวแย้ว...”

เฮ่อ...

**********

 

“เอาหละ...มาว่ากันอีกทีซิ  ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”  จิโร่เริ่มเข้าเรื่องหลังจากที่ทาคุโร่จัดการหานมอุ่นๆ ให้เจ้าเหมียวทั้งสองกิน

เจ้าแมวดำโค้งให้ชายหนุ่มเจ้าของร้านทั้งสองอย่างสุภาพ  ดูๆ แล้วก็เหมือนเด็กอายุซัก 6 – 7 ขวบ

“โทโนะค้าบ  ส่วนเจ้านี้เป็นน้องชายของโทโนะ  ชื่อเทกโกะครับ”  ว่าแล้วก็กดหัวน้องชายให้โค้งด้วย  แต่บังเอิญเจ้าเทกโกะกำลังดื่มนมอึ๊กๆ อยู่ก็เลยหัวทิ่มถ้วยนมเข้าให้

“แง้!!!!”

“หวา...อย่าร้องไห้สิ  ไม่เอานะ  ไม่ร้องนะคนเก่ง”  ทาคุโร่รีบอุ้มเจ้าตัวเล็กทันที

“แง...โทโนะแกล้งเค้าอีกแย้ว  ฮึก...นมเข้าจาหมูกด้วย แง...”  เทกโกะร้องงอแง

“โอ๋ๆๆ  ไม่เป็นไรน้า  โทโนะเขาไม่ได้แกล้งหรอก  เทกโกะคนเก่งไม่ร้องนะ”  ทาคุโร่กอดพลางเช็ดหน้าเช็ดตาที่เปื้อนนมมอมแมมให้

“ฮึก...ฮึก...”  เทกโกะหยุดร้องอย่างว่าง่ายแต่ยังไม่วายสะอื้น

จิโร่มองภาพนั้นแล้วก็ยิ้มนิดๆ อย่างเอ็นดู  นี่คงเป็นสิ่งที่ทาคุโร่อยากทำกับลูกมาเสมอ...ถ้าเพียงแต่เขาสามารถมีลูกได้  คนรักของเขาคงสมหวัง

“เอ้า  แล้วไงต่อ?”  จิโร่หันไปถามโทโนะ  ปล่อยให้ทาคุโร่ปลอบเทกโกะไปพลางๆ

“โทโนะกะเทกโกะเป็นปีศาจแมวครับ  จะลงมาเที่ยวกะป่ะป๊าหม่ะม๊าตอนฮาโลวีน  แต่เทกโกะจำวันผิด  จะลงมาให้ได้  ตีกันไปตีกันมาก็เลยหล่นลงมากันสองคน  หาทางกลับก็ไม่ได้  เทกโกะก็งอแงจะหาป่ะป๊ากะหม่ะม๊าใหญ่เลย  พอเห็นใครหน้าคล้ายๆ ก็ไปเหมาเอาว่าเขาเป็นป่ะป๊ากะหม่ะม๊าไปหมดเลย  ทีนี้  พอหิวๆ ก็เลยเดินตามกลิ่นน่าอร่อยมานี่ฮะ”  โทโนะอธิบายยาว

“อ้าว  แล้วทีนี้จะกลับบ้านกันยังไงล่ะเนี่ย?”  จิโร่ถามด้วยนึกเห็นใจเจ้าเหมียวทั้งสอง  ถึงจะบอกว่าเป็นปีศาจก็เถอะ  แต่ความน่ารักของทั้งสองก็ทำให้อดมองข้ามเรื่องนี้ไปไม่ได้

“คงต้องรอให้ถึงวันฮาโลวีนมั้งฮะ  ป่ะป๊ากะหม่ะม๊าคงลงมารับ”  เจ้าแมวดำบอกแล้วก็ยกถ้วยนมขึ้นดื่มอึกๆ

“งั้นระหว่างนี้จะเอาไงดีล่ะ”  จิโร่พึมพำกับตัวเองแล้วก็เหลือบไปมองทาคุโร่  คนรักของเขากำลังเล่นสนุกกับเทกโกะอยู่เลยทีเดียว  ซึ่งตอนนี้เจ้าเหมียวก็หยุดร้องไห้เรียบร้อยแล้ว  แถมกำลังหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกับการเล่นอุ้มโยน  “ซู้งสูง”  อยู่ซะอีก

“นี่  จิโร่  ก็รับสองคนนี้เอาไว้ดูแลก่อนก็ได้นี่  อีกไม่กี่วันก็จะถึงฮาโลวีนแล้ว  ไม่ลำบากเกินไปนักไม่ใช่เหรอ?”  ทาคุโร่พูดขึ้นโดยที่ยังไม่หยุดเล่นกับเทกโกะ

“แล้วถ้าถึงฮาโลวีนแล้วพ่อแม่ของสองคนนี้ยังไม่มารับล่ะ  จะทำยังไง?”  จิโร่ถามด้วยความกังวลใจ

“ไว้ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีก็ได้”  ร่างสูงตอบอย่างไม่คิดมาก

“อืม...เอางั้นเหรอ”  แล้วจิโร่ก็หันไปหาโทโนะ  “นี่  โทโนะจัง  แล้วคิดว่าป่ะป๊ากับหม่ะม๊าจะมารับตอนวันฮาโลวีนจริงๆเหรอ?”

“ครับ  ที่บ้านลงมาเที่ยวกันทุกวันฮาโลวีนเลยหละ”

“โอเค  งั้นพวกนายอยู่ที่นี่กันก่อนก็ได้  เรื่องอาหารการกินคงไม่เรื่องมากนักใช่มั้ย”  จิโร่ยักไหล่แล้วยิ้มๆ  จริงๆ แล้วเขาก็นึกอยากจะรับเด็กสองคนนี้เอาไว้ดูแลอยู่แล้ว  ยิ่งตัดสินใจง่ายเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นทาคุโร่กับเทกโกะเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย

“ยั้ยๆๆ  เทกโกะชอบนมค้าบ  วั้ยๆๆ  ชอบเค้กด้วย”  เจ้าแมวขาวส่งเสียงบอกสลับกับร้องด้วยความสนุกสนาน

“พวกเราก็กินได้เหมือนๆ พวกมนุษย์แหละครับ”  โทโนะบอกพร้อมกับยิ้มกว้าง

“งั้นก็ดีแล้ว  เดี๋ยวจะไปทำมื้อเย็นให้ละกันนะ  ทาคุ...วันนี้อยากกินอะไร?”  จิโร่ลุกขึ้นจากที่นั่ง

“เทกโกะล่ะ  อยากกินอะไร?”  แทนที่จะตอบคำถาม  ทาคุโร่กลับหันไปถามเจ้าตัวเล็กที่กำลังโยนเล่นอยู่

“เทกโกะอยากกินสปาเก็ตตี้ค้าบ”

“โอเค...งั้นสปาเก็ตตี้นะ  แล้วก็...ทาคุ  ฉันว่านายเลิกเล่นได้แล้วนะ  เทกโกะเพิ่งกินนมเข้าไป  เดี๋ยวก็แหวะกันพอดี”  คนตัวเล็กกว่าเตือน

“เออ  จริงด้วย  ลืมไปเลย”  ทาคุโร่รับร่างเทกโกะแล้วก็เลิกเล่น...แต่ดูเหมือนจะช้าเกินไป...

“แอวะ...”  เต็มหน้าทาคุโร่...

“อืม...นะ...”  จิโร่ส่ายหัวดุกดิกแล้วเดินหนีไปเข้าครัว  ปล่อยให้ทาคุโร่จัดการเอาเอง

**********

 

“เฮ่อ...มอมแมมจังเลยน้า  เราสองคนเนี่ย”  ทาคุโร่บ่นพลางขัดสีฉวีวรรณให้เทกโกะ  ในขณะที่จิโร่ก็ช่วยโทโนะอาบน้ำ

“ก็หล่นลงมานี่ตั้ง  2  วันแล้วนี่ฮะ”  คนตอบคือโทโนะ

“อ้าว  แล้วระหว่างนั้นอยู่กันยังไงแล้วกินอะไรกันเนี่ย?”  จิโร่อดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้...มิน่าล่ะ  ตอนมื้อเย็น  เจ้าสองคนนี้ถึงฟาดสปาเก็ตตี้ได้คนละจานใหญ่ๆ

“ก็ไปถามๆ แมวแถวๆ ถนนบ้างน่ะฮะ  แล้วก็ไปคุ้ยๆ ตามหลังร้านของกิน”

“หวาย...สกปรก!”  จิโร่ทำเสียงสยดสยอง

“แต่อาหย่อยน้า...เทกโกะชอบมันฟ้าหรั่งทอดหละ  แล้วเทกโกะก็มีเพื่อนด้วยน้า  เป็นเหมียวสีด่างๆ หละ”  เทกโกะได้ทีรีบจ้อให้ทาคุโร่ฟัง

“เหรอๆ  แล้วทำไมเทกโกะถึงเข้ามากอดจิโร่ล่ะ?”  ทาคุโร่ทำท่าตั้งอกตั้งใจฟังเต็มที่

“ก็จี้จังหน้าเหมือนหม่ะม๊านี่นา”

คำตอบแสนใสซื่อเล่นเอาจิโร่ช็อกไปชั่วขณะ...เหมือนหม่ะม๊า  ก็แปลว่าเขาหน้าเหมือนผู้หญิงอย่างงั้นสินะ  บ้าที่สุด!!

“แล้วทักคุงก็เหมือนป่ะป๊าด้วยน้า  เมื้อนเหมือนหละ”  เทกโกะยิ้มจนเห็นฟันหน้าครบทั้งสองแถว

“อ๋อ...เพราะงี้สินะ”  ทาคุโร่พยักหน้าทำเป็นเข้าใจเต็มที่  ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้เข้าใจสักนิดว่าทำไมพวกเขาถึงได้ไปหน้าตาเหมือนพ่อกับแม่ของเจ้าเหมียวสองตัวนี้ได้

“เอาหละ  สะอาดแล้ว”  จิโร่ตัดบท  ไม่อยากคิดว่าตัวเองหน้าเหมือนแม่ของเด็กพวกนี้ให้เสียอารมณ์  ตักน้ำล้างตัวให้โทโนะก่อนที่จะอุ้มลงไปแช่ในอ่างน้ำอุ่น

ทาคุโร่ก็ทำให้เทกโกะเช่นเดียวกัน  แต่พออุ้มไปลงแช่ในอ่างเจ้าเหมียวก็ร้องโวยวาย

“ย้อน!!!!  มันย้อนนี่!  ย้อน!!!!”  ไม่ร้องเปล่ายังตะเกียกตะกายปีนหนีน้ำขึ้นไปบนหัวทาคุโร่อีกด้วย

“เฮ้ย!!  ลงม๊า!~  เดี๋ยวก็คอหักกันพอดี  ตัวไม่ใช่เบาๆ นะเนี่ย“  คุณพ่อจำเป็นรีบคว้าเทกโกะไว้

“ม้าย!!~  น้ำมันย้อนนี่  เทกโกะไม่ชอบนะ”  เทกโกะยังขยุ้มผมร่างสูงไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ไม่ร้อนซะหน่อย  โทโนะยังแช่ได้เลย”  ทาคุโร่ยังรบกับลูกชายคนเล็ก (?) อย่างไม่ลดละ

“โทโนะจังโตแย้วนี่  เทกโกะยังม่ะโตนะ  ไม่เอาน้ำย้อนๆ นี่”  ไอ้ตัวเล็กก็ยังดื้อดึง

“น้ำมันไม่ร้อนหรอก  เทกโกะคิดไปเองน่า  ลงมาเร้ว”  ทาคุโร่รวบรวมกำลังดึงเจ้าเหมียวลงน้ำ  มีเสียงดังปึ้ดดังขึ้นพอได้ยินถนัดทั้งอ่าง  พร้อมกับผมสองกระจุกหลุดติดมือเทกโกะไป

“แม๊ว!!!!~”

ป๊อป!!!!

ร่างเด็กตัวเล็กในมือทาคุโร่ระเบิดปุ้งและถูกแทนที่ด้วยลูกแมวตัวกลมๆ สีขาวจั๊วะ  ทาคุโร่กับจิโร่ตกตะลึงตาแทบถลนออกนอกเบ้า

“เจ๊กโกะบ่อกแย้วว่าม่ะเอาๆ  น้ำมันย้อน  ไม่เจื้อ...ฮึก...ย้อนด้วย...”  เจ้าเหมียวงึมงำปนสะอื้น

“เฮ่อ...ฉันว่าต่อให้มังกรมาโผล่กลางห้องน้ำนี่ฉันก็คงไม่ค่อยตกใจเท่าไรแล้วหละ”  จิโร่ทอดถอนใจอย่างปลงๆ

“อ่ะ...โอเค  ร้อนก็ร้อน  เชื่อก็ได้”

ในที่สุดคุณพ่อจำเป็นก็ยอมแพ้  ตักน้ำแบ่งใส่กะละมังมาผสมให้เย็นลง  แล้วก็จับเจ้าแมวขี้โวยวายลงแช่  ซึ่งก็ท่าทางมีความสุขกับการเล่นน้ำผิดวิสัยแมวทั่วไป

“แล้วคืนนี้จะนอนกันยังไงล่ะเนี่ย  เตียงไม่น่าจะนอนพอนะ”  จิโร่นึกขึ้นมาได้  ปกติเตียงที่พวกเขานอนนั้น  นอนกันสองคนก็เต็มเตียงแล้ว

“เดี๋ยวโทโนะเป็นแมวก็ได้ฮะ  นอนแบบแมวไม่เกะกะฮะ”  โทโนะหันมายิ้มแฉ่งให้

“อื้ม  งั้นขึ้นได้แล้วหละ  แช่นานตัวเปื่อยเป็นแมวต้มกันพอดี”  จิโร่อุ้มโทโนะขึ้นจากน้ำ

“หงื๋อ...เจ๊กโกะอยากลองกินแมวต้ม  เมี้ยว”  เจ้าเหมียวหันมาบ้องแบ๊วใส่

“กินเนื้อพวกเดียวกันบาปนะ”  เป็นโทโนะที่ดุน้อง

เทกโกะทำหูลู่  “งั้นเจ๊กโกะม่ะกินแย้ว”

ทาคุโร่กับจิโร่ได้แต่หัวเราะเบาๆ  วันนี้นอกจากจะมีเด็กมาให้ดูแลแล้วยังมีแมวมาให้เลี้ยงอีกต่างหาก

เจ้าเหมียวทั้งสองตัวหลับกันไปตั้งแต่หัวค่ำ  ท่าทางคงจะเหนื่อยที่ต้องเดินตะลอนๆ กันมาตลอดสองวัน  ระหว่างที่ชายหนุ่มทั้งสองคนนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟา  เจ้าเหมียวสองตัวก็ขดหลับซุกอยู่ด้วยกันที่มุมหนึ่ง  ทาคุโร่เอื้อมมือไปลูบหัวทั้งสองอย่างเบามือ

“อืม...ถ้ามีลูกได้  ฉันอยากมีลูกน่ารักๆ อย่างสองคนนี้จัง”  เสียงทุ้มรำพึงขึ้นเบาๆ เหมือนจะบอกกับตัวเอง

จิโร่ไม่ได้ว่าอะไรนอกจากเอียงตัวไปซบไหล่หนา  เขารู้ว่าทาคุโร่ไม่ได้คิดอะไรนอกไปจากการอยากมีลูกน่ารักๆ สักคนหรือสองคน

“ไว้ส่งสองคนนี้กลับบ้านได้แล้ว  เราไปขอเด็กมาอุปการะสักคนดีมั้ย?”  ทาคุโร่พูดขึ้นเบาๆ เหมือนจะหยั่งเชิงถามคนรัก

คนตัวเล็กกว่าเพียงแต่ยิ้มบางๆ แล้วเอื้อมมือไปโอบพาดเอวของร่างสูง  มือใหญ่ที่อบอุ่นลูบไล้เส้นผมสีทองสั้นๆ ของเขาอย่างอ่อนโยน

“เอาเด็กผู้ชายดีมั้ย  หรือว่าเด็กผู้หญิงดี?  เลือกคนที่หน้าตาน่ารักเหมือนนายก็แล้วกัน  แต่ไม่เอาแบบขี้โวยวายอย่างนายนะ”  เสียงทุ้มยังคงพูดไปเรื่อยพลางหัวเราะเบาๆ

จิโร่ยิ้มแล้วหลับตาพริ้มลง  “เอาแบบไหนก็ได้  ถ้าเขาเป็นลูกของพวกเราหละก็นะ...”

“อื้ม  ง่วงแล้วเหรอ?  งั้นเราไปนอนกันดีกว่า”

ค่ำคืนนั้นแสนอบอุ่น  จิโร่หลับสนิทอย่างมีความสุขในอ้อมแขนของคนรักโดยมีเจ้าเหมียวสองตัวขดซุกอยู่ตรงข้างหมอน

**********

 

“หวา!!  เทกโกะ  ลงไปนะ  อย่าปีนขึ้นมาบนหัวเซ่!  ฉันทำงานอยู่”  จิโร่โวยวายเมื่อเทกโกะพยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาบนหัวเขา...ในร่างคน

“งื้อ...เทกโกะอยากเล่นนี่  ทำไมจี้จังกะทักคุงม่ะเล่นกะเทกโกะอ้ะ”  ไอ้ตัวเล็กงอแงพลางเกาะจิโร่ไว้แน่น

“ก็ต้องทำงานนี่  ดูซิ  ลูกค้าเขารออยู่นะ”  ทั้งที่ยังโวยวาย  แต่ด้วยความพยายามของสัญชาตญาณพ่อค้า  จิโร่ก็เดินเอากาแฟไปส่งให้ลูกค้าจนได้

“ว้าย  น่ารักจังเลย  ไปเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยงคะเนี่ย”  ลูกค้าสาว  (เกือบสวย)  ถามขึ้นด้วยท่าทางรักเด็กสุดๆ พอๆ กับนางสาวไทย

“เด็ก...เอ้อ...เอ้อ...”  จิโร่หาคำตอบให้เธอไม่ทัน

“พ่อแม่เขาฝากมาเลี้ยงสามสี่วันน่ะครับ  พอดีเขาติดธุระต้องไปต่างจังหวัด”  คนที่ไหลไปได้ทั้งน้ำขุ่นคลั่กคือทาคุโร่ที่เดินมาดึงเทกโกะออกจากหัวจิโร่  ก่อนที่เจ้าแมวดื้อจะทำคอที่รักของเขาหัก

“บู...ป่ะป๊ากะหม่ะม๊าเทกโกะม่ะได้ไปตั่งจังหวะซะหน่อย  ป่ะป๊ากะหม่ะม๊าอยู่ทางโน้นตะหาก”  เทกโกะเถียง

"ตายแล้ว!  พ่อแม่เขาไม่อยู่แล้วเหรอคะ  น่าสงสารจัง  ตัวนิดเดียวเอง”  หญิงสาวยังคงรักเด็กต่อไป

เจอมุขรักเด็กสุดใจขาดดิ้นออกนอกหน้าขนาดนี้  ทาคุโร่ก็นิ่งไปเหมือนกัน  ยังไม่ทันรู้ตัวพี่สาวคนสวยก็เอาเทกโกะไปอุ้มไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“โอ๋...ไม่เป็นไรนะคะ  ไม่เหงานะคะ”  หญิงสาวกอดเจ้าตัวเล็กราวกับคลอดออกมาเอง

“อื้อ...เทกโกะไม่เหงาค้าบ”  เทกโกะเหมียวทำท่าว่าง่าย  กอดตอบไปอย่างรักใคร่เช่นกัน...แต่ถ้าใครจะสังเกตดีๆ...รู้สึกว่าเจ้าเหมียวนั่นจะพยายามตั้งอกตั้งใจที่จะซุกลงไปตรงหน่มน้มของคุณเธอเต็มที่

จิโร่รีบหิ้วคอเจ้าแมวทะลึ่งแล้วดึงออกมาทันที  เข่นเขี้ยวกระซิบ  “ไอ้เหมียวลามก  ไปหัดนิสัยแบบนี้มาจากไหนเนี่ย”

“งื้อ...ม่ะได้ลามกน้า  เทกโกะชอบนมนุ่มๆ นี่”  เทกโกะตอบด้วยแววตาใสซื่อ

จิโร่ไม่พูดอะไรแต่หิ้วคอไอ้เหมียวไปในห้องด้านหลังร้าน

ป้าบ!!!!

แป๊ว!!!!”

ทาคุโร่พอจะเดาออกว่าเสียงที่ดังออกมาจากห้องนั้นเป็นเสียงอะไร  ดูท่าเทกโกะจะโดนคุณแม่จำเป็นสำเร็จโทษเข้าให้เสียแล้ว

 

“ฮึก...ฮึก...”  เสียงสะอึกสะอื้นคร่ำครวญยังคงดังมาจากเจ้าเหมียวสีขาวตัวเล็กที่ซุกซบอยู่กับตักของโทโนะที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ

“ฮึก...จี้จังใจย้าย...”  พอเห็นพี่ชายไม่สนใจ  เจ้าตัวน้อยก็คร่ำครวญประโยคเดิมเป็นครั้งที่  224  “ฮึก...ฮึก...จี้จังตีเจ๊กโกะด้วย”

“ก็เทกโกะไปซุกหน่มน้มคนนั้นเขาทำไมล่ะ”  โทโนะพูดพลางลูบขนน้องชายไปเรื่อยๆ อย่างไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก

“ก็...ก็...มันนุ่มๆ นี่  เหมือนหน่มน้มของหม่ะม๊าเลยนี่...ฮึก...จี้จังเหมือนหม่ะม๊า  แต่ไม่มีหน่มน้มนี่นา...แง้~”

พอเทกโกะปล่อยโฮ  โทโนะก็ทนไม่ได้  มือเล็กอุ้มเจ้าตัวน้อยมากอดแนบอก  “ไม่เป็นไรน้า  เดี๋ยวก็ฮาโลวีนแล้ว  เดี๋ยวป่ะป๊ากะหม่ะม๊าก็มารับแล้วน้า  ตอนนี้เทกโกะเป็นเด็กดีไปก่อนน้า”

“อือ...เจ๊กโกะจาเป็นเด็กดี...ฮือ...”

ที่นอกห้อง  จิโร่ยืนพิงประตูด้วยสีหน้าไม่สบายใจ  เมื่อกี้เขาคงตีเทกโกะแรงเกินไปจริงๆ แหละ  เขาลืมนึกไปว่าเทกโกะยังเด็กแถมยังเป็นแมวหลงทางอีกด้วย...เขาจะขอโทษยังไงดีนะ...

มือใหญ่ลูบลงบนผมสีทองยุ่งๆ อย่างเบามือ  จิโร่เงยหน้าขึ้นมอง...ต่อให้ไม่ต้องมอง  เขาก็รู้ว่าเจ้าของมือทำหน้ายังไง...ทาคุโร่ยิ้มน้อยๆ อย่างอ่อนโยนเหมือนที่เคยยิ้มให้เขาอยู่เสมอ

“อยากขอโทษไอ้ตัวเล็กหรอก?”

จิโร่ยิ้มนิดๆ...ทำไมทาคุโร่ถึงได้รู้นะว่าเขาคิดอะไรอยู่...คนตัวเล็กกว่าพยักหน้าน้อยๆ

“หาขนมไปให้สิ  แล้วค่อยขอโทษ”

“แบบนั้นได้เหรอ?”

“ลองดูสิ  ฉันว่าได้นะ”

 

สตรอเบอรี่ชอร์ตเค้กกับนมอุ่นๆ ถูกนำมาวางไว้ตรงหน้าเด็กแมวทั้งสองในเวลาของว่าง  เทกโกะแทบจะแทรกตัวมุดเข้าไปในช่องว่างขนาด  10  เซนติเมตรข้างหลังพี่ชายเมื่อจิโร่เข้ามาใกล้  หากมือใหญ่ๆ กลับลูบหัวเบาๆ แล้วก็เอาส้อมจิ้มสตรอเบอรี่บนเค้กของทาคุโร่ไปวางแปะให้ในจานของเทกโกะ  โดยมีเจ้าของสตรอเบอรี่นั่งอ้าปากค้างแบบไม่ทันทักท้วง

“เอ้า  หม่ำซะ  แล้ว...ไอ้ที่ฉันตีไปก็หายกันนะ”  จิโร่ยกมือขึ้นเกาหัวแก้ขวย

เจ้าเหมียวเทกโกะนั้น  จากที่กลัวๆ อยู่ก็ตาโตทันทีที่เห็นสตรอเบอรี่  2  ลูกในจาน  รีบออกจากซอกตรงหลังโทโนะที่พยายามจะยัดตัวเข้าไปมานั่งกระดิกหางไปมาทำตาวิบวับตรงที่ของตัวเองทันที

“คับ!  หายกันคับ!”

จิโร่มองท่าทางน่าเอ็นดูนั้นแล้วก็ยิ้มๆ  ที่จริงระหว่างหมากับแมวแล้ว  เขาชอบหมามากกว่า...แต่เจ้าเหมียวนี่ก็ไม่เลวเหมือนกัน

“เอาหละ  งั้นหม่ำได้!”

“ค้าบ~!”  เจ้าเหมียวสองตัวขานรับพร้อมๆ กัน  แล้วก็ลงมือหม่ำกันหนุบหนับ  โดยลืมคนโดนแย่งสตรอเบอรี่ให้นั่งน้ำตาตกอยู่คนเดียว

 

ป้ายหน้าร้านถูกพลิกกลับเป็นด้าน  “ปิด”  จิโร่เป็นคนเก็บล้างอุปกรณ์ต่างๆ  ในขณะที่ทาคุโร่ทำความสะอาดร้าน  ไฟในร้านค่อยๆ ถูกปิดลงทีละดวง

ร่างสูงฮัมเพลงงึมงำพลางถอดผ้ากันเปื้อนโยนพาดไว้กับเก้าอี้  บิดขี้เกียจแก้เมื่อยนิดหน่อย  แล้วก็รู้สึกได้ถึงอ้อมแขนที่เข้ามาสวมกอดจากทางด้านหลัง

“ว่าไง  มีอะไรเหรอ?”  มือแกร่งค่อยกุมมือเล็กกว่าเบาๆ

“ขอบใจนะ”  เสียงกระซิบอู้อี้ดังมาจากคนที่ซบอยู่ด้านหลัง

“ขอบใจเรื่องอะไรล่ะ  หือ?”

“เรื่องเทกโกะ”

“เรื่องนิดเดียวเอง”  ปลายนิ้วขยับลูบไล้หนลังมือนั้นแผ่วๆ

“ทำไมนายถึงทำเหมือนมันง่ายจัง  นายรู้ได้ไงว่าเทกโกะจะหายงอนถ้าเอาเค้กให้กินน่ะ”

“เด็กๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ”  ทาคุโร่ตอบยิ้มๆ

“นายนี่รู้วิธีรับมือเด็กดีจังเลยนะ”  ดูท่า...ทาคุโร่คงอยากเป็นพ่อคนเต็มทีแล้วหละมัง...เขาควรทำยังไงดีนะ

ร่างสูงหันกลับมากอดจิโร่ไว้  “ฉันรับมือนายมานานแล้วน่ะสิ”

“เอ๋  นี่จะว่าฉันเอาของกินมาล่อแล้วหายงอนเหรอ”  คนตัวเล็กกว่าโวยวายพลางดันอกกว้างให้ห่างออก

“ช่าย...ต้องล่อด้วยสตรอเบอรี่เชคตั้งหลายแก้วแน่ะ  กว่าจะหายงอนน่ะ”  ไม่พูดเปล่า  ยังโน้มตัวไปไซ้ปลายจมูกเข้ากับจมูกของอีกฝ่าย  จนคนที่กำลังจะงอนต้องหัวเราะคิก

“งั้นคราวนี้ต้องอีกแก้วแล้วมั้ง”  จิโร่ว่าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์

แต่ทาคุโร่ส่ายหน้า  “ม่ายหละ...วันนี้ฉันอดกินสตรอเบอรี่  เพราะงั้น  นายแหละจะต้องง้อ”

และโดยไม่ให้ตั้งตัว  ริมฝีปากก็ฉกวูบลงไปช่วงชิงความหวานล้ำของริมฝีปากอิ่ม  ขบจูบหลอกล่อจนร่างเล็กต้องเผยอริมฝีปากให้ปลายลิ้นนุ่มเข้าไปลิ้มรสชาติลึกล้ำอย่างเต็มที่

“อืม...”  จิโร่ครางออกมาเบาๆ อย่างเสียดายนิดๆ เมื่อทาคุโร่ถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง

ร่างสูงยิ้มน้อยๆ กับสีหน้าน่ารักของคนรัก  กำลังคิดว่าริมฝีปากอิ่มที่ถูกจุมพิตจนเป็นสีเชอร์รี่นั้นเชิญชวนให้สัมผัสอีกครั้งเสียนี่กระไร  แต่พอคิดจะทำต่อ...

“อ๊ะ!”  เสียงอุทานของทาคุโร่ทำให้จิโร่หันไปดูข้างหลัง  แล้วก็ต้องหน้าแดงก่ำ...

เจ้าเด็กแมว  2  ตัวยืนจ้องชายหนุ่มทั้งสองตาแป๋ว  ในชั่วขณะที่ต่างคนต่างก็ทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้นเอง  เทกโกะก็เดินตุบตับเข้ามาหาแล้วดึงชายเสื้อทาคุโร่

“เล่นกะเทกโกะด้วยฉิคับ”  ว่าพลางก็ทำปากจุ๊บๆ รอให้จูบ

สองหนุ่มหัวเราะพรืดออกมา  แล้วทาคุโร่ก็อุ้มเจ้าตัวเล็กที่ยังทำหน้าบ้องแบ๊วแบบไม่เข้าใจว่าหัวเราะกันทำไมขึ้นมา

“ยังเล่นไม่ได้หรอกครับ  อันนี้ผู้ใหญ่เขาเล่นกัน”

“อื๋อ...ทีเวลาป่ะป๊ากะหม่ะม๊าเล่นกัน  ยังเล่นกะเทกโกะได้เยย”

จิโร่ยกมือขึ้นกุมขมับ...เหมียวบ้านนี้เลี้ยงลูกกันมายังไงนะ  หรือว่าในสังคมแมวๆเขาไม่ถือกัน...พอกำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็ต้องก้มลงมือชายเสื้อตัวเองเมื่อถูกดึง

“อุ้มโทโนะด้วยสิฮะ”  เจ้าแมวดำอ้อน

“เอ้อ...เอ้า!  อุ้มก็อุ้ม”  ว่าแล้วก็อุ้มโทโนะลอยหวือก่อนที่จะหอมแก้มเบาๆ แค่พอจั๊กจี๋

“อ๊า~  หอมเทกโกะด้วยฉิ  หอมเทกโกะด้วย”  ไอ้ตัวเล็กดิ้นขลุกขลักตะเกียกตะกายมาหาจิโร่

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ  “อิจฉาพี่เขาหรือไง  หือ?”

ว่าแล้วก็หอมเข้าให้ฟอดใหญ่  เล่นเอาเทกโกะแก้มแดง  ทำท่าสยิวตัวสั่นอย่างน่ารัก

ทาคุโร่กระชับอ้อมแขนที่อุ้มเจ้าเหมียวน้อย  มองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน...คงจะดีถ้าเขากับจิโร่จะมีลูกน่ารักๆ ด้วยกันสักคนหรือสองคน...หรือจะให้เด็กสองคนนี้อยู่กับพวกเขาตลอดไปก็ได้...แต่มันคงเป็นไปไม่ได้  อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันฮาโลวีนแล้ว  พ่อกับแม่ของเด็กทั้งคู่คงมารับกลับไป  ป่านนี้ก็คงเป็นห่วงกันแย่แล้วที่ลูกๆ หายไปแบบนี้  คิดดูแล้วก็น่าสงสารเหมือนกัน

“เอาหละ  ลงได้แล้ว  เดี๋ยวฉันจะทำมื้อเย็นให้กิน”  จิโร่วางโทโนะลงกับพื้นแล้วหันไปอุ้มเทกโกะจากอ้อมแขนของทาคุโร่ด้วย  “ไปนั่งเล่นรอที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะ  เสร็จแล้วจะไปเรียก”

“คร้าบ~”  แล้วสองพี่น้องก็เดินเตาะแตะตามกันไป

“นี่...”  จิโร่ทำลายความเงียบขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากของร่างสูง  สองมือยกขึ้นโอบรอบคอเบาๆ  “รู้นะ  ว่าคิดอะไรอยู่”

ทาคุโร่ยิ้มแล้วโอบเอวคนรักรั้งเข้ามาใกล้  “แล้วนายคิดว่าไงล่ะ?”

“หลังจากส่งเด็กสองคนนี้กลับได้  เราน่าจะมาคุยกันอย่างจริงๆ จังๆ สักครั้งนะ...เรื่องลูก”

“ไปรับเด็กมาอุปการะสักคนเหรอ?”

“ไม่...เราจะมีลูกของเราเอง”

ความเงียบเท่าเข็มตกได้ยินบังเกิดขึ้นในห้องครัวเล็กๆ นั้น...จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง  ร่างสูงจึงได้ยกมือขึ้นแตะหน้าผากคนตัวเล็กกว่า

“นายเป็นไข้รึเปล่า  จิโร่?”

ผ่าง!!!!

ถาดโลหะหนาหนักอันเดิมบ้อมเข้ากลางกบาลร่างสูงเต็มรัก  เล่นเอาทาคุโร่รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นดวงอาทิตย์ที่มีระบบสุริยะโคจรอยู่รอบหัวไปในบัดดล...หมู่นี้ที่รักของเขามือหนัก

“คนเขากำลังจริงจังยังมีหน้ามาขำอีก”  จิโร่พูดด้วยน้ำเสียงฉุนๆ  พลางผลักทาคุโร่ออกห่าง  “ไปดูเด็กสองคนนั้นเลยไป”

“ว้า...อย่างอนสิที่รัก”  ทาคุโร่พยายามง้อทั้งที่ยังยืนไม่ตรง

“ไม่สนโว้ย  ไม่ต้องมาง้อ  อย่าไปมีเมอมันเลย  ลูกเนี่ย!  ไปเลี้ยงแมว  ไป๊!!”

ลงอีแบบนี้ต่อให้สตรอเบอรี่เชคร้อยแก้วก็ง้อไม่สำเร็จ  ทาคุโร่เลยต้องจำยอมเดินเซแท่ดๆ เข้าห้องนั่งเล่นไป

แต่ไม่ต้องง้ออะไรมากมาย  จิโร่ก็กลับมายิ้มแย้มเหมือนเดิม  เพียงแต่ไม่ยอมพูดเรื่องที่พูดค้างเอาไว้อีกเลย  ซึ่งทาคุโร่ก็ไม่ได้ว่าอะไร  เขาเองคิดว่าจิโร่แค่พูดเล่นมากกว่า...พวกเขาจะมีลูกด้วยกันได้อย่างไร...

 

“ฮึก...ฮือ...”

ทาคุโร่ลืมตาขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงสะอึกสะอื้น  ในตอนแรกจิตใต้สำนักบอกกับตัวเองว่า  “ผี”  แต่พอตั้งสติได้ถึงได้รู้สึกว่าเสียงนั้นมันช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน

ชายหนุ่มรวบรวมความกล้าลืมตาขึ้นมามอง  แล้วก็เห็นร่างขาวนวลของใครหรืออะไรบางอย่างนั่งร้องไห้อยู่ตรงปลายเตียง...

“โธ่เอ๊ย...เทกโกะหรอกเหรอ...”  ทาคุโร่คราง  เมื่อกี้หัวใจเขาหยุดเต้นไปหลายวินาที

“ฮือ...ป่ะป๊า...”  เจ้าเหมียวยังสะอึกสะอื้น

“เป็นอะไรไป  หือ?”  ร่างสูงดึงเอาเด็กแมวตัวเล็กๆ มานั่งตัก  ตอนที่เข้านอนยังเป็นแมวอยู่แท้ๆ  แต่ตอนนี้กลับเป็นร่างมนุษย์เสียแล้ว  ดูเหมือนว่าเด็กทั้งสองจะเคยชินกับร่างมนุษย์มากกว่า

“เทกโกะ...อยากกลับบ้าน  ฮือ...”

ทาคุโร่กอดเจ้าตัวน้อยไว้แน่น  ดูจากภายนอกแล้ว  เทกโกะเพิ่งจะอายุไม่กี่ขวบเท่านั้นเอง  ต้องจากบ้านมาเป็นอาทิตย์แบบนี้ก็สมควรหละที่จะร้องไห้อยากกลับบ้าน  แถมนี่ก็เพิ่งจะเป็นครั้งแรกด้วยที่เทกโกะร้องไห้  ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เก็บกดเอาไว้แค่ไหนแล้ว

“ไม่เป็นไรนะครับ  เทกโกะคนเก่ง  เดี๋ยวป่ะป๊ากับหม่ะม๊าก็มารับแล้วนะ”  มือใหญ่ลูบผมนิ่มอย่างเบามือ

“จาหา...ฮึก...หม่ะม๊า...”

“อีกสองวันก็ฮาโลวีนแล้ว  เทกโกะคนเก่งรอได้มั้ยเอ่ย?”  ทาคุโร่พยายามปลอบ...ดูเถอะ  เจ้าเหมียวร้องไห้คิดถึงบ้านอย่างนี้แล้ว  ในบางขณะเขายังคิดจะยึดเด็กสองคนนี้เอาไว้เป็นลูก...เขานี่แย่จริงๆ

“ฮือ...เทกโกะจะรอ...ฮือ...”  เทกโกะซบซุกลงกับอกกว้าง  มือเล็กๆ ดึงเสื้อนอนของร่างสูงไว้แน่น

ทาคุโร่ไม่รู้จะปลอบโยนเจ้าเหมียวยังไงดี  ในที่สุด  เสียงทุ้มต่ำก็เอื้อนเป็นท่วงทำนองเพลงอ่อนหวาน  สองแขนแกร่งโอบกอดเจ้าตัวน้อยไว้แนบอก  โยกตัวเบาๆ เหมือนจะกล่อม

เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ที่ชายหนุ่มฮัมเพลงขับกล่อมเทกโกะอยู่อย่างนั้น  จนกระทั่งเจ้าตัวน้อยผล็อยหลับไปกับอกของเขา  มือใหญ่ปาดเช็ดคราบน้ำตาให้แล้ววางเจ้าเหมียวลงนอนข้างๆ  ก่อนที่จะอุ้มโทโนะที่ยังอยู่ในร่างแมวมานอนที่เดียวกัน  แล้วก็เอนตัวลงนอนกอดทั้งคู่เอาไว้

“ทาคุ...”  เสียงกระซิบแผ่วดังขึ้นในความเงียบ

“ทำให้ตื่นเหรอ?”

“ตื่นเพราะไอ้เพลงไม่เป็นเพลงของนายแหละ”  เสียงนั้นกลั้วมากับเสียงหัวเราะ

“ไม่เป็นเพลงก็กล่อมเทกโกะหลับได้ละกัน”

“เทกโกะทนฟังไม่ไหวน่ะสิ”  ตามมาด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก

ทาคุโร่เอื้อมมือไปขยี้ผมเจ้าของเสียงอย่างมันเขี้ยว  หากคนตัวเล็กกว่ากลับจับมือนั้นมาจูบเบาๆ ตรงฝ่ามือแล้วเอาไปแนบกับแก้มนุ่ม  ร่างสูงลุกขึ้นนั่งแล้วโน้มตัวข้ามโทโนะกับเทกโกะไปจูบหน้าผากของจิโร่เบาๆ

“นอนซะ”

“อื้ม”

ทาคุโร่ทิ้งตัวลงนอนตามเดิมแล้วหลับไปอย่างง่ายดาย  โดยไม่รู้เลยว่าจิโร่ยังคงลืมตาอยู่ในความมืด  หนุ่มผมทองลุกขึ้นนั่งมองภาพของคนรักที่นอนกอดหนึ่งเด็กหนึ่งแมวแล้วก็ยิ้ม  ค่อยๆ เกลี่ยผมออกจากใบหน้าให้

“ไว้สักวันนะ  ทาคุ  เราจะมีลูกของเราเอง”

**********

 

เทกโกะก็สมกับเป็นเด็ก  พอเช้าวันรุ่งขึ้นก็ไม่มีอาการงอแงหงอยเหงาอีก  แต่นั่นหมายถึงว่าต้องตามติดจิโร่หนึบไปทุกหนทุกแห่ง  พร้อมกับเรียกอย่างเต็มปากเต็มคำว่า  “หม่ะม้า”  ซึ่งคราวนี้ชายหนุ่มไม่ว่าอะไร  เพียงแต่ต้องคอยอธิบายกับลูกค้าเอาเอง

ส่วนโทโนะนั้น  พอเห็นน้องชายตามอ้อนหม่ะม้าจำเป็นแล้วก็เบนเป้าหมายไปที่ป่ะป๊าจำเป็นบ้าง  เพียงแต่ไว้ฟอร์มความเป็นพี่  ไม่ถึงกับเกาะแกะพันแข้งพันขา  แค่คอยตามดูใกล้ๆ อย่างไม่ให้คลาดสายตาเท่านั้น  แต่สำหรับทาคุโร่แล้ว  ให้มาเกาะแกะเสียเลยดีกว่า...แบบนี้มันไซโคยังไงบอกไม่ถูก...น่ากลัว...

แล้ววันฮาโลวีนก็มาถึง  บรรยากาศในเมืองตกแต่งด้วยสีดำและส้มสมกับเป็นฮาโลวีน  แม้ในร้านกาแฟเล็กๆ ของทาคุโร่กับจิโร่จะไม่ได้ตกแต่งอะไรมากมาย  ด้วยเจ้าของร้านขี้เกียจ  แต่ก็ยังอุตส่าห์มีโคมไฟฟักทองที่ซื้อมาเมื่อหลายปีก่อนตั้งประดับทุกโต๊ะและบนเคาน์เตอร์

“เอ๊!  ทำไมฉันต้องใส่หูแมวนี่ด้วยเล่า!?”  จิโร่โวยวายเมื่อทาคุโร่คะยั้นคะยอให้ใส่หูแมวที่เขาซื้อมาให้กับผ้ากันเปื้อนสีดำลายหัวกะโหลกเลือดสาด  อันเป็นเครื่องแบบพนักงานเฉพาะวันนี้เท่านั้น

“ก็ฮาโลวีนไง  ทำตัวกลมกลืนหน่อยสิ  นี่โทโนะกับเทกโกะอุตส่าห์ช่วยเลือกเชียวนะ”  ทาคุโร่บอกโดยที่เจ้าตัวนั้นก็ใส่หูแมวของตัวเองเรียบร้อยแล้ว  “หรือจะเอาหมวกแม่มดกับไม้กวาด?”

“เอาหูแมว”  จิโร่ตัดบทง่ายๆ แล้วคว้าหูแมวมาสวม

“หม่ะม้า~”  เทกโกะกระโดดเข้าใส่ทันที...เฮ่อ...

ฮาโลวีนของปีนั้นโชคดีที่ตรงกับสุดสัปดาห์  บรรยากาศของเทศกาลเลยครึกครื้นเป็นพิเศษ  ที่ในร้านกาแฟเองก็ดูสนุกสนาน  มีคนแต่งผีมาเดินเที่ยวกันแต่กลางวันแสกๆ  แถมลูกค้ายังออกปากชม  “ครอบครัวหูแมว”  ว่าแต่งได้เป็นเซ็ทน่ารักทั้งบ้าน

จนตกค่ำ  บรรยากาศก็ยิ่งคึกคักมากขึ้น  ในเมืองมีการเตรียมขบวนพาเหรดสำหรับเทศกาล  โคมไฟสีส้มๆ ถูกจุดขึ้นตรงนั้นตรงนี้วับแวมไปทั้งย่าน  เจ้าเหมียวทั้งสองเกาะกระจกจ้องเป๋งออกไปนอกร้านเมื่อทาคุโร่ออกไปเปิดโคมไฟฟักทองที่ประตู

“จิโร่  พาพวกเด็กๆ ไปดูขบวนพาเหรดสิ  เดี๋ยวฉันดูร้านเองก็ได้”  ทาคุโร่บอกเมื่อกลับเข้ามาในร้าน  วันสุดสัปดาห์แบบนี้เขามักจะเปิดร้านดึกกว่าทุกวัน  และยิ่งมีเทศกาลแบบนี้ยิ่งดึกเป็นพิเศษ

“เอางั้นเหรอ?”

“อื้ม  ท่าทางอยากเที่ยวกันแย่แล้วน่ะ  หางกระดิกเชียว”  พูดแล้วก็หัวเราะหางสองอันที่แกว่งไปมาด้วยความตื่นเต้น  “เผื่อไงจะได้ตามหาพ่อแม่ของเจ้าพวกนั้นได้ง่ายๆ ด้วยไง”

“โอเค  แบบนั้นก็ได้  ถ้าลูกค้าเยอะโทรเข้ามือถือฉันละกัน  จะกลับมาช่วย”  จิโร่บอกพลางถอดผ้ากันเปื้อนออกเหลือไว้แต่หูแมว

“เอ้า  เอานี่ไปด้วย  อากาศเย็นแล้วนะ”  ร่างสูงพันผ้าพันคอสีสวยให้ทั้งจิโร่และเจ้าเด็กแมวทั้งสอง  “เที่ยวให้สนุกนะ  แก๊งแมวสีลูกกวาด”

“คร้าบ~”  ทั้งสามขานรับแบบเด็กดีแล้วก็ออกจากร้านไป

 

เวลาล่วงผ่านไปจนดึกแล้ว  ทาคุโร่กำลังเก็บกวาดร้านให้เรียบร้อยอยู่ตามลำพัง  บรรยากาศในเมืองยังคงคึกคักวุ่นวายและคนจะเป็นเช่นนั้นไปจนใกล้รุ่ง

เสียงเคาะประตูร้านทำให้ชายหนุ่มละสายตาจากจานที่กำลังเช็ดอยู่  พอเห็นว่าคนเคาะเป็นใครก็ยิ้มแล้วเดินไปเปิดประตูให้

“พะรุงพะรังมาเชียว”

“ก็นิดหน่อยน่ะ”  จิโร่ตอบ  ในตอนนี้เขากำลังแบกเทกโกะที่หลับไปเรียบร้อยแล้วไว้บนหลัง  มือหนึ่งมีลูกโป่งหลายลูก  ส่วนอีกมือก็มีถุงขนมและของเล่นอีกหลายถุง  แถมยังมีโทโนะที่ดูท่าทางเหมือนจะหลับมิหลับแหล่เดินเกาะชายเสื้อตามมาด้วย

“สนุกจนหลับเลยเหรอเนี่ย”  ทาคุโร่พูดยิ้มๆ แล้วก็อุ้มเทกโกะลงจากหลังจิโร่

“อื้ม  แต่ก็ดีนะ  เจ้าพวกนี้ไม่งอแงเลย  พอง่วงก็บอกว่าง่วงขอขี่หลัง  โทโนะก็เป็นเด็กดี  ไม่ร้องจะขี่หลังตามน้อง”  จิโร่เล่าพลางถอดผ้าพันคอให้โทโนะ

“โทโนะโตแล้ว...ไม่ดื้อ...”  เจ้าแมวดำบอกทั้งยังสะลึมสะลือ

“ดีแล้วหละ  เก่งมาก”  จิโร่ชมแล้วก็พาไปนั่งที่เก้าอี้โซฟา  โดยมีทาคุโร่อุ้มเทกโกะไปวางไว้ใกล้ๆ  “ทาคุ  ขอนมอุ่นๆ ให้เจ้าพวกนี้ก่อนนอนก็แล้วกันนะ”

“ได้สิ”  ร่างสูงรับคำแล้วก็เดินไปเตรียมนมให้

“เฮ่อ...”  จิโร่เดินตามมานั่งที่เคาน์เตอร์

“อ้าว  ทิ้งลูกแล้ว”

“ไม่ใช่ลูกช้าน~”

“ฮะๆๆ  โอเคๆ  ว่าแต่...”  ร่างสูงหันมาพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  “ไม่เจอพ่อแม่ของเด็กสองคนนั้นเลยเหรอ?”

จิโร่ส่ายหน้า  “ไม่เจอเลย  ฉันพยายามมองหาผู้หญิงที่หน้าเหมือนฉันกับผู้ชายที่เหมือนนายแล้วนะ  แต่ไม่มีเลย”

“เหรอ...”

ความเงียบเข้าปกคลุมชายหนุ่มทั้งสอง  ต่างก็ปล่อยความคิดของตนให้ล่องลอยไป  ซึ่งก็ไม่พ้นเรื่องของเด็กแมวทั้งสองและเรื่อง...ลูก...

“ทาคุ...”  จิโร่พูดขึ้นเบาๆ  “อย่าคิดเอาเด็กสองคนนั้นไว้นะ”

ร่างสูงถึงกับสะดุ้งกับคำพูดเรื่อยๆนั้น  “เอ้อ...ทะ...ทำไม?...”

“พวกเขาไม่ใช่ลูกของเรา...ไม่ใช่เด็กของโลกนี้ด้วยซ้ำ  ไม่ใช่คน  ถึงจะเหมือนคนยังไงก็เป็นปีศาจแมว”  จิโร่อธิบาย

“แต่...แต่ถ้าไม่มีคนมารับ...”

“ถึงปีนี้ไม่มา  ปีหน้าก็ต้องมา  เขาไม่ใช่ของของพวกเรา  ถึงนายจะอยากมีลูกแค่ไหนแต่มันก็...”  จิโร่ชะงักคำพูดเมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่ตน  เขารีบมองตามไปตรงที่ทาคุโร่มองอยู่...

“โทโนะ...”

เจ้าแมวดำตัวน้อยจูงมือน้องชายมายืนมองพวกเขาตาแป๋ว  ในดวงตาสีอำพันที่สวยเหมือนลูกแก้วมีแววเศร้าหมอง

“จี้จังไม่ชอบโทโนะกับเทกโกะเหรอครับ?”

คำถามใสซื่อกับน้ำเสียงสั่นเครือทำเอาหัวใจของจิโร่กระตุกวาบ  เขารีบลงจากเก้าอี้ไปนั่งตรงหน้าเด็กทั้งสอง  จับไหล่ของโทโนะบีบเบาๆ

“ไม่ใช่...ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  โทโนะ”  ชายหนุ่มระล่ำระลักบอก

“แต่จี้จังไม่อยากให้พวกโทโนะอยู่ด้วย...”  ครานี้น้ำใสๆ เอ่อรื้นเต็มสองตา

“ไม่ใช่นะ  ฉัน...”  จิโร่ไม่รู้จะอธิบายยังไงให้เจ้าแมวน้อยเข้าใจ  ได้แต่รั้งโทโนะมากอดไว้แน่น

“พวกโทโนะมารบกวนจี้จังใช่มั้ยฮะ  จี้จังเลยไม่อยากให้พวกโทโนะอยู่ด้วย”  ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งปนสะอื้นและสั่นเครือหนัก

“ไม่ใช่แบบนั้นนะ  โทโนะ  ฉันแค่คิดว่ายังไงพวกเราก็ต้องกลับบ้าน  จะอยู่กับพวกฉันตลอดไปไม่ได้  เท่านั้นเอง  ฉันไม่ได้เกลียดโทโนะกับเทกโกะนะ”  จิโร่พูดพลางลูบหลังลูบไหล่เพื่อปลอบประโลม

เจ้าแมวดำตัวน้อยยังคงสะอื้น  ไม่ใช่แค่เทกโกะหรอกที่คิดถึงบ้าน  โทโนะเองก็คิดถึงบ้านไม่น้อยเช่นกัน  แต่ด้วยความเป็นพี่จึงได้เก็บสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ในใจ  และพยายามยึดใครสักคนเอาไว้เป็นหลักประกันทางใจ  แต่ตอนนี้  หลักประกันนั้นกลับพูดออกมาว่าจะไม่ให้เขาและน้องอยู่ด้วย  ความอุ่นใจทั้งหมดก็พังทลาย

มือเล็กๆ ดึงชายเสื้อโทโนะ  “โทโนะร้องไห้เหยอ?”

โทโนะหันมามองน้องชายทั้งน้ำตาเต็มตา  ฝ่ายเทกโกะพอเห็นพี่ชายร้องไห้ก็ตั้งท่าจะร้องตามทันที

“ไม่เป็นไรหรอก  จะไม่ให้ไปไหนจนะกว่าป่ะป๊ากับหม่ะม้าจะมารับนั่นแหละ”  เป็นทาคุโร่ที่โอบกอดทั้ง  3  คนเอาไว้พร้อมๆ กัน  “เพราะงั้น  อย่าร้องไห้นะ”

เจ้าเหมียวทั้งสองยังคงสะอึกสะอื้นอยู่บ้าง  หากจิโร่ซบนิ่งลงกับอกกว้าง...ทาคุโร่รู้ว่าเขาเองกำลังจะร้องไห้ตามเด็กสองคนนั้นอยู่แล้ว  เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายจิตใจเด็กๆ เลยจริงๆ...แต่อ้อมกอดของทาคุโร่เหมือนจะบอกเขาว่า...ไม่เป็นไร...

...กริ๊ง...  เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นเบาๆ  ร่างสูงรีบเงยหน้าขึ้นมอง  เขามั่นใจว่าปิดล็อกประตูกับมือ  ทำไมจึงมีเสียงกระดิ่ง...แล้วชายหนุ่มก็เบิกตากว้าง

“เทกโกะ!  โทโนะ!”  เสียงของผู้มาเยือนร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นระคนยินดี

“ป่ะป๊า! หม่ะม้า!”  เทกโกะร้องขึ้นทันทีที่เห็นเจ้าของเสียงชัดๆ  แล้วก็วิ่งถลาออกจากอ้อมแขนของทาคุโร่ไปหาอ้อมแขนที่อ้ารออยู่

หูและหางแมวของคนที่มาเยือนไม่ได้ทำให้ทาคุโร่กับจิโร่ตกใจเท่าไรนัก  แต่ใบหน้าที่เหมือนพวกเขาราวกับถอดออกมาจากพิมพ์เดียวกันนั้นเล่นเอาขนหัวลุก!

“ป่ะป๊า~  หม่ะม้า~”  เจ้าตัวเล็กทั้งสองเข้าไปกอดนัวเนียอยู่กับผู้เป็นพ่อและแม่

“เด็กดื้อ  ป๊าเป็นห่วงแทบแย่รู้มั้ย  ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ”  คนที่เหมือนทาคุโร่ดุลูกทั้งที่ยังยิ้มด้วยความดีใจ

“ขอโทษครับ  พวกผมจะไม่ทำอีกแล้ว”  โทโนะสะอื้นพลางขอโทษไปพลาง  ส่วนเทกโกะนั้นไม่คิดอะไรอีกแล้ว  เกาะติดอยู่กับ  “จิโร่”  แน่นชนิดที่จะไม่ยอมปล่อยอีกชั่วชีวิต

ทาคุโร่กับจิโร่มองภาพประทับใจของการพบกันระหว่างพ่อแม่ลูกอย่างมึนๆ  ถึงจะบอกว่าเป็น  “ป่ะป๊ากับหม่ะม้า”  ก็เถอะ  แต่คนที่หน้าเหมือนจิโร่นั่นดูยังไงก็ไม่ได้เหมือนผู้หญิงเลยสักนิด...หนำซ้ำ  ยังเหมือนพวกเขาทุกกระเบียดนิ้ว  เหมือนแม้กระทั่งเสียง

“มนุษย์สองคนนี้ใช่มั้ยที่ลูกมารบกวนกันอยู่ตั้งหลายวัน”  หม่ะม้าพูดขึ้นเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นส่วนเกินอีกสองคนที่ยังนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์  “ขอบคุณมากนะครับที่ดูแล...เฮ้ย!!!!”

ท้ายประโยคนั้นร้องเสียงหลง  ปฏิกิริยาของพ่อแม่แมวที่เห็นทาคุโร่กับจิโร่นั้นเหมือนเมื่อตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองได้พบโทโนะกับเทกโกะไม่มีผิด...แต่ไม่เป็นไรหรอก  ทาคุโร่กับจิโร่ชินแล้วหละ...

 

นมอุ่นๆ สองแก้วใหญ่กับอีกสองแก้วเล็กถูกนำมาเสิร์ฟให้บนโต๊ะสำหรับแขกพิเศษกลางดึก  ส่วนของชายหนุ่มทั้งสองนั้นเป็นโกโก้อุ่นๆ คนละแก้ว

จิโร่นั่งสังเกตพ่อแม่แมวอยู่พักใหญ่  ระหว่างที่ทั้งสองคนนั้นกำลังวุ่นวายอยู่กับการรับขวัญลูกชายตัวน้อยทั้งสองคน...ป่ะป๊านั้นมีหูกับหางสีน้ำตาลเข้ม  จะต่างกับทาคุโร่นิดหน่อยตรงที่ผมเป็นสีเทาออกเงินๆ  ชายหนุ่มเชื่อว่าร่างแมวของเขาน่าจะเป็นแมวสีสวาทเป็นแน่  ส่วนหม่ะม้า...จิโร่มองทีไรก็รู้สึกจั๊กกะเดียมในใจอย่างบอกไม่ถูก  แม้จะบอกว่าเหมือนเขามากก็ตาม  แต่ความละมุนละไมในสีหน้าท่าทางนั้น  สมกับเป็น  “แม่”  แท้ๆ เลยทีเดียว  หูกับหางนั้นเป็นสีน้ำตาลลายเสือ...ดูแล้วก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเจ้าตัวเล็กสองตัวไหงผ่าเหล่าผ่ากอออกมาเป็นแมวดำกับแมวขาวไปซะได้

“เอ้อ...ถ้าผมมองไม่ผิด  คุณสองคนเป็น...ผู้ชาย...ใช่มั้ยครับ?”  จิโร่ถามขึ้นในที่สุด

“อ๋า  ใช่ครับ  เป็นตัวผู้  ทั้งคู่เลย”  ป่ะป๊าเป็นคนตอบ  “ลืมแนะนำตัวไปเลยด้วย  ขอโทษทีครับ  ผมทักคุงครับ  ส่วนนี่แฟนผมจี้จังครับ”

“จี้จัง...”  ทาคุโร่ปิดปากหัวเราะพลางเหลือบมองคนรักที่นั่งข้างๆ  เจ้าเหมียวสองตัวเรียกจิโร่ตามชื่อแม่นี่เอง

“ละ...แล้วทำไมถึงมีลูกได้?”  จิโร่ถามต่อโดยไม่ลืมหยิกแรงๆ ที่ต้นขาทาคุโร่โทษฐานหัวเราะเขา

“อ๋อ...อันนี้เป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าพันธุ์น่ะครับ”  คนอธิบายคือจี้จัง  “เผ่าพันธุ์ปีศาจแมวของเราแต่เดิมเป็นมีตัวผู้ตัวเมียตามปกตินี่แหละครับ  แต่ในช่วงเวลาที่ตัวเมียมีน้อยมากๆ  จะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในตัวผู้บางกลุ่ม  ในคืนพระจันทร์เต็มดวงจะกลายเป็นตัวเมียน่ะครับ”

“แปลว่าช่วงนี้มีตัวเมียน้อย”  ทาคุโร่ชักสนใจจริงจัง

“ครับ  มีตัวเมียแค่  1  ต่อ  30  เท่านั้น...ขืนไม่มีการกลายพันธุ์กันบ้าง  พวกตัวเมียคงแย่แน่ๆ  เพราะในช่วงฤดูผสมพันธุ์ใครก็ห้ามกันไม่อยู่”  ทักคุงอ้อมแอ้มตรงประโยคท้ายๆ

“ฤดูผสมพันธุ์?”

“ครับ  เหมือนแมวทั่วๆ ไปแหละครับ  ถึงจะทำอย่างว่ากันได้ตลอดปีแต่ช่วงที่จะมีลูกได้ก็มีแค่ช่วงนั้นเท่านั้น”  ทักคุงยังอธิบายต่อเรื่อยๆ

ถึงตรงนี้จิโร่กับจี้จังได้แต่ก้มหน้างุดๆ อย่างเขินอาย  ปล่อยให้ป่ะป๊ากับคนอยากเป็นพ่อนั่งคุยกันไปสองคน  ส่วนเจ้าพวกลูกแมวก็นั่งทำตาแป๋ว...ไม่เข้าใจเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกันเลยสักนิด

“ว่าแต่...ตอนเห็นหน้าครั้งแรกตกใจหมดเลยนะครับ  ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีมนุษย์ที่เหมือนกันมากขนาดนี้”  จี้จังตัดบทด้วยการถีบคนรักลงไปจากโซฟาเมื่อรู้สึกว่าเรื่องที่คุยๆ กันมันชักจะติดเรทไปใหญ่โต  เล่นเอาทาคุโร่รีบผวาลุกขึ้นยืนก่อนที่จะโดนจิโร่ถีบไปด้วยอีกคน

“ผมเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน”  จิโร่บอกพร้อมกับขยับเท้ากลับไปไว้ที่เดิม...นอกจากจะเหมือนกันทั้งเสียงและหน้าตา  ความคิดก็ยังเหมือนกันอีกด้วยแฮะ

“ฉันได้ยินมาว่าโลกมนุษย์กับโลกของเรามันก็คล้ายๆ กับโลกคู่ขนานนั่นแหละ”  ทักคุงลุกขึ้นมาอธิบายพลางคลำสะโพกที่โดนถีบป้อยๆ  “บางทีก็มีบ้างที่จะมีคนที่เหมือนกันราวกับแกะแบบนี้น่ะ  แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเหมือนกันไปหมด  เพราะประชากรปีศาจแมวน้อยกว่ามนุษย์ตั้งเยอะ”

“งั้นอย่างพวกเรานี่ก็หนึ่งในล้านเลยสินะ  แถมยังบังเอิญได้มาเจอกันแบบนี้อีกด้วย”  จี้จังมองคู่แฝดของตัวเองอย่างทึ่งๆ  “นี่ถ้าเจ้าพวกตัวแสบไม่หนีมาเที่ยวที่นี่พวกเราคงไม่ได้เจอกันสินะ”

“อืม...นั่นสินะ”  ทาคุโร่พูดยิ้มๆ แล้วจิบโกโก้ในแก้วของตัวเอง

 

ทั้งสี่คนนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลาด้วยความสนุกสนานในการได้เรียนรู้กันและกัน  จนเจ้าพวกลูกแมวซุกหลับกันไปหมดแล้ว  จนกระทั่งนาฬิกาดังขึ้นบอกเวลาตีห้าครึ่ง

“อ๊ะ...จะเช้าแล้วเหรอเนี่ย?”  ทักคุงเหลียวไปมองฟ้าข้างนอก  บรรยากาศคึกคักเมื่อคืนนี้เริ่มซาลงบ้างแล้ว  ในถนนมีคนน้อยลงมาก  พวกที่เหลืออยู่ก็เมาได้ที่กันทั้งนั้น  “คงต้องกลับกันเสียทีหละมั้ง  เดี๋ยวจะกลับลำบาก”

“เอ๊ะ  จะกลับแล้วเหรอ?”  จิโร่พูดขึ้น

“อื้ม  ถ้าเลยคืนวันฮาโลวีนไปแล้ว  พลังของพวกเราจะน้อยลงมาก  การเปิดประตูมิติจะทำได้ยากน่ะ  เลยต้องรีบกลับก่อนฟ้าสาง”  จี้จังอธิบายพลางปลุกโทโนะกับเทกโกะ

“อือ...อะไยคับ?”  เทกโกะงัวเงียถาม

“ตื่นมาลาคุณจิโร่กับคุณทาคุโร่ก่อนครับ  เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว”  หม่ะม้าบอกอย่างอ่อนโยน

“หงื๋อ?  จะกลับแย้วเหยอ?”  เจ้าตัวเล็กขยี้ตาแล้วมองหน้าจิโร่อย่างอาลัยอาวรณ์

“มา...มาให้อุ้มหน่อยเร้ว”  ชายหนุ่มอ้าแขนรับ  ซึ่งเจ้าแมวขาวก็ปีนข้ามโต๊ะมาให้อุ้มแต่โดยดี  จิโร่กอดลูกชายชั่วคราวแน่น  “กลับไปแล้วเป็นเด็กดีนะ  อย่าหนีพ่อแม่มาเที่ยวอีกล่ะ”

“อือออ  กอดโทโนะด้วยสิคับ”  โทโนะปีนมานั่งบนโต๊ะมองจิโร่ตาแป๋ว

“อา...ได้สิ”  จิโร่ส่งเทกโกะไปให้ทาคุโร่แล้วก็รับโทโนะมาอุ้มไว้

“โทโนะจะไม่ลืมจี้จังเลยคับ”

“อื้ม  ฉันก็จะไม่ลืมโทโนะกับเทกโกะเหมือนกัน”  จิโร่บอกพลางลูบผมนิ่มนั้นแล้วก็ปล่อยให้โทโนะไปหาทาคุโร่บ้าง

“เอาหละ...ต้องรีบกันหน่อยแล้ว  เด็กๆ เราต้องไปกันแล้วหละ”  แสงสีทองสายแรกเริ่มจับเป็นเส้นบางๆ ที่ขอบฟ้าด้านตะวันออกแล้วเมื่อทักคุงอุ้มเทกโกะไว้ในอ้อมแขน  ในขณะที่จี้จังจับมือโทโนะเอาไว้

“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะครับ  ขอบคุณที่ช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กพวกนี้ด้วย”  จี้จังบอกพร้อมกับรอยยิ้ม

“อื้ม  ไม่เป็นไร  รักษาตัวกันด้วยนะ”  ทาคุโร่ยิ้มน้อยๆ ให้พวกเจ้าตัวเล็ก

“บ๊ะบายคับ  ทักคุง”

เทกโกะโบกมือหยอยๆ แล้วยิ้มกว้างตามประสาไร้เดียงสา  แต่โทโนะนั้นเหมือนจะรู้แล้วว่าจะต้องจากกันนาน  เจ้าแมวดำทำหน้าเบ้แต่ก็ไม่ได้ร้องไห้

“โอเค  พร้อมแล้วนะ”  ทักคุงถามสมาชิกในครอบครัว  “งั้นก็...ไปหละนะครับ  รักษาตัวด้วย”

เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาตรงจุดที่ครอบครัวแมวทั้งสี่ยืนอยู่  ภาพตรงหน้าทาคุโร่และจิโร่เริ่มเลือนรางเหมือนความฝัน  เทกโกะยังคงโบกมือให้พวกเขาอย่างร่าเริง...แล้วทุกอย่างก็หายวับไปราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

จิโร่ถอนใจหนักๆ  รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้  ในอกมันหวิวๆ ยังไงบอกไม่ถูก

“ไปกันแล้ว...”  เสียงห้าวทุ้มดังขึ้นข้างตัวทำให้จิโร่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง

“อื้อ  ไปแล้ว”

“ไม่รู้จะได้เจอกันอีกมั้ย”

“นั่นสิ”

“จิโร่...”

“หือ?”

“ฉันอยากมีลูก!!!!”  ทาคุโร่เริ่มสติแตกอีกครั้ง  หันไปกอดฟัดจิโร่นัวเนีย

“เฮ้ย!!!!  ปล่อยโว้ย!!  ถึงทำไปมันก็ไม่ได้ลูกขึ้นมาหรอก  ปล่อยช้าน!!!!”  จิโร่ทั้งผลักทั้งถีบร่างสูงให้ออกห่างตัว

“แต่ฉันอยากมีลูกนี่  อิจฉาเจ้าทักคุงมันที่สุดเลย  มีลูกน่ารักๆ แบบนั้นตั้งสองตัว”  ทาคุโร่โวยวายจนเริ่มออกไปทางกรีดร้อง  จิโร่ต้องใช้เวลาพักใหญ่กว่าทาคุโร่จะสงบลงได้

“ใจเย็นๆ นะ...ใจเย็นๆ  นายก็รู้ว่าเรื่องพรรค์นั้นมันเป็นไปได้ยากสำหรับเรา”  คนตัวเล็กกว่ากอดคนรักเอาไว้แน่น

“ฉันรู้...ฉันรู้ดีอยู่แล้ว”  ทาคุโร่พูดด้วยเสียงเหมือนจะร้องไห้

“แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางนะ  ทาคุ”  จิโร่บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“นายหมายความว่าไง?”  ทาคุโร่หยุดคร่ำครวญทันที

“ฉันคิดนะ  ทาคุ  คิดมาตั้งแต่ก่อนที่เด็กพวกนั้นมาอยู่ที่บ้านเราแล้ว  หลังจากนั้นก็คิดอย่างจริงจังมาตลอด  ว่ามันน่าจะมีวิธีที่เราจะมีลูกของเราเองได้”  มือเรียวเกลี่ยผมที่ปรกลงมาปิดหน้าปิดตาร่างสูงให้

“ลูกของเรา?”

“ใช่  ลูกของพวกเราเอง...สองคน”  จิโร่ยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน  “ถึงจะยากหน่อยแต่ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้  มันมีวิธีอยู่...”

“วิธีอะไรของนาย?”  ร่างสูงยังคงงุนงงกับคำพูดของผู้เป็นที่รัก

“มานั่งนี่ก่อน  ทำใจเย็นๆ”  จิโร่พาทาคุโร่กลับไปนั่งที่โซฟาที่เมื่อครู่นี้ยังใช้นั่งคุยกับครอบครัวแมว  “ฉันเคยอ่านในหนังสือทางการแพทย์มาน่ะ  เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่คู่รักที่เป็นผู้ชายจะมีลูกด้วยกัน”

“เอ๋?”

“แต่นั่นหมายความว่าเราต้องมีผู้หญิงที่ให้ความร่วมมือที่จะตั้งท้องให้ลูกของเราด้วยนะ”

“แล้ว...มันจะทำได้ยังไง?”  ทาคุโร่ยังคงสงสัย

“คืองี้...เขาบอกว่าต้องเอาเซลล์สืบพันธุ์ของคู่รักที่อยากจะมีลูกด้วยกันมาผสมกันแล้วนำไปผสมกับไข่ของผู้หญิงที่ให้ความร่วมมือ  ก็เป็นการผสมเทียมแบบหนึ่งน่ะ”  จิโร่ทบทวนเรื่องราวที่อ่านมาแล้วอธิบายให้คนรักฟัง

“แต่แบบนั้นมันก็เป็นลูกของเราคนใดคนหนึ่งกับผู้หญิงคนนั้นน่ะสิ”  ชายหนุ่มอดแย้งไม่ได้แม้ว่าตาจะเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น

“ก็ทำสองคนเซ่  ของนายคนหนึ่ง  ของฉันคนหนึ่ง  ก็ได้ลูกของเราสองคนแล้ว  โง่จริง”  จิโร่ว่าพลางเอานิ้วจิ้มหน้าผากทาคุโร่

“แล้ว...จะไปหาผู้หญิงที่ไหน...”  ร่างสูงทำท่าคิดหนักแต่ก็เห็นด้วยกับความคิดนี้อย่างจริงๆ จังๆ แล้ว

“เราต้องไปปรึกษาหมอกันก่อน  ฉันไม่รู้ว่าความเป็นไปได้มันมีแค่ไหน  หนังสือที่ฉันอ่านนั่นมันก็นานหลายปีมาแล้วด้วย”  จิโร่พูดแล้วก็ขมวดคิ้วเช่นกัน

“ว่าแต่...ทำไมนายถึงได้ไปอ่านหนังสือยากๆ พรรค์นั้นล่ะ?”  ทาคุโร่ถาม  ปกติแล้วเขาไม่ค่อยเห็นจิโร่อ่านหนังสือสักเท่าไรนัก

“ก็เพราะนายบ่นว่าอยากมีลูกน่ะเซ่!  ฉันถึงได้ต้องขวนขวายไปอ่านอะไรก็ไม่รู้ที่ยากชะมัดแบบนั้นน่ะ  คนเขียนก็ไม่ได้ความเลย  จะเขียนให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจง่ายๆ หน่อยก็ไม่ได้  ฉันทั้งอ่านทั้งเปิดดิกอยู่ตั้งนานเชียวนะเฟ้ย!”  เจ้าหนุ่มผมทองบอกพร้อมบ่น  แก้มกลมป่องขึ้นมาเหมือนปลาทองโกรธ

ทาคุโร่ยิ้มกว้างแล้วหลบตาคนรัก  ยกมือขึ้นเกาจมูกอย่างเขินอาย  จิโร่ทำเพื่อความปรารถนาของเขาถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่  เขานึกมาตลอดว่าจิโร่ไม่ได้อินังขังขอบอะไรกับเรื่องลูกแล้วปล่อยให้เขาคิดมากอยู่ตามลำพังคนเดียว  เขาไม่เคยรู้เลยว่าที่รักของเขาจริงจังกับเรื่องนี้ยิ่งกว่าเขาเสียอีก  ถึงขนาดไปอ่านหนังสือทางการแพทย์เพื่อเก็บข้อมูลนี่ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือคนที่นั่งตรงข้ามเอาไว้แน่น  มองสบตากลมโตนั้นด้วยแววปลาบปลื้มและซาบซึ้งอย่างที่สุด...ไม่ว่าพวกเขาจะมีลูกด้วยกันได้หรือไม่ก็ตาม  แต่ความรู้สึกเดียวของเขาที่ชัดเจนที่สุดในตอนนี้คือ  เขารักคนตรงหน้าคนนี้หมดหัวใจ

จิโร่หน้าแดงเรื่อไปทั้งหน้าเมื่อดวงตาคมจ้องมองมาตรงๆ  ทาคุโร่เป็นคนที่เปิดเผยเสมออยู่แล้ว  ดังนั้นความรู้สึกที่มีจึงถ่ายทอดออกมาทางดวงตาจนหมดสิ้น  และดวงตาคู่นั้นเอง...ที่ทำให้เขาหลงรักผู้ชายคนนี้อย่างไม่มีข้อสงสัยนับตั้งแต่วันที่ถูกสารภาพรัก

“ไหนๆ คืนนี้ก็ไม่ได้นอนแล้ว  วันนี้ปิดร้านแล้วตอนบ่ายเราไปหาหมอกันดีมั้ย?”  ร่างสูงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แสนจะมีความสุข

“รีบร้อนขนาดนั้นเลย?”  จิโร่ย้อนถามยิ้มๆ

“ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือ  ฉันรอไม่ได้อีกแล้วแม้แต่วินาทีเดียว  อยากจะไปหาหมอเสียตอนนี้ด้วยซ้ำ  แต่หมอคงยังไม่อยากจะทำงานหรอก”  ทาคุโร่บอก

“โอเค...งั้นเก็บโต๊ะก่อน...”  ร่างเล็กดึงมือออกจากการเกาะกุมอย่างนุ่มนวล  แล้วค่อยๆ เก็บถ้วยแก้วที่ใช้เมื่อคืนไปล้าง  “ถ้า...ได้ลูกน่ารักๆ เหมือนโทโนะกับเทกโกะก็ดีสินะ”

“นั่นสินะ...”

**********

 

แสงสว่างวาบขึ้นที่ซอกตึกลับตาคนแห่งหนึ่งตอนเที่ยงคืนครึ่งของวันที่  31  ตุลาคม  เมื่อแสงนั้นวับหายไปก็ปรากฏร่างของเด็กหนุ่มสองคนแทนที่

“ไม่ได้มาตั้งหลายปีแล้วเนอะ  เทกโกะ”  เด็กหนุ่มผมดำที่มีหูและหางแมวสีดำ  ดูด้วยตาแล้วน่าจะอายุราวๆ  16 – 17  ปีพูดกับคนที่มาด้วยซึ่งมีหูแมวและหางแมวสีขาว

“นั่นสิ  โทโนะ  ไม่รู้ว่าเขายังจะจำเราได้มั้ยนะ”  คนที่ถูกเรียกว่าเทกโกะพูดพร้อมพยักหน้ารับ  เขาดูอายุน้อยกว่าโทโนะนิดหน่อย

“อื้ม...ประตูฮาโลวีนไม่เคยเปิดมาที่เมืองนี้อีกเลยตั้งแต่ปีนั้นน่ะ  กว่าจะหาทางมาได้ก็ใช้เวลาตั้งเป็นสิบปี”  โทโนะมองไปรอบๆ ตัว  “ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”

“รอให้เช้าสักหน่อยแล้วเราค่อยไปหาพวกเขาดีไหม?”  เจ้าแมวหนุ่มสีขาวเดินนำพี่ชายออกไปจากซอกตึก

“ไปเดี๋ยวนี้เลยดีกว่า  ฉันอยากรู้ว่าเขาจะยังเปิดร้านกาแฟกันอยู่หรือเปล่า”  โทโนะเดินตามหลังน้องชายออกไป

“ที่นั่นเป็นร้านกาแฟจริงๆ น่ะเหรอ  ฉันไม่เห็นจำได้เลย  จำได้รางๆ ว่ามันเป็นบ้านที่ดูวุ่นวายแล้วก็มีคนเข้าออกเยอะแยะยังไงไม่รู้”  เทกโกะขมวดคิ้วเพื่อทบทวนความทรงจำวัยเด็ก

“นายยังเด็กมากนี่”  โทโนะพูดแล้วก็กลายร่างเป็นแมว  “ไปในร่างนี้ดีกว่า  จะได้ไม่สะดุดตาคนนะ”

“อื้ม”  พูดจบก็มีแมวสีขาวยืนอยู่แทนที่ชายหนุ่มทันที

 

“แง...”  เสียงร้องไห้ของเด็กเล็กดังขึ้น  ตามมาด้วยแสงไฟที่ชั้นบนของร้านกาแฟเล็กๆ เปิดพรึ่บทันที

ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ ตะกายลงจากเตียงไปที่เปลเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ข้างเตียง  เขาช้อนอุ้มเจ้าตัวน้อยในเปลขึ้นมาเขย่าปลอบเบาๆ แล้วก็เดินโซเซไปควานหาขวดนมที่ใส่นมผงไว้แล้วกับกระติกน้ำร้อน  ผสมแล้วเขย่ากันจนเข้าที่ก็เอาใส่ปากเจ้าตัวเล็กซึ่งก็หยุดร้องแต่โดยดี

“อืม...ทาคุ  ลูกร้องอีกแล้วเหรอ?”  เสียงหนึ่งงัวเงียถามมาจากบนเตียง

“อื้ม  ฉันให้นมแล้วหละ  นายนอนไปเถอะ  จิโร่”  ร่างสูงหันไปบอก

“อือ...อ้าว  เจ้านี่ก็ตื่นด้วยเลย”  ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลทองที่ยุ่งนิดๆ จากการนอนพูดขึ้นเมื่อหันไปเห็นเจ้าตัวเล็กที่นอนอยู่ข้างๆ ลืมตาแป๋วจ้องมองเขา

“อา...ป๊า  กิงโนม...”  เสียงที่ยังเอ่ยถ้อยคำไม่ชัดเจนนักร้องบอก

“มาอยากกินอะไรตอนนี้เล่า”  ปากก็ว่าไปอย่างนั้น  แต่จิโร่ก็อุ้มลูกชายคนโตขึ้นนั่งแล้วเดินงัวเงียไปชงนมให้ลูก

“อิจฉาน้องหละสิ  ถึงได้ร้องกินนมด้วยน่ะ”  ทาคุโร่พูดยิ้มๆ แล้วก็เดินไปนั่งที่เตียง

“อือ...”  เจ้าตัวน้อยที่อายุเกือบสองขวบแล้วตะกายมาเอาหัวเกยตักผู้เป็นพ่อ

“แย่เลย  น้องตื่นทีไรเจ้านี่ต้องตื่นด้วยทุกที”  จิโร่บ่น

“เอาน่า...”

เสียงแกรกกรากดังขึ้นที่หน้าต่างกระจก  ทำให้จิโร่หันไปดู  แล้วก็พบแมวสีดำกับสีขาวสองตัวอยู่ตรงนั้น

“เฮ้  แมวนี่  มาได้ยังไงกันเนี่ย”  เขาเดินไปเปิดหน้าต่างให้  ข้างนอกคงหนาวเกินไปสำหรับแมว  มันเลยพยายามขอเข้ามาในห้องเพราะไฟที่เปิดอยู่

แต่ทันทีที่เจ้าเหมียวทั้งสองแตะพื้นห้อง  ก็เกิดเสียง  “ป๊อป”  เบาๆ  แล้วก็มีเด็กหนุ่มสองคนยืนอยู่แทนที่

“เฮ้ย!!!!”  ทาคุโร่กับจิโร่ร้องออกมาพร้อมๆ กันด้วยความตกใจ

“ทักคุง!!  จี้จัง!!”  เด็กหนุ่มทั้งสองถลาเข้ามากอดพวกชายหนุ่มเอาไว้แน่น

“อะ...เอ้อ...โทโนะ...โทโนะกับเทกโกะใช่มั้ย?”  พอตั้งสติได้จิโร่ระล่ำระลักด้วยความดีใจ

“ใช่ครับ  ไม่เจอตั้งนาน  คิดถึงทักคุงกับจี้จังมากเลย”  โทโนะกอดจิโร่แน่น  ซึ่งก็ได้รับการกอดตอบที่แนบแน่นพอๆ กัน

“คิดถึงครับ...คิดถึงจริงๆ”  เทกโกะกอดทาคุโร่บ้าง  แต่แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรขวางอยู่ในอ้อมแขนของทาคุโร่  “เอ๋?  แล้วนี่...?”

“น้องน่ะ  เทกโกะ  ลูกของพวกฉันเอง”  ทาคุโร่บอกพร้อมกับยิ้มกว้าง

“ลูก?  มนุษย์ผู้ชายมีลูกด้วยกันไม่ได้ไม่ใช่เหรอครับ?”  ทั้งเทกโกะและโทโนะมีสีหน้าประหลาดใจ

“อืม...ต้องใช้วิธีการมากมายเลยแหละถึงจะมีได้น่ะ  กว่าจะได้สองคนนี้มาก็ใช้เวลาตั้งเกือบสิบปีแน่ะ”  ร่างสูงทำหน้าเหมือนจะเหนื่อยหน่าย  แต่ก็อิ่มเอมใจ

“ว้าว...”  เจ้าหนุ่มแมวทั้งสองทำหน้าทึ่งจัด

“แล้ว...น้องชื่ออะไรกันบ้างฮะ?”  เป็นโทโนะที่ถามขึ้น

จิโร่อุ้มลูกชายคนโตขึ้นมานั่งตัก  “เอ้า  ไหนบอกพี่เขาสิว่าเราชื่ออะไร”

เจ้าตัวน้อยจ้องคนแปลกหน้าทั้งสองสลับกันไปมาอยู่พักหนึ่ง  ก่อนที่จะยิ้มกว้าง  “เตรุ...เต๊กโกะคับ”

“เอ๋  ชื่อเทกโกะเหมือนผมเลยเหรอ?”  เทกโกะทำหน้าตื่นเต้นจ้องหนูน้อยที่ชื่อเดียวกันกับเขาด้วยตาเป็นประกาย  “คราวนี้เทกโกะเป็นพี่เหรอ?”

“ใช่...เพราะคนนี้เหมือนเธอไงล่ะ  ส่วนคนน้องนี่  โทโนะ”  ทาคุโร่บอกแล้วก็แนะนำเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนให้  ก่อนที่จะยิ้มให้เจ้าเหมียวทั้งสองอย่างอ่อนโยน  “เพราะพวกเธอนะ  ถึงทำให้พวกฉันได้มีเด็กๆ พวกนี้”

“เอ๋  พวกผมไม่ได้ทำอะไร...”

“เพราะพวกเธอมาหาพวกฉันเมื่อสิบปีก่อนน่ะสิ  ทำให้เราคิดอยากจะมีลูกกันอย่างจริงจังขึ้นมา...แล้วก็สมหวังจนได้”  จิโร่ลูบผมเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างนุ่มนวลเหมือนที่เคยทำเมื่อวันก่อนเก่าไม่มีผิด

โทโนะกับเทกโกะได้แต่ยิ้มอายๆ  ดูเหมือนว่าช่องว่างของเวลาสิบปีที่ผ่านไปไม่ได้มีผลอะไรกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย  จิโร่กับทาคุโร่ยังคงปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเมื่อครั้งที่หลงมาเป็นลูกชายจำเป็นอยู่เป็นอาทิตย์

“แล้วป่ะป๊ากับหม่ะม๊าล่ะ?”  ทาคุโร่ถามถึงพ่อแม่แมว

“เดี๋ยวจะมาตอนค่ำๆ ครับ  ต้องไปงานอะไรของพวกผู้ใหญ่ที่ทางโน้นก่อนแล้วจะตามมาครับ”  โทโนะบอก

“อืม...งั้นเดี๋ยววันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยดีกว่านะ  ที่รัก  แล้วไปเที่ยวกันให้สนุกไปเลย”  ทาคุโร่บอกกับจิโร่

“ได้สิ  แล้วจะเลี้ยงนมอุ่นๆ ทุกคนเลยนะ”  จิโร่พูดแล้วก็หัวเราะ

ทั้งสี่คนหัวเราะขึ้นมาพร้อมๆ กัน  เสียงหัวเราะเริงร่านั้นล่องลอยไปใต้แสงดาวท่ามกลางความสุขของวันฮาโลวีน...จากปีนี้ไป  เจ้าเหมียวทั้งสองคงต้องหาวิธีเปิดประตูมาที่เมืองนี้เพื่อเยี่ยมเยียนเด็กน้อยที่มีชื่อเดียวกับตนเองทุกปีเสียแล้วสิ...

 

//////////

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว