น้องเมีย
Couple : MARKBAM GOT7
#น้องเมียแซ่บมาก
..Dialogue Intro..
เอาตามความจริงเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผมเสียหาย ผมได้ทุกอย่าง ได้ในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้มาก่อนในชีวิตด้วย แต่ทำไมผมถึงต้องมานั่งหน้าเครียดเหมือนเสียตัว ในขณะที่คนที่ ‘เสียตัว’ ให้ผมกำลังลุกขึ้นยืนใส่เสื้อผ้าหน้าตาเฉยแบบนี้ล่ะวะ แม่งเป็นไปได้ไงเนี่ย!
ผมไล่สายตามองแผ่นหลังที่ตอนนี้สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดติดยับๆ หลายที่ ขนาดโอเวอร์ไซส์โคร่งๆ ลดสายตาลงมาถึงขาอ่อนสีน้ำผึ้งแต้มร่องรอยสีแดงเป็นจุดๆ ช้ำๆ รวมด้วยทั้งรอยนิ้วมือแดงเถือก! ร่องรอยลามมาถึงขาอ่อนด้านหลังเหมือนอย่างกับว่าเมื่อคืนตัวของผมกลายเป็นสัตว์ดุร้ายที่ขย้ำคนๆ นี้อย่างหื่นกระหายและเอาหน้าซุกไว้ช่วงหว่างขาอีกฝ่ายแทบทั้งคืน มันอะไรกันวะ!
ไม่ใช่ว่าผมจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น..
ผมจำได้ทุกสัดส่วน! จำได้ทุกท่วงท่า สีลา และเสียงร้องของคนๆ นี้ ผมยกมือขึ้นมาเกาหัวอย่างแรง ผมเพ้ารุงรังเพราะเมื่อวานเมา แถมยังรู้สึกเจ็บคอและหน้าตึงแห้งผาดไปหมด คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ห่าเหวอะไรก็ช่างมันเถอะ เมื่อคืนผมดื่มหนักมากในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่แพ้กันมั้ง… โธ่เว้ย! ผมไม่รู้ว่าตัวเองลากคนๆ นี้มาที่เตียงห้องตัวเองได้ยังไง มารู้ตัวอีกทีก็เมื่ออารมณ์มันถูกปลุกเร้าขึ้นมา คนอย่างผมที่เซ็กส์จัดพอสมควรก็หยุดยั้งมันไม่ได้ เวรเอ้ย... แล้วมันจะเงียบอีกนานป่ะ ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือยังไง!
ท่าทางเก้ๆ กังๆ คร้านสายตาให้ผมหงุดหงิดจนเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ดูออกว่าขาเรียวนั่นแทบจะยึดสะโพกและร่างกายของตัวเองเอาไว้แทบไม่ไหว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะขยับเข้าไปช่วยเลยสักนิด ให้ตายเถอะ ผมเอื้อมตัวไปขยับเปิดลิ้นชักหัวเตียงและหยิบบุหรี่รสโปรดพร้อมไฟแซ็กขึ้นมาจุดสูบ หางตาผมเห็นไหล่บางๆ สะดุ้งเมื่อผมเลื่อนเปิดลิ้นชัก ขวัญอ่อนจังนะ…
“...ผมไปนะครับ”
เสียงแหบพร่านั่นคงเป็นเพราะว่าเมื่อคืนใช้เสียงเอาไปครางใต้ร่างกายของผมเสียจนหมดแล้วละมั้ง พูดออกมาเบาๆ และหยุดยืนหันหลังให้ผมโดยที่ยังไม่เดินออกไป ผมอัดนิโคตินเข้าปอดเต็มสูบก่อนจะขยี้มันทิ้งกับที่เขี่ยบุหรี่หัวเตียง ขยับตัวเองที่ใส่เฉพาะกางเกงแสลคสีดำแต่ก็ไม่ได้รูดซิปปิดสนิทดี เปลือยร่างกายส่วนบนไปทางปลายเตียงที่คนๆ นั้นยืนอยู่
“จะออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่พูดเรื่องเมื่อคืนหรือไง”
ผมพูดออกไปเสียงห้วนๆ ตามแบบฉบับ ผมไม่ใช่ผู้ชายอ่อนหวานมากนัก โดยเฉพาะกับผู้ชายด้วยกัน มือเล็กกว่ามือผมพอสมควรกำแน่นกับเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด กำจนยู่ยี่ไปหมด ตอนนี้อีกฝ่ายใส่กางเกงขาสั้นด้านในแล้ว มันทำให้ผมโล่งใจอย่างประหลาดไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ผมค่อยๆ ถอนหายใจช้าๆ และลุกขึ้นยืนเดินอ้อมไปประจันหน้ากับคนๆ นี้ จะเรียกว่าประจันหน้าก็คงไม่ถูกซะทีเดียว เพราะคนๆ นี้ก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมามองผมเสียจนคางชิดหน้าอก
“ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
ผมสูดหายใจคล้ายตัดสินใจอะไรบางอย่างก่อนจะวางทาบฝ่ามือกับไหล่บางที่สะดุ้งทันทีที่ผมแตะต้องตัวเขา อะไรกันหงุดหงิดเลยแฮะ ทีเมื่อคืนแตะทุกส่วนยังสมยอมผมอยู่เลย…
“จะให้ใครรู้เรื่องเมื่อคืนไม่ได้ โดยเฉพาะบีนา”
ผมลอบสังเกตเห็นกลีบปากอิ่มสุขภาพดีเหยียดแน่นจนแทบเป็นเส้นตรง พร้อมกลุ่มผมที่ค่อยๆ กระจัดกระจายจากการพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ แต่ผมก็ยังไม่เบาใจอยู่ดี
นี่แม่งเรื่องบ้าอะไรกัน ผมจะรับผิดชอบคนสองคนในเวลาเดียวกันได้ยังไงเล่า!
“ไปได้แล้วกันต์พิมุกต์ เรื่องเมื่อคืน…”
ผมหยุดคำพูดนิ่งไปสักพัก ก่อนจะตัดสินใจเก็บคำพูดอีกคำเอาไว้ กลืนลงคอลงไป พร้อมปล่อยมือจากไหล่คนตรงหน้าออกทั้งสองข้าง เมื่อหมดพันธนาการจากตัวของผมแล้ว เขาหรือกันต์พิมุกต์ก็พยุงร่างกายของตัวเองและเบี่ยงตัวออกไปอีกทางเพื่อเดินออกจากห้องของผม ผมยกมือขึ้นเกลาท้ายทอยก่อนจะคว้าเข้าที่ข้อมือค่อนข้างเล็กของอีกฝ่าย ทำให้ตากลมโตเงยขึ้นมาสบกับผมครั้งแรกในตอนเช้าของวันนี้ ผมชะงักกับสายตาตกใจนั่นพักนึงแต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือของเขา
“เดี๋ยวเดินออกไปเปิดประตูให้ กลัวใครมาเห็น”
อีกฝ่ายคลายสีหน้าตกใจลงเล็กน้อยและพยักหน้ารับเบาๆ ผมจึงดึงมือของเขาให้เดินมาที่หน้าประตู ก่อนที่จะเปิดประตูห้องของตัวเองออกไป โชคดีแค่ไหนที่ไม่มีใครอยู่ โดยเฉพาะอีกคนที่ก็เป็นเจ้าของห้องนี้เหมือนกันกับผมเช่นกัน ผมส่งเขาแค่หน้าประตูห้องตัวเองและยืนมองร่างผู้ชายโปร่งสูงพอประมาณเดินออกจากห้องอย่างทุลักทุเล ผมทำถูกแล้วใช่ป่ะที่ไม่ถามสักนิดว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เห็นอีกฝ่ายใช้มือค้ำตามแนวผนังบ้านเพื่อให้ร่างกายเดินไปข้างหน้าและเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไปจนสุดสายตา ผมไม่ควรต้องมาแคร์หรือต้องมานั่งรับผิดชอบอะไรใช่หรือเปล่าวะ ผมควรจะกลับไปในห้องและจัดการซากทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนที่ภรรยาของผมจะกลับมาใช่หรือเปล่า
ไม่ใช่มายืนเสื้อไม่ใส่และมองประตูห้อง ‘น้องเมีย’ อย่างบ้าคลั่งแบบนี้!
first intro
ผมเสียตัวให้พี่เขยของตัวเองไปแล้ว…
ผมค่อยๆ พาตัวเองเข้ามาในห้องนอนโดยที่ไม่ยอมเปิดไฟในห้อง พยายามอย่างที่สุดที่จะลากร่างกายที่เจ็บร้าวไปหมดมานั่งลงบนเตียงในห้องนอนของผมเอง ผมกัดปากจนเจ็บไปหมดเพื่อกลั้นอาการเจ็บกะทันหันหลังจากที่สะโพกของผมถูกกดลงนั่งบนเตียง
ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่จะต้องมานั่งอ่อนแอและร้องไห้ฟูมฟายให้ผู้ชายรับผิดชอบ
ผมเองก็ผู้ชายเหมือนกัน...
ถึงแม้ว่าร่างกายผมจะเสียหายอยู่บ้าง ไม่หรอก มันเสียหายเยอะมาก ผมเหมือนถูกข่มขืนและลากไปรุมโทรมซ้ำๆ ไม่รู้จบ เมื่อคืนสำหรับผมมันโหดร้ายเกินกว่าจะน่าจดจำ อีกฝ่ายเมามายไม่ได้สติ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นบ้าอะไร ผมกำลังจะเดินเข้าห้องนอนตามปกติ แต่เขาดันมาล้มใส่อยู่หน้าห้องของผม ล้มอยู่ตรงเท้าของผมจะให้ผมเดินเข้าไปในห้องแล้วนั่งเล่นเกมเหมือนปกติก็ยังไงอยู่ แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมแม่งโคตรอยากจะเดินเข้าห้องและทิ้งให้เขานอนจมกองอ้วกอยู่ตรงนั้น!
ให้ตายเถอะ...พี่เขยแม่งโคตรไม่เหมาะสมกับพี่สาวของผมเลย ในตอนสภาพเมาเหมือนหมาแบบเมื่อคืนอ่ะนะ ปกติเขาหรือพี่เขยจะดูนิ่ง และ ขรึมๆ ไม่ค่อยพูดอะไรเท่าไหร่ เป็นผู้ชายที่มีความอันตรายแผ่ออกมา แต่ก็เป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีและแต่งตัวเก่งคนหนึ่ง บวกเข้าไปด้วยฐานะและหน้าตาที่ทำให้สังคมจับตามอง ในงานแต่งที่เพิ่งผ่านไป ผมไม่ได้ไปร่วมงานเพราะติดเรียนซัมเมอร์ที่ต่างประเทศ ผมเองก็รู้สึกแย่กับพี่สาวเหมือนกันที่ไม่ได้มาร่วมยินดีในวันสำคัญแบบนี้ แต่เพราะไฟนอลลนก้นแล้วผมจึงมาไม่ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะทักท้วงอาจารย์
ส่วนตัวแล้วผมเองไม่ได้รู้จักพี่เขยมาก่อน เขาเข้ามาตอนที่ผมไปเรียนซัมเมอร์ที่เมืองนอก ผมเคยถามพี่สาวว่าคบกันนานหรือยัง พี่ผมก็บอกว่านานแล้วซึ่งพอผมซักไซ้ตามประสาชอบคุยเล่นกับพี่สาวมากๆ พี่สาวก็เปลี่ยนเรื่องบ่อยๆ เธอคงจะอายผมคิดว่าอย่างนั้น เมื่อผมกลับมาจากต่างประเทศเขาก็เข้ามาอยู่ในสถานะพี่เขยของผมแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรอีกนั่นก็เพราะผู้ชายที่พี่บีนาเลือกคงจะดีในระดับที่สามารถดูแลพี่สาวผมได้ ผมกับพี่เขยไม่ค่อยคุยกัน จะเจอหน้ากันเฉพาะตอนที่ทานอาหารร่วมกันที่ห้องรับแขก มีคุณพ่อ คุณแม่ พี่บีนา พี่เขยและผม เคยเดินสวนกันบ้าง แต่ทั้งผมและเขาก็ไม่คิดที่จะเปิดบทสนทนาใส่กัน
ชีวิตของผมก็ปกติดีอยู่จนกระทั่งนรกเมื่อคืนมาถึง!!
ผมนี่มันทำบุญได้บาป โปรดสัตว์ได้ผัวจริงๆ เลย..
คิดไม่ถึงว่ากะอิแค่ถอดเสื้อของพี่เขยกะจะเช็ดตัวให้แม่ง มันจะไปปลุกเร้าให้อีกฝ่ายมีอารมณ์ บ้าบอชะมัด และผมแทบจะกลั้นใจตายเพื่อหนีความจริงเมื่อพบว่าผมสู้แรงพี่เขยไม่ได้เลย แม้จะเป็นผู้ชายด้วยกัน! ผมไม่ใช่ประเภทผู้ชายนักกีฬา ไม่มีกล้าม ไม่ค่อยมีแรง ปกติก็ใช้ชีวิตขี้เกียจ ติดเกมจนตัวเหลืองไปวันๆ แต่ก็เป็นเด็กเรียนพอสมควร
ผมแม่งยับ...และผมคิดไปเองว่าแค่ครั้งเดียวคงจะหยุดความต้องการของเขาเอาไว้ได้ แต่เหมือนว่าเขาจะไม่พอ ไม่เคยพอ ต้องการซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมสลบไปทั้งๆ ที่เขากำลังเอาผมอยู่ แม่งเอ้ย!! ผมจะเกลียดเขามันก็เกลียดได้ไม่สุด มันก็ดูขี้พาล ก็ผมเองที่สอดมือเข้าไปช่วยเหลือหมาที่เมา แล้วมันก็กัดผมเข้าเต็มๆ เลยเป็นไง ทั้งๆ ที่เขาก็ไม่ได้ขอให้ผมช่วยสักหน่อยเลย
ผมค่อยๆ ขยับตัวเองให้นอนลงช้าๆ ร่างกายเหมือนโดนรถบรรทุกพุ่งชนและมันก็ถอยกลับมาเหยียบซ้ำกลัวจะไม่ตายสนิท จะว่าไปแล้วถึงผมจะไม่อยากเรียกร้องอะไรจากไอ้พี่เขย แต่มันก็ควรถามสักนิดหรือเปล่าวะถ้ายังมีความเป็นมนุษย์ว่าผมเจ็บตรงไหนมั้ย ไม่ใช่บังคับเรื่องที่ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่สมควรบอกใครอยู่ได้ อยากจะกระทืบมันเหมือนกันแต่ร่างกายของผมไม่อำนวยแบบสุดๆ
“แล้วเมื่อไหร่จะหายวะเนี่ย”
ผมบ่นออกมาเบาๆ ในใจก็ตกใจที่เสียงของตัวเองแหบขนาดนี้ กับเรื่องที่บ่นนี่บ่นทั้งความเจ็บช่วงสะโพกและร่องรอยเต็มหน้าท้อง หน้าอก ขาอ่อน ทั้งรอยจูบ รอยดูด รอยกัด รอยมือ แม่งเต็มไปหมด พี่เขยมึงซาดิสม์เกินไปป่ะเนี่ย
กูเจ็บนะโว๊ย!!!!!
ก็อก! ก็อก!
ผมสะดุ้งเฮือกสุดตัวกับเสียงเคาะประตู ใครมันมาเคาะอะไรตอนนี้วะเนี่ย คิดว่าผมเดินไปเปิดไหวมั้ยล่ะ!
“พี่บีนากลับมาแล้วหรอครับ ผมยังไม่ค่อยหิวเลย”
ผมพูดปกติออกไปเพราะเหลือบมองนาฬิกาว่าได้เวลาข้าวเช้าแล้ว เมื่อคืนพี่บีน่าไปค้างที่อื่น และพี่เขยก็ออกไปสังสรรค์กับแขกสังคม ตอนออกไปเป็นคนกลับมาเป็นหมา โอเค ผมจะไม่ด่าเขาอีก ไม่แซะแล้วก็ได้ ที่บ้านของผมจะมีธรรมเนียมมันไม่ได้ดูจริงจังแต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำๆ มาทุกวันก็คือทานอาหารพร้อมหน้าตากัน ให้ทุกคนได้พูดคุยกัน ด้วยความที่พ่อแม่ของผมเป็นนักธุรกิจส่งออกจึงไม่ค่อยอยู่ติดบ้าน การกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้าจึงเป็นทางที่ได้คุยกันมากที่สุด แต่วันนี้พ่อแม่ไม่อยู่ จะมีก็แต่พี่บีนาที่กลับมาตอนเช้าและพี่เขยเท่านั้น
“ไม่ใช่บีนา”
ผมตาเหลือกโต จนแทบหลุดเมื่อได้ยินเสียงคนที่เพิ่งเจอหน้ากันเมื่อกี้และร่วมครื้นเครงฟัดกันเมื่อคืนจนผมแทบจมหายวับเข้าไปในเตียง กลืนน้ำลายลงลำคอ ผมกำลังลนลานในสมองว่างเปล่าไม่รู้จะพูดตอบอะไรคนอีกฝั่งประตูออกไป
“เปิดประตูที คุยเสียงดังคงไม่เหมาะ”
“ผมไม่ได้ล็อค”
ผมกลั้นใจพูดไป ใจจริงผมไม่อยากเจอหน้าพี่เขยอีก อย่างน้อยๆ ก็ในตอนนี้ แต่มันเหมือนไม่มีทางเลือก ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมมันถูกมัดกับเตียงนอนเรียบร้อยแล้ว ผมเจ็บและหมดแรงเกินกว่าจะลุกขึ้นไปเปิดประตูคุยกับเขาหน้าห้อง แต่ไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้หรือเปล่า
ผมจ้องไปที่ปลายเตียงตัวเองไม่หันไปมองผู้ชายที่ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องของผม ความเงียบและความอึดอัดโรยตัวเต็มห้องจนผมแทบจะสำลักมันออกมา บ้าบอจะพูดอะไรก็รีบพูดดิวะ ผมจะไม่ไหวอยู่แล้วเนี่ย...
“บีนาให้มาเรียกไปทานข้าว แต่คงจะลุกไม่ไหว”
ก็ไม่ได้โง่นี่หว่า ผมทักท้วงในใจเบาๆ ผมไม่ใช่คนดื้อด้านมากมายแต่ก็ดื้อพอสมควรเพราะเป็นลูกคนเล็กและทุกคนตามใจผมกันหมด
“จะไปบอกบีนาว่าไม่สบายก็แล้วกัน”
“มะ ไม่ได้”
ผมรีบหันไปมองหน้าพี่เขยทันทีที่เขาพูดแบบนั้น เขาขมวดคิ้วทำหน้าเครียดแบบปกติที่ชอบทำมองมาที่ผม ดูเป็นผู้ชายที่หงุดหงิดอะไรไม่รู้ตลอดเวลาเลยแฮะ
“ถ้าพี่บีนารู้ว่าผมไม่สบาย จะเข้ามาแล้วเห็น...”
ผมเลือกที่จะไม่พูดว่าเห็นอะไร แต่ใช้สายตากวาดร่างกายตัวเองเป็นการบอกแทน
“หึ…”
เสียงในลำคอเบาๆ ดังออกมาให้ผมช้อนตาขึ้นไปมอง ผมก็เห็นว่าเขามองขาอ่อนของผมอยู่ไม่ว่างตา เวรเอ้ย! ผมรีบคว้าผ้าห่มมาปิดอย่างรวดเร็วและแม่งเจ็บ!!! มันทำให้กระดูกผมลั่นและน้ำตาแม่งเล็ดออกมาเลยเนี่ย เจ็บโว๊ยย!!
“เห็นหมดทุกอย่างแล้วจะอายทำไม”
“ห๊ะ ว่าไงนะ”
“บีนา เธอกำลังท้องอยู่ เธอไม่ค่อยสบายเหมือนกัน คงจะไม่มาห้องนี้หรอก”
ก่อนที่ผมจะตะหวาดด่าเขา ก็ต้องนิ่งงันไปกับคำพูดของพี่เขยตัวเองอีกครั้ง คนที่ยืนค้ำอยู่ตรงข้างเตียงผมกอดอกมองผม...ทุกอย่างนิ่งงัน ผมได้ยินเสียงถอนหายใจออกมา นั่นเป็นเขาคนเดียวซะที่ไหนที่อยากจะพ่นความอึดอัดออกมาแบบนั้น โธ่เว้ย! ใช่ครับอย่างที่ทุกคนกำลังตกใจ พี่สาวของผมกำลังท้องอยู่ ท้องกับพี่เขยของผม ซึ่งถ้าจะพูดให้ชัดเจนตรงประเด็นไปเลยก็คือ…
ผม..กันต์พิมุกต์ ภูวกุล เสียตัวให้พี่เขยในขณะที่เมียของเขาหรือก็คือพี่สาวของผมกำลังตั้งท้องไงล่ะ!! ชีวิตมีอะไรจะบัดซบกว่านี้ก็รีบๆ มาสมทบกันให้ไวเลยมา!
ประเด็นเรื่องที่ว่าพี่สาวของผมท้องอยู่ กลายเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจสุดๆ แทงทะลุการเสียตัวและความเจ็บสะโพกของผมชนะขาดลอย
“งั้นก็บอกว่าผมไม่สบาย และ รบกวนล็อคห้องให้ด้วย ขอบคุณครับ”
ผมกัดฟันพูดกับเขา และสิ่งที่มันแย่คือผมพยายามกลั้นน้ำตาตัวเองไม่ให้ไหล ผมทั้งรู้สึกผิดต่อพี่สาวของตัวเองและเสียใจ เสียตัว แม่งเสียทุกๆ อย่างเลยเว้ย รีบๆ ออกไปซักทีสิวะ จะกลั้นน้ำตาไม่อยู่..อยู่แล้วเนี่ย!
“คงล็อคให้ไม่ได้”
“ทำไม..”
เสียงผมเครือสั่นมากๆ ผมก็เลยก้มหน้าเอาไว้หวังให้ผมที่ระต้นคอปรกและช่วยปิดหน้าของผมให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“ถ้าล็อค ฉันจะเข้ามาดูไม่ได้ พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวมา”
ผู้ชายคนนั้นพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกจากห้อง ผมอยากจะห้ามไม่ให้เขามาแต่ถ้าผมหลุดคำพูดไปอีกประโยคทำนบน้ำตาของผมต้องแตกลงมาแน่ๆ ผมกำหมัดกับผ้าห่มของตัวเองแน่น ผ้าห่มสีขาวสะอาดเปียกชื้นเป็นวงๆ จากหยดน้ำตาของผมที่ร่วงหล่นลงมาไม่ขาดสาย...
มันเป็นการทรยศคนที่ตัวเองรักได้อย่างน่าไม่อายที่สุด
ผมนี่มันเป็นน้องชายที่เหี้ยจริงๆ!
second intro
tag #น้องเมียแซ่บมาก