[YUZHOU]รักในตลาดสด(เซี่ยงไฮ้)
1
ตอน
7.3K
เข้าชม
92
ถูกใจ
61
ความคิดเห็น
84
เพิ่มลงคลัง

 

 

รักในตลาดสด(เซี่ยงไฮ้)

 

 

ในตอนสายๆ ของวันที่ย่านห้องแถวชานเมืองกรุงเซี่ยงไฮ้ ละแวกนี้คึกคักมีผู้คนผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเพราะมีร้านขายของเป็นแนวยาวและตลาดสดขนาดใหญ่อยู่ใกล้ๆ

 

หวงจิ่งอวี๋เป็นเด็กหนุ่มหล่อล่ำร่างตู้เย็นที่อาศํยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แถบนี้เช่นกัน เขามีพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัดแต่ก็เข้ามาปักหลักในเซี่ยงไฮ้ได้หลายปีดีดักแล้วแหละ

 

เนื่องจากจิ่งอวี๋เป็นเด็กหนุ่มสุดขยัน นับจากหอบเสื่อผืนหมอนใบออกมาจากตานตงเขารับทำงานมันทุกอย่างโดยไม่ปริปากบ่น ตั้งแต่รับจ้างแบกข้าวสารยาวไปถึงเดินพรมแดงเมืองคานส์ งานอะไรก็ได้ รับเป็นเงินบ้างรับเป็นของกินบ้าง จนผู้คนแถบนั้นเรียกเขาว่าหวงจิ่งอวี๋อเนกประสงค์ ทั้งเอ็นดูและหมั่นไส้บ้างปะปนกัน

 

“จิ่งอวี๋สุดหล่ออ่า ไปเฝ้าเขียงหมูร้านป้าให้หน่อยแป๊บเดียว” ป้าเหยียนคนข้างบ้านตะโกนพลางเคาะประตูห้องเช่าเรียกเด็กหนุ่มร่างตู้เย็นที่อยู่ด้านใน

 

ปกติแล้วถ้าดวงอาทิตย์ยังไม่ส่องHum หวงจิ่งอวี๋ก็ยังไม่ตื่นหรอก แต่เพราะคีย์เวิร์ดสำคัญที่ทำให้เขาจำใจต้องลุกขึ้นจากเตียง “หล่อขนาดไหนนะป้า”

 

ป้าเหยียนเบ้ปาก หากเธอก็จำเป็นที่จะต้องขอให้หวงจิ่งอวี๋ไปช่วยเฝ้าเขียงให้ตอนเที่ยงๆ ของวันนี้ เพราะคุณนายเจ้าของตลาดจะมาเก็บค่าแชร์พอดี แต่เธอว่าจะขอผ่อนไปอีกสักสองวันรอให้หวยออกก่อน เลยจะส่งเด็กหนุ่มหน้าตาดีๆ ไปเป็นทัพหน้า เผื่อว่าคุณนายจะใจอ่อน “หล่อที่สุดในโลกหล้า หล่อจนบิลเกตต์ยังต้องล้มละลาย หล่อจนมาร์คซักเกอร์เบิร์กยังต้องร้องไห้ หล่อจนสตีฟจอบส์ต้องกลับมาเกิดใหม่ หล่อพอรึยังวะ”

 

บานประตูห้องเช่าเปิดกว้าง ก่อนหวงจิ่งอวี๋จะก้าวออกมาช้าๆ เขายิ้มกว้างจนตีนกาขึ้นเป็นสิบริ้วพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมแบบสโลว์โมชั่น “แหม ชมกันขนาดนี้ ผมจะปฏิเสธก็คงไม่ได้”

 

ป้าเหยียนทำท่ามวนท้อง แต่ก็นะหวงจิ่งอวี๋น่ะหล่อจริงๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงเอาหัวหมูทุ่มใส่กบาลเขาให้ไปเกิดใหม่แล้ว “เฝ้าเขียงอย่างเดียวพอนะ ไม่ต้องขายหมูให้ เดี๋ยวป้าให้ค่าจ้างเป็นสันในครึ่งโล”

 

“เฝ้าอย่างเดียวเองอ่อ งานจิ๊บๆ แค่นี้ทำไมต้องเป็นผมด้วยล่ะ” หวงจิ่งอวี๋หันไปหยิบกระจกมือถือที่ด้านหลังเขาเอารูปเติ้งเชา ดาราในดวงใจของเขาติดกาวแปะไว้ขึ้นส่องดู แล้วยืดมือเข้าออกเพื่อเช็กว่าหล่อไร้ที่ติในระยะศูนย์เซนติเมตรไปจนถึงระยะสุดปลายแขน

 

“เฝ้าอย่างเดียวพอ” ป้าเหยียนรีบย้ำ เธอเคยหลงให้หวงจิ่งอวี๋ขายหมูแทนครั้งหนึ่ง เข็ดอย่างแรงเลยทีเดียว เพราะพอไอ้เด็กนี่ถูกลูกค้าชมว่าหล่อเข้าหน่อย มันก็เทเขียงแถมหมูให้เลย ขายแค่ห้านาทียังเกือบขาดทุน “คือว่าตอนบ่ายจะมีคนมาเก็บค่าแชร์ บอกเขาว่าอีกสองวันให้มาใหม่นะ”

 

“โหย ต้องใช้ความหล่อเยอะแบบนี้ สันในครึ่งโลไม่พอแล้วป้า”

 

ป้าเหยียนมองคอหนาๆ ของเด็กหนุ่มพลางถอนหายใจ “เดี๋ยวแถมคอหมูให้ด้วยเอ้า”

 

“อ่ะ ก็โอเค งั้นผมไปเลยนะ”

 

“เออ นั่งตรงเขียงอย่ายิ้มมากล่ะ เดี๋ยวแมลงวันโดนหนีบตายในร่องตีนกาแล้วร่วงเลอะหมูป้าอีก!” ป้าเหยียนตะโกนไล่หลัง

 

หากหวงจิ่อวี๋ไม่ใส่ใจฟัง เนื่องจากมัวแต่เคาะประตูถามทุกห้องที่เดินผ่าน “ผมหล่อยัง”

 

“เออ หล่อแล้วๆ” นั่นมักเป็นคำตอบที่ทุกคนตอบกลับมาให้หวงจิ่งอวี๋ได้ชื่นใจ

 

แม้เป็นคำถามที่ทุกคนได้ยินจนชินหูแต่ก็ไม่มีใครรำคาญ พวกเขาตอบกลับไปโดยอัตโนมัติเป็นเหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนแถบนั้นไปแล้ว

 

 

คฤหาสน์หลังงามกลางกรุงเซี่ยงไฮ้

 

ปกติแล้ววันนี้ของทุกเดือนคุณนายสวี่จะออกไปเก็บค่าแชร์กับเลขาฯ ของเธอ ทว่าครั้งนี้เธอไม่ว่าง จะส่งใครไปแทนก็ไม่วางใจ นอกจากลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นั่งเกากีต้าร์ไฟฟ้าอยู่ที่กลางห้องโถงหินอ่อนสุดอลังของบ้านเท่านั้น

 

“โจวโจวอ่า ไปธุระให้มามาหน่อย”

 

เสียงหวีดของกีต้าร์แปร่งไปในทันใด เจ้าของชื่อเรียกขมวดคิ้วพร้อมกับเงยหน้าขึ้น “มามาเรียกใคร”

 

“อ่าๆ ต้าเกอของมามา วันนี้มามาไม่ว่าง ไปเก็บค่าแชร์ที่ตลาดให้หน่อย” คุณนายสวี่เอ่ยกับเด็กหนุ่มผอมบางในเสื้อเชิ้ตสีอ่อนลายไฟไหม้กับกางเกงยีนขาดๆ ผมตั้งกระบังแบบร็อคๆ ร็อคเมืองไหนเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน ลูกชายบอกว่าร็อคเธอก็ว่าตามกัน ขี้เกียจจะเถียง

 

“ทำไมต้องผมไปด้วยอะ ผมซ้อมกีต้าร์อยู่มามาก็เห็น”

 

“ก็งานเก็บค่าแชร์มันต้องใช้คนแมนๆ ท่าทางน่าเกรงขามงี้ ไม่งั้นพวกแม่ค้าก็เบี้ยวไม่จ่าย นี่มามาก็ไม่เห็นใครแมนไปกว่าโจวโจว เอ๊ย ต้าเกอสวี่เสาเหล็กของมามาแล้วเนี่ย”

 

สวี่เว่ยโจวกระตุกยิ้มมุมปาก วางกีต้าร์ในมือลงทันควัน “เห็นว่ามามาขอร้องหรอกนะ ผมไปให้ก็ด้ะ” เขาเอื้อมมือไปรับโพยจดค่าแชร์จากมารดามาดูพับใส่กระเป๋ากางเกง คว้ากระเป๋าสะพายห้อยตุ๊กตาปิกาจูตัวโปรด แล้วลุกเดินออกจากห้องไป

 

เฮอะ เก็บค่าแชร์งั้นเรอะ งานจิ๊บๆ แบบนี้ สำหรับสวี่เว่ยโจวแล้วง่ายยิ่งกว่าถ่ายเซลฟี่เสียอีก

 

สวี่เว่ยโจวบึ่งรถมาเซอร์ราติที่เขาแปะสติ๊กเกอร์ปิกาจูไว้รอบคันออกจากคฤหาสน์ไปอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางก็หยุดทดลองกดแตรเสียงดัง ปิ๊ก๊าปิก๊า ที่เขาสั่งพิเศษให้รถมาเซอร์ราติของเขากวนประสาทชาวบ้านเล่นสักหน่อย

 

ขับรถต่อไปอีกสักพักก็ไปจอดเอี๊ยดอยู่ที่ลานจอดรถตรงที่จอดวีไอพีหน้าตลาดสดที่หมาย มือเรียวกดเปิดกระจกรถลง ตามด้วยกดเลือกเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้แล้วเปิดเสียงดังๆ ก่อนจะก้าวลงจากรถอย่างมาดมั่น

 

โป๊ก!

 

ศีรษะโขกกับขอบประตูรถอย่างแรงจนทำให้เด็กหนุ่มต้องทรุดตัวกลับลงไปนั่งที่บนเบาะอย่างเดิม เขายกมือขึ้นกุมศีรษะแล้วร้องโอดโอย

 

“โอย... ไอ้เหล็กเหี้ยนี่แข็งชะมัด ไม่น่าซื้อมาเซอร์ฯ มาขับให้เจ็บกบาลเลยแม่ง”

 

สวี่เว่ยโจวส่ายหน้าไปมา จากนั้นจึงก้าวลงมาจากรถอีกครั้ง คราวนี้ระวังศีรษะดีแล้ว แต่เสือกไม่ทันมองเสาตรงหน้า

 

โป๊ก!

 

“Shit! ใครแม่งเอาเสามาตั้งไว้ตรงนี้วะ! แม่งกว่าจะพ้นลานจอดรถเพลงจบพอดี” เด็กหนุ่มเดินเซไปพิงกับตัวรถ ขณะที่ยกมือขึ้นคลึงหัวโนบนหน้าผาก

 

“คุณชายสวี่มาเร็วโว้ย! เก็บของๆ!”

 

เมื่อพวกแม่ค้าในตลาดได้ยินเสียงโวยวายจากรถมาเซอร์ราติซึ่งมีลวดลายแบบที่มองเห็นครั้งเดียวก็จำได้ไม่มีวันลืม พวกเขาก็รีบออกมาเก็บของที่หน้าร้านหลบเข้าไปในร้านกันเป็นพัลวัน ไม่ใช่ว่าหลบไม่จ่ายค่าแชร์ แต่หลบให้พ้นทางเดินสวี่เว่ยโจวต่างหาก ไม่อย่างงั้นเด็กหนุ่มจะเดินเตะข้าวของล้มระเนระนาดกระจัดกระจายหมด

 

“Shit! Shit! Shit!” เสียงสวี่เว่ยโจวสบถดังลั่นเมื่อสะดุดบันไดขั้นเกือบสุดท้ายตอนที่ก้าวเข้ามาในตลาด ดีที่เขายังประคองตัวไว้ได้ ไม่งั้นหัวทิ่มเจิมปูนซีเมนต์แน่นอน

 

แม่ค้าห้าหกคนเดินถือซองใส่ค่าแชร์มายืนรอที่ปากทางเข้าตลาด “คุณชายรอข้างนอกก็ได้ เดี๋ยวเอาค่าแชร์ไปให้” พวกเธอจะได้ไม่ต้องขนของหลบจากหน้าร้านให้เหนื่อย

 

คุณชายสวี่คนแมนทำหน้าขรึมแล้วส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไร ผมชอบเดินดูของในตลาดไปด้วยน่ะ” พอพูดจบก็รับซองค่าแชร์มาพลางสาวเท้าเข้าไปภายในตลาด

 

ทางด้านหวงจิ่งอวี๋ที่นั่งหน้ามึนอยู่หลังเขียงหมู เขาขมวดคิ้วมองพวกแม่ค้าพ่อค้าในตลาดขนของออกจากหน้าร้านกันวุ่นวายแล้วก็ได้แต่สงสัย ถึงกับต้องหลบกันขนาดนี้ คุณนายที่มาเก็บค่าแชร์คงน่ากลัวน่าดู แต่ไม่เป็นไรเขาไม่กลัว เพราะยังไงเขาก็หล่อ หล่อมาก หล่อฉิบหายวายวอด หล่อล้มละลาย หล่อนรกแตก

 

มือหยาบหยิบอีโต้สับหมูขึ้นมาส่องแทนกระจกเพื่อเช็กความหล่ออีกครั้ง เขาเตรียมพร้อมรับมือกับคุณนายเต็มที่แล้ว มาสักที หวงจิ่วอวี๋คนนี้กระสันอยากจะโชว์ความหล่อให้โลกได้รับรู้เหลือเกินแล้วโว้ย!

 

หากคนที่เดินตรงเข้ามาที่ร้านไม่มีวี่แววว่าจะเป็นคุณนายของใครที่ไหน แต่เป็นเด็กหนุ่มที่น่าจะอายุน้อยกว่าเขาอยู่สองสามปี หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูไม่เบา เขายิ้มรับรอให้เด็กหนุ่มเดินเข้ามาหาที่ร้าน

 

สวี่เว่ยโจวลดมือลงจากหัวโนมาขยับแว่น ทำให้ไม่ทันเห็นทางระบายน้ำตรงหน้า ซึ่งระดับนี้แล้วมีหรือที่เขาจะพลาดไปได้ เด็กหนุ่มก้าวลงไปในทางระบายน้ำเองโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่คิดว่ามันคงมีแรงดึงดูดคนเช่นเขาเป็นแน่

 

“ผมมาเก็บ อะ!”

 

ร่างผอมบางถลาเข้าไปเกาะหัวหมูหน้าร้าน ก่อนจะล้มลงแล้วโดนหัวหมูอีกสามหัวร่วงลงมาทับซ้ำ “โอ๊ย Shit! Shit! นี่มันวันอะไรวะ!”

 

“วันจันทร์ไง บ้านไม่มีปฏิทินเหรอ” หวงจิ่งอวี๋ชะเง้อมอง จากนั้นจึงลุกขึ้นพาร่างตู้เย็นเดินออกไปดูสภาพหัวหมูที่ด้านหน้าร้าน “หัวหมูเลอะหมดเลยอะคุณ” เขาพูดพลางยกหัวหมูขึ้น “เอ๊าลุกไหวมั้ยเนี่ย เฮ้ย! คุณ!”

 

สติของสวี่เว่ยโจวพร่าเลือน ไม่ใช่เพราะความหล่อของคนตรงหน้า แต่เพราะโดนหัวหมูตกใส่ศีรษะเข้าอย่างจัง และก่อนที่จะหมดสติไปเขาเห็นว่าคนตัวโตๆ ตรงหน้าถลาเข้ามาประคองตัวเขาไว้

 

“เป็นอะไรมั้ยคุณ!” สองมือใหญ่เท่าใบลานเขย่าร่างผอมบางของคุณชายรัวๆ

 

“Fucking asshole! จะเขย่าหาพ่องส์รึไงวะ ไส้จะไหลออกจากปากแล้วโว้ย” คุณชายสวี่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายลุกขึ้นมาด่า จากนั้นจึงทรุดฮวบลงไปอีกครั้ง

 

“อ้าวๆ ไม่เขย่าก็ได้ ยังไม่ตายนะ”

 

มือขาวเอื้อมออกไปเกาะท่อนแขนมโหฬารไว้ด้วยแรงเท่าที่มี “จ่าย... ค่าแชร์... ด้วย...” สวี่เว่ยโจวเอ่ยก่อนจะหมดสติไป

 

“โอ้โห คุณชายเจอความหล่อจิ่งอวี๋เข้าไป ถึงกับเป็นลมเลยเว้ย!” แม่ค้าร้านข้างๆ ตะโกนเสียงดังพร้อมกับกวักมือเรียกให้คนมาช่วยเป็นลูกคู่

 

“เนี่ยจิ่งอวี๋ เพราะความหล่อของแกเห็นไหม ต้องรับผิดชอบคุณชายด้วย รีบพาไปหาที่พักก่อนเร็ว” พ่อค้าอีกร้านเข้ามาช่วยชง จุดประสงค์ก็เพื่อจะให้พาคุณชายออกไปพ้นตลาดสดก่อน ไม่อย่างนั้นตื่นมาคุณชายคงจะพังตลาดต่อแน่ๆ

 

หวงจิ่งอวี๋ได้ยินเช่นนั้นก็ยกมือขึ้นกุมศีรษะ สีหน้าลำบากใจเล็กน้อยแต่พอใจกับความหล่อมาก เขาเปรยกับตัวเองเบาๆ “อาห์ ความหล่อช่างเป็นภัย” จากนั้นจึงอุ้มคุณชายสวี่ขึ้นแนบกายแล้ววิ่งหายไปในสายลม

 

“เวรกรรม แล้วจะพาไอ้หมอนี่ไปไว้ไหนดีวะ” เขาเดินอุ้มคุณชายผ่านมาสามเซเว่นฯ แล้ว บ้านคุณชายอยู่ไหนก็ไม่รู้สักหน่อย แล้วทำไมเขาไม่เสือกถามคนในตลาดก่อนจะวิ่งห้อแรดออกมา

 

ด้วยความที่เดินวนอยู่นานจนเริ่มเมื่อยขา เขาจึงตัดสินใจพาคุณชายไปที่ห้องเช่ารูหนูของตน

 

แขนแกร่งวางร่างผอมของคุณชายลงบนฟูก กดสวิตช์เปิดพัดลมเพดานแล้วจึงนั่งลงบนพื้นข้างๆ กัน “วันๆ กินอะไรบ้างรึเปล่าเนี่ย ตัวเบาอย่างกับข้างในมีแต่ลม”

 

หวงจิ่งอวี๋เพ่งพิจารณาคนที่นอนนิ่งหัวโนอยู่บนเตียง เสื้อก็โดนไฟไหม้ กางเกงก็ขาด ไอ้หมอนี่จะใช่คุณชายสวี่ที่เขาว่ากันจริงหรือ ดูยังไงก็เหมือนลูกไล่ของคุณนายที่ถูกส่งมาเก็บค่าแชร์ซะมากกว่า

 

“ถ้านายไม่ใช่คุณชายสวี่ นายก็ควรจะไปฟ้องกรมแรงงานได้แล้ว นี่คงอดๆ อยากๆ มากสินะ คุณนายคงใช้แรงงานนายหนักมากแน่ๆ” เขาบ่นไปพลางเอื้อมมือไปหยิบยาทาหัวโน แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เพื่อทายาให้

 

สักพักคุณชายสวี่ก็ลืมตาขึ้น

 

“ฟื้นแล้วเหรอ” หวงจิ่งอวี๋ยิ้มกว้างจนใบหน้าแตกริ้ว

 

สวี่เว่ยโจวค่อยๆ ลุกนั่งเขาหันมองไปรอบๆ ห้องอย่างงงๆ “ที่นี่ที่ไหนน่ะลุง”

 

“ใครเป็นลุง! นี่หวงจิ่งอวี๋! คนที่หล่อจนนายเป็นลมไง”

 

“หล่อจนใครเป็นลมนะ”

 

“นายไง”

 

คุณชายสวี่นิ่งอึ้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดัง “ลุงนี่ขำฉิบหายเลยอะ”

 

“ไม่ใช่ลุง นี่หวงจิ่งอวี๋”

 

“เออๆ จิ่งอวี๋ก็จิ่งอวี๋”

 

“แล้วนายชื่ออะไร”

 

“สวี่เว่ยโจว”

 

“นายคือสวี่เว่ยโจว ลูกคุณนายสวี่จริงๆ น่ะเหรอ” หวงจิ่งอวี๋กวาดสายตามองอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้าอีกรอบ เสื้อผ้าขาดๆ ไหม้ๆ แบบนี้ หรือตระกูลสวี่จะไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่เล่าลือกันวะ

 

“เอ๊า มองไร ของจริงเสียงจริงเลยแหละ”

 

“โอเค สวี่เว่ยโจวก็สวี่เว่ยโจว ฟังนะที่นี่คือห้องของฉัน นายเป็นลมในตลาด ฉันเลยพานายมาพักที่นี่”

 

สวี่เว่ยโจวพยักหน้าหงึกหงัก “ขอบคุณ” ก่อนจะเอามือตบๆ ตามตัว “ฉิบหายค่าแชร์ล่ะ!”

 

“กระเป๋านายอยู่ตรงนั้น ส่วนของร้านขายหมูป้า เขาขอเวลาอีกสองวัน” ชายร่างตู้เย็นชี้ไปที่กระเป๋าสะพายตรงหัวเตียง

 

คุณชายสวี่รีบคว้ากระเป๋ามาเปิดนับซอง ถ้าขาดหายไปสักซองล่ะก็ เขาต้องโดนมามาเอาคอลเลคชันปิกาจูในห้องไปเผาแน่ๆ

 

โชคดีที่ซองที่เก็บมายังอยู่ครบ เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เอ๊ะ!? ทำไมกระเป๋ามันโล่งๆ

 

“ปิกาจูหายอ้า!!!” สวี่เว่ยโจวร้องลั่นเหมือนโดนอะไรทิ่มตูด เขาลุกขึ้นพรวด เดินวนไปวนมาอยู่ภายในห้อง “ปิกาจูฉัน ปิกาจูววววว~”

 

หวงจิ่งอวี๋มองตามอีกฝ่ายอย่างสงสาร ดูสิตะลีตะลานเช็กค่าแชร์ ทั้งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาสติยังไม่ทันสมประกอบเลยด้วยซ้ำ

 

“ปิกาจูอะไร”

 

“ตุ๊กตาปิกาจูไง ตัวสีเหลืองๆ ฉันห้อยมันไว้ที่กระเป๋า”

 

“สงสัยจะตกระหว่างทาง”

 

“นายพาฉันไป…”

 

โป๊ก!

 

สวี่เว่ยโจวเดินชนประตูห้องเสียอย่างนั้น เขาทรุดตัวลงนั่งกุมศีรษะ “โว้ย! รอบที่เท่าไหร่แล้ววะ!”

 

หวงจิ่งอวี๋ลูบหัวโนให้คุณชายสวี่เบาๆ นึกสงสารอีกฝ่ายจับใจ “นายรออยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวฉันไปหามาให้”

 

“เฮ้ย จะดีเหรอ”

 

“เออ นั่งรอเฉยๆ ถ้าออกไปเดินหาแล้วชนเสาไฟฟ้าหัก คืนนี้ฉันจะไม่มีไฟฟ้าใช้ เข้าใจไหม”

 

ชายหนุ่มร่างตู้เย็นรีบรุดออกจากห้องไป หายไปสักพักใหญ่ก็กลับเข้ามา เขาส่งตุ๊กตาปิกาจูคืนให้สวี่เว่ยโจวทั้งยังหอบหนักๆ เหงื่อไหลโซมกาย “เอ้า ปิกาจูของนาย”

 

คุณชายสวี่เอื้อมมือไปรับตุ๊กตาปิกาจูคืน

 

“ของสำคัญมากสินะ”

 

สวี่เว่ยโจวพยักหน้า “มามาให้ไว้ มันเป็นปิกาจูปลุกเสก ให้ติดตัวไว้จะได้เจอแต่คนดีๆ” เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตากับหวงจิ่งอวี๋ ริมฝีปากอวบอิ่มคลี่ยิ้ม “ขอบคุณมาก”

 

รอยยิ้มน่ารักของคุณชายสวี่สะเทือนทุกชั้นไขมันของหวงจิ่งอวี๋เลยทีเดียว เขายกมือขึ้นเกาพุงกะทิแก้เขิน “เอ้อ นายหิวหรือยัง ฉันวิ่งไปวิ่งมาหิวเลย กินอะไรกันหน่อยไหม”

 

“หา” ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ เขาหันมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งก็ยังไม่พบอะไรที่น่าจะกินได้ในห้องนี้ “นายมีอะไรกินด้วยเหรอ”

 

“มี รอเดี๋ยว”

 

ชายหนุ่มร่างตู้เย็นลุกไปต้มน้ำ หยิบบะหมี่สำเร็จรูปแบบถ้วยมาเปิดรอไว้ เมื่อน้ำเดือดแล้วก็เทน้ำใส่ จากนั้นจึงยกมาให้คุณชายสวี่

 

“เอ้ากินๆ”

 

สวี่เว่ยโจวเบิกตากว้าง เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นบะหมี่ถ้วยใกล้ๆ ครั้งนี้จะได้ลองชิมซะด้วย เขาเห็นในโฆษณาในโทรทัศน์มาหลายครั้งแล้ว อยากจะกินมามาก็ไม่เคยอนุญาตสักที

 

“ขอบคุณ” นิ้วเรียวจับตะเกียบ แล้วจัดการกับบะหมี่อย่างมีความสุข “อาห์ ฟิน”

 

หวงจิ่งอวี๋หัวเราะ “นายเป็นคุณชายจริงๆ น่ะเหรอ”

 

“คุณชายที่ไหนเขากินบะหมี่ถ้วยกันเล่า” สวี่เว่ยโจวยกถ้วยขึ้นซดโฮก พออิ่มแล้วก็เอนหลังพิงข้างฝา สักพักก็เรอออกมาเอิ๊กใหญ่

 

ดวงตากลมโตจับจ้องเจ้าของห้องที่กำลังเก็บซากถ้วยบะหมี่ไปทิ้ง มือเรียวล้วงเข้าไปควานหากระเป๋าสตางค์ในกระเป๋าสะพาย ก่อนจะหยิบธนบัตรใบละร้อยหยวนออกมา “เอ้า ค่าตอบแทน”

 

จิ่งอวี๋มองแรงใส่อีกฝ่าย “เฮ้ย ไม่เอาค่าอะไร”

 

“ค่าช่วยไง”

 

“อันนี้เขาเรียกว่าน้ำใจ”

 

“แล้วบะหมี่ล่ะ”

 

“ก็น้ำใจ”

 

สวี่เว่ยโจวจับจ้องชายหนุ่มร่างตู้เย็นเขม็ง นี่มันต้องเป็นอิทธิฤทธิ์ของปิกาจูแน่ๆ ที่ทำให้เขาได้มาเจอคนดีๆ อย่างหวงจิ่งอวี๋แบบนี้

 

“จะกลับยังจะได้ไปส่ง”

 

คุณชายสวี่ยิ้มระรื่น “กลับแล้วมาอีกได้มั้ยอะ”

 

“อยากมาก็มา ถ้าไม่ไปทำงานฉันก็อยู่ที่นี่ตลอดแหละ” หวงจิ่งอวี๋ยิ้มรับ จากนั้นก็พาอีกฝ่ายไปยังจักรยานที่จอดพิงกำแพงห้องเช่าไว้ “มาๆ ซ้อนข้างหลังนี่”

 

สวี่เว่ยโจวก้มลงมองจักรยานรุ่นดึกดำบรรพ์อย่างเกรงๆ ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนนั่งไปด้วยกันนี่ มันจะระเบิดแข่งกับซัมซุงไหมวะ

 

“ขึ้นมาเหอะน่า”

 

เอาวะ ลองดูก็ได้

 

คุณชายสวี่ก้าวขึ้นไปซ้อนด้านหลัง แขนเรียวโอบร่างตู้เย็นไว้แทบไม่รอบ

 

“จะให้ไปส่งที่ไหนดี”

 

“หน้าตลาด ฉันจอดรถไว้ที่นั่น”

 

“โอเคจับดีๆ ล่ะ” หวงจิ่งอวี๋หันกลับมายิ้มย่นให้ ก่อนจะเริ่มต้นถีบจักรยานออกไปช้าๆ

 

คุณชายสวี่ซบใบหน้าลงบนแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ราวกับทุ่งสะวันนา “ยินดีที่ได้รู้จักนะ หวงจิ่งอวี๋”

 

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน โจวโจว”

 

 

END

 

เห็นว่าตอนนี้กำลังฮิต fictober กันฮัสกี้เลยขอเล่นด้วยคนนะคะอิอิ

ฟิคเรื่องนี้ขอมอบให้กับเพื่อนๆ ทุกคนในด้อม heroinwebseries ที่หลงมาอ่าน แหะๆ และเพื่อนอีกหลายคนที่ช่วยแปลข่าวของน้องๆให้ได้ติดตามอยู่เสมอค่ะ

หวังว่าฟิคหยูวโจวเรื่องนี้จะทำให้ทุกคนยิ้มได้บ้าง ระหว่างรอโมเม้นจากพิโจวกับน้องจิ่งนะคะ

ขอบคุณค่า

 

ปล. เข้ามาแก้เว้นวรรคแล้วค่ะ ไม่รู้ทำไมลงแล้วเว้นวรรคหายทั้งหน้าเหลย ฮรืออออ

 

**ไม่อนุญาตให้นำฟิคไปรีโพสต์ที่อื่นนะคะขอบคุณค่ะ

 

 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว