youtube 

 

ชาติหน้าฉันท์ใด ข้าขอให้ไม่ต้องเกิดมาพบเจอเขาอีกไม่ว่าเขาจะเกิดเป็นผู้รากมากดีแค่ไหนก็ตามเรา จะไม่มีทางได้เป็นคู่กันอีกต่อไป  ชาติเดียวก็เกินพอ” 

เสียงฟ้าคำรามก้องคล้ายรับรู้คำสาบาน หยาดน้ำใสไหลไม่หยุดความน้อยเนื้อต่ำใจและความเศร้าโศกปะปนกันไปเธอไม่รู้ว่าความเศร้านั้นเกิดจากอะไร 

เดือนพฤศจิกายน  ปี   2559 จังหวัดเชียงใหม่ 

หญิงสาวร่างบอบบางใบหน้าสวยเข้ารูป ผิวขาว ดวงหน้าไร้เครื่องสำอางใด 

ๆตกแต่ง 

เดินหอบข้าวของพะรุงพะรังออกจากอาคารพานิชแห่งหนึ่งแฟ้มเอกสารที่ถือมาด้วยล่วงลงสู่พื้น ด้วยท่าทาง รีบร้อน รีบเร่ง อันเกิดจากบุคลิกส่วนตัวที่เป็น คนคิดไวทำไว เธอทรุดตัวลงลงเก็บ ของกับพื้นก่อนที่ที่จะลุกขึ้นเป็นผลให้ร่างบอบบางชนเข้ากับร่างหนึ่งอย่างจัง ร่างเธอเซถลาก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั้นจะคว้าไว้ได้ 

“ขอโทษค่ะ” ดวงตาเศร้าทว่ากระตือรือร้น ช้อนสายตาขึ้นมองร่างสูงใหญ่ ใบหน้าคมเข้มคล้ายคนที่หยิ่งยโสทว่าใบหน้านั้นกลับหล่อเหลาชวนหลงใหล เธอไม่แน่ใจว่าเคยพบเขาที่ไหนมาก่อน ดวงตาสีสนิมเหล็ก ค่อนข้างแสดงออกถึงความไม่พอใจดวงตาทะนงนิด 

 

นั้น ไม่แยแสเธอด้วยซ้ำ เขาปล่อยมือจากแขนเล็กบอบบาง 

เธอยังคงหอบข้าวของเอาไว้เต็มอ้อมแขน เขาไม่แม้แต่จะตอบรับคำขอโทษร่างสูงใหญ่แต่งกายสุภาพด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีซีดซึ่งเป็นการแต่งกายแบบคนตะวันตก ไม่เหมือนผู้ชายไทยทั่วไป ที่จะใส่กางเกงสีเข็มกว่าเสื้อ เด็กหนุ่มคนหนึ่งอายุคงรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ วิ่งตามมาจากรถหรูที่จอดอยู่ เขาก้มตัวโค้งให้เธอแทนเขา 

“ บอสไม่เป็นไรใช่ไหมครับ” น้ำเสียงที่แสดงความห่วงใยที่ฟังดูร้อนรน  คนที่ถูกเรียกว่า บอส ไม่ตอบยังคงยืนเอามือไพล่หลัง เขาพยักหน้ามาที่เธอสองสามที เด็กหนุ่มท่าทางสุภาพ หันมาทางเธอ รอยยิ้มบาง 

 

ที่มุมปาก 

“ คุณล่ะเป็นอะไรไหม” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยแบบซื่อ 

 

“ ไม่เป็นไรค่ะ “เด็กหนุ่ม หันไปทางคนข้าง 

 

ด้วยอาการสำรวมขยับปากจะบอกเล่าคำตอบของเธอร่างสูงยกมือห้ามเหมือนกับจะบอกว่าเขาได้ยินแล้ว 

“คราวหลังเดินระวังหน่อยนะ” ไม่ได้เป็นใบ้นี่นา เธอคิด เสียงทุ่มนุ่มหู แต่แฝงไว้อาการตำหนิติเตียน เธออยากจะแลบลิ้นให้เสียตรงนั้นแต่ว่าไม่ทันแล้วเพราะร่างสูงได้ก้าวยาว 

 

จากไปพร้อมด้วยเด็กหนุ่มที่หันมายิ้มหวานให้เธอก่อนไป เธอเองยิ้มเก้อ 

 

ให้เขาเหมือนกัน 

พิมพ์จันทร์  เด็กสาวบ้านนอกไม่เคยจะเห็นใครที่มีท่าทางหยิ่งยโสแบบนี้มาก่อน เธอสลัดความรู้สึกขุ่นมัวทิ้งไปก่อนจะเดินหอบข้าวของพะรุงพะรังนั้น มายังร้านก๋วยเตี๋ยวขาประจำ  เธอออกสมัครงานทุกวันย่างเข้าวันที่ห้าแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะได้งานเธอออกเดินสมัครงานแถวละแวกใกล้ที่พัก เงินที่สะสมไว้ก็เริ่มร่อยร่อก๋วยเตี๋ยว ชามละ25บาท จึงเป็นที่พึ่งสุดท้าย เธอเริ่มหดหู่กับการต้องมาใช้ชีวิตในเมืองแบบนี้ พ่อแม่ที่อยู่ทางบ้านจะเป็นอย่างไรบ้าง ข่าวคราวของเธอที่เรียนจบปริญญา นำความปลาบปลื้มใจไปสู่พ่อและแม่ แต่ใครจะรู้ว่าเธอต้องแบกรับภาระและความหวังไว้มากแค่ไหน บริษัท อสังหาริมทรัพย์ แห่งนี้คงเป็นที่สุดท้ายในวันนี้ เพราะแข้งขาที่อ่อนล้าจากการเดินตั้งแต่เช้าตรู่ของเธอ มันฟ้องเธอว่า ไม่ไหวแล้ว เธอใช้มือบีบนวดมันเบาแต่อาการปวดเมื่อยยังคงอยู่ 

เธอเดินทอดน่องกลับมาทางเก่าเพื่อกลับไป ยังที่พัก ผ่านตึกสูงที่เข้าไปยื่นเอกสารสมัครงานเมื่อตอนบ่าย พลันสมองก็กลับไปคิดถึงเหตุการณ์ ที่ผ่านมา ผู้ชายอะไรน่าตาก็ดีแต่ขี้เก๊ก เธอทรุดตัวลงนั่งตรงบันไดทางขึ้นตึกซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ผู้คนเริ่มบางตาเหยียดขาออกทั้งสองข้างวางเอกสารและข้าวของที่ถือมานั้นไว้ข้างลำตัว ใช้มือบีบนวดบริเวณน่องขาที่โผล่พ้นชายกระโปรง ทำให้อาการเมื่อยล้าค่อยทุเลาลงไป 

นั่งไปนั่งมาพิมพ์จันทร์เริ่มทบทวนเรื่องราวต่างที่ผ่านมา  ฉับพลันนั้นเอง สุนัขพันธ์ปอมฯขนปุกปุยตัวหนึ่ง มาจากทางไหนก็ไม่รู้วิ่งขึ้นมานั่งบนตักของเธอ เธอตกใจสุดขีดแต่ก็ตั้งสติได้ ใช้มือบางยกตัวมันลงไปแต่มันกลับวิ่งขึ้นมานั่งที่เดิม 

“ หนูนิว อยู่ไหน มานี่เร็ว” เสียงทุ่มนุมหูดังอยู่ข้างหลังของเธอ เธอหันหลังกลับไปทางต้นเสียงเป็นความประทับใจแรกทีเดียว  ร่างสูงสง่าทว่าผิวขาว ใบหน้าหล่อเหลาคล้ายกับรูปสลัก แววตาอ่อนโยน และเป็นมิตร 

“อ้าวหนูนิวมาหาพ่อเร็วลูก อย่าไปกวนพี่สาวเขาเลย” น้ำเสียงมีแววขบขัน ใบหน้าเปื้อนยิ้มช่างสะดุดตานัก รูปร่างสูงโปร่งเหมือนนายแบบหรือนักแสดงวัยรุ่นนั้น ยิ่งทำให้รอยยิ้มดูอบอุ่นและนุ่มนวล เขาโค้งคำนับให้เธอ 

“ลูกชายผม เอ๋ยไม่ใช่ หมายถึงเจ้าหนูนิวอะครับ กวนใจคุณแย่เลย มันเห็นจะเป็นหมาเจ้าชู้ครับ เห็นสาวสาวสวยสวยเป็นไม่ได้”  รอยยิ้มขบขันนั้นทำเอาเธอเผลอยิ้มตามเขานั่งลงข้างเธอโดยไม่มีอาการถือตัวว่าเสื้อผ้าราคาแพงที่สวมใส่อยู่จะเปื้อนฝุ่น 

“ไม่เป็นไรค่ะ บังเอิญ จันทร์ เอ่อฉันก็ชอบหมาเหมือนกันค่ะ” เขาเลิกคิ้วด้วยท่าทีแปลกใจ 

“ จริงเหรอครับ แต่คุณอย่าหลงกลเจ้าตัวดีนะครับ มันจะนั่งตักไม่ยอมลง” ว่าแล้วเขาก็ใช้ท่าทางเหมือนการโบกมือกับเจ้าสุนัขปอมฯตัวเล็ก พร้อมกับออกคำสั่ง 

“ มา มา นั่งตักพ่อนี่มา” เจ้าหมาน้อยแสนรู้กระโดดลงจากตักของเธอวิ่งขึ้นไปบนตักของเจ้าของอย่างว่าง่าย เขาใช้มือแข็งแรงลูบหัวแสดงความเอ็นดู เจ้าหมาตัวดีหมอบนอนอย่างสงบ 

“ ปกติเย็น 

 

แบบนี้เขาชอบออกมาวิ่งเล่นผมไม่อยากใส่สายจูง มันเหมือนไม่มีอิสระ แต่เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้เลยครับ” เขาพูดพลางมองสำรวจใบหน้าของพิมพ์จันทร์ไปด้วย รอยยิ้มพึงใจเกิดขึ้นทันทีแบบไม่ทันระวัง 

“เมื่อกี้ได้ยินคุณแทนตัวเองว่า จันทร์ คุณชื่อ จันทร์ เหรอครับ”  เธอเองก็เกิดความประหม่าไม่น้อยเมื่อ อยู่กับผู้ชายสองต่อสอง 

“ค่ะ คุณล่ะค่ะชื่ออะไร” เธอคิดว่าถามไปตามมารยาทเสียมากกว่า เขาหัวเราะขบขัน  แต่เสียงหัวเราะนั้นกับฟังรื่นหูนัก 

“ อ้าวนี่คุณไมรู้จัก ผมจริงเหรอ คุณแกล้งไม่รู้จักผมหรือเปล่า” เขาทำท่าทางหยอกล้อเธอ เธอคิดไม่ออกจริง 

ๆว่าเคยเจอเขาที่ไหน จึงส่ายศีรษะไปมาอีกครั้ง เขามองเธอแบบค้นคว้า เมื่อพบเพียงความว่างเปล่า อาการขบขันจึงเกิดขึ้นอีกที 

แสดงเพิ่มเติม

รีวิว (0)

เรื่องนี้ยังไม่มีรีวิว