http://hdqwalls.com/beauty-and-the-beast-hd-wallpaper
ฮัลโหลวววว... มายเฟรนของธัญญ่าทู๊กคนนนนนน ช่วงนี้หนังเรื่อง Beauty and the Beast กำลังมาแรงแซงทางโค้ง หากธัญญ่าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้!!! นานๆ ธัญญ่าจะมาพูดถึงหนังดังแบบนี้ทั้งที จะมาแบบธรรมดาๆ ก็คงจะไม่ได้หรอก วันนี้เราเลยจะพูดถึงพล็อตของหนังเรื่อง Beauty and the Beast กัน ผ่าง!!!!!!
รู้รึเปล่าว่าหนังดังอย่างเรื่อง Beauty and the Beast ก็เคยเป็นนิยายมาก่อนนะ เรียกว่านิยายดังระดับโลกเลยก็ว่าได้ ฉบับแรกซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศสประพันธ์โดย มาดาม Gabrielle-Suzanne Barbot de Villeneuve ใน พ.ศ.2283 แต่ฉบับที่ทำให้เป็นที่จดจำมากที่สุดคือฉบับภาษาอังกฤษที่ได้รับการแปลในปี พ.ศ.2300
Madame de Villeneuve's
The Story of the Beauty and the Beast The Original Classic French Fairytale
ซึ่งพล็อตในนิยายหรือหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากพล็อตนิยายทั่วไปเลย จะเรียกว่าใช้พล็อตอมตะเลยก็ว่าได้ แต่สงสัยกันไหมล่ะว่าทำไมเจ้าพล็อตอมตะๆ ที่เราเห็นทั่วไปถึงทำให้นิยายเรื่อง Beauty and the Beast โด่งดังจนได้รับเลือกมาทำทั้งการ์ตูน ซีรี่ส์ และล่าสุดได้ทำเป็นภาพยนตร์ระดับโลกที่พึ่งจะเข้าโรงไปเมื่อวันที่ 16-03-2016 ซึ่งรับบทโดย "เอ็มมา วอตสัน" และ "แดน สตีเว่นส์" หูว์… น่าสนใจแล้วใช่ไหมล่ะ
เอ็มมา วอตสัน และ แดน สตีเว่นส์
movies.disney.co.th
ก่อนอื่นเรามาดูพล็อตเรื่องของเรื่อง Beauty and the Beast กันก่อนเลย
ธัญญ่าขอเรียกเจ้าพล็อตอมตะเรื่องนี้ว่าเป็นพล็อตแบบ “ขัดดอก”
พ่อบุกรุกบ้านพระเอก
พระเอกโกรธที่โดนบุกรุก
จับพ่อไปขัง
ลูกสาวบอกให้จับนางไปแทน
ระหว่างขัง.... เกิดเป็นความรัก
รักกัน
-จบ-
ทำไมพล็อตยอดฮิตถึงทำให้หนังเป็นอมตะได้!!?
เห็นไหมล่ะว่าเป็นพล็อตแบบเบสิกม๊ากกกกกก แต่!! ทำไมๆๆๆ ถึงได้กลายมาเป็นนิยายที่ดังระดับโลก ทั้งๆ ที่พล็อตแบบนี้หาอ่านได้เป็นร้อยๆ เรื่องในธัญวลัยด้วยซ้ำ นั่นเป็นเพราะนิยายในโลกนี้มันจะมีพล็อตเรื่องหลักๆ อยู่ไม่กี่พล็อตหรอก ต้องมีใช้ซ้ำไปซ้ำมาบ้างแหละ ซึ่งการวางเนื้อเรื่องและตัวละครของเรื่องนี้ต่างหากที่สามารถดึงดูดผู้อ่านให้อินไปกับนิยายได้
การวางเนื้อเรื่องและตัวละครของเรื่องนี้มีความแตกต่างจากการวางของเรื่องอื่นๆ จะเรียกได้ว่ามีหลัก 9 ข้อของนิยายอมตะครบถ้วนเลยก็ว่าได้ เราลองมาดู “9 ข้อที่เสกให้นิยายกลายเป็นนิยายอมตะ” กันเลยดีกว่า
1.ฉากเปิด / ปิดเรื่องต้องดึงดูด
2.วิธีการลำดับเหตุการณ์ต้องน่าสนใจ
3.ความซับซ้อน / ความขัดแย้งของเนื้อเรื่อง
4.ตัวละคร เนื้อเรื่อง ฉาก ต้องไม่สมบูรณ์แบบเกินไปควรมีจุดแข็งจุดอ่อนบ้าง
5.ทำให้ผู้อ่านรู้สึก อย่างที่ตัวละครรู้สึก
6.ความสัมพันธ์ของตัวละครต้องแตกต่าง / ซับซ้อน / น่าสนใจ
7.สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้อ่าน
8.เรื่องบังเอิญไม่จำเป็นต้องมีเยอะ
9.สร้างความประหลาดใจ
ซึ่งเจ้าหลัก 9 ข้อที่เสกให้นิยายกลายเป็นนิยายอมตะได้นั้น บก.ตุ๊กตาได้อธิบายในสัมมนาครั้งที่ 1 ของธัญวลัยไปแล้วโดยใช้นิยายเรื่องคู่กรรมของคุณทมยันตีมาเป็นเนื้อเรื่องตัวอย่าง หากใครพลาดไม่ได้ไปในครั้งนั้นก็ไม่ต้องเสียใจไปนะ เพราะวันนี้ธัญญ่าจะมาอธิบายแต่ละข้อให้ฟังอีกครั้งหนึ่งโดยใช้เรื่อง Beauty and the Beast นี่แหละมาเป็นเรื่องตัวอย่าง
httpmovies.disney.co.thbeauty-and-the-beast
เนื้อเรื่อง Beauty and the Beast ที่ธัญญ่านำมาเป็นตัวอย่างในวันนี้จะเป็นเนื้อเรื่องในฉบับการ์ตูนที่จัดทำขึ้นในปี ค.ศ.1991 โหวววว!! ต้องมีน้องๆ ที่ยังไม่เกิดกันบ้างล่ะ แอบบอกไว้ก่อนเลยนะว่าถ้าใครยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วไม่อยากอ่านสปอยล่ะก็ อ่านจบแค่นี้แล้วรีบไปดูหนังกันก่อน เพราะข้างล่างเป็นสปอย์ล้วนๆ เลยจ้า
1.ฉากเปิด / ปิดเรื่องต้องดึงดูด
ฉากเปิดเรื่องถือเป็นฉากสำคัญ เพราะเป็นจุดที่ผู้ดูหรือผู้อ่านตัดสินใจว่าจะดูหรืออ่านนิยายของเราต่อหรือไม่ ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นการเปิดแบบทิ้งท้ายให้ผู้ดูหรือผู้อ่านเกิดความสงสัยที่อยากจะรู้คำตอบว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร มาดูตัวอย่างจากเรื่องนี้เลยจ้า
ฉากเปิดเรื่องนี้จะเป็นการเล่าถึงความเป็นไปเป็นมาว่าเพราะอะไรทำไมเจ้าชายถึงได้กลายเป็นอสูร ซึ่งเนื้อเรื่องในส่วนนี้จะมีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องส่วนหลังทั้งหมด การเกริ่นเรื่องราวของตัวละครในลักษณะนี้ตั้งแต่แรกนั้น จะช่วยคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวละครและรู้ความเป็นมาของตัวละคร รวมถึงเข้าใจความรู้สึกหรือเข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้น
ก่อนที่จะจบฉากเปิดนั้น ได้มีการทิ้งท้ายให้เกิดความสงสัยโดยที่ทิ้งเป็นคำถามไว้ นั่นคือ “จะมีใครกันเล่าที่ทำใจรักอสูรได้” ซึ่งในจุดนี้ทำให้ผู้ดูเกิดความอยากรู้อยากเห็นว่าสุดท้ายแล้วจะลงเอยเช่นไร
2.วิธีการลำดับเหตุการณ์ต้องน่าสนใจ
การลำดับเรื่องนั้นเป็นอีกตัวที่จะช่วยสร้างสีสันในเรื่องของเราให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งการสำดับเรื่องนั้นยิ่งมีความแปลกใหม่และสร้างสรรค์มากเท่าไร ก็จะสามารถทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจได้มากเท่านั้น
อย่างเรื่องนี้ได้มีการลำดับเนื้อเรื่องไว้ค่อนข้างน่าสนใจ จากปกติที่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะลำดับไว้เป็นเบสิกว่า พบเจอ > มีเหตุการดีๆ > รัก > แต่งงาน > ตาย
แต่เรื่องนี้มีการลำดับไว้ค่อนข้างแตกต่างคือ พบเจอ > มีเหตุการณ์เลวร้าย > ตาย > รัก > แต่งงาน เห็นไหมล่ะว่าแค่ลองว่าลำดับเรื่องใหม่ให้น่าสนใจและมีความแตกต่างมากขึ้น เท่านี้เรื่องของเราก็ดูน่าสนใจขึ้นแล้ว
3.ความซับซ้อน / ความขัดแย้งของเนื้อเรื่อง
ความซับซ้อนและความขัดแย้งที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องมีความซับซ้อนและขัดแย้งภายใน และ ความซับซ้อนและความขัดแย้งภายนอก ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้ได้มีครบทั้งสองอย่าง
ความซับซ้อนและขัดแย้งภายนอก
ความซับซ้อนและขัดแย้งภายนอกของเรื่องนี้คือ นางเอกเป็นสามัญชนธรรมดา และพระเอกเป็นเจ้าชาย ในความเป็นจริงแล้วสามัญชนจะแต่งงานกับเจ้าชายได้นั้นคงเป็นเรื่องยาก แถมยังเป็นเจ้าชายอสูรที่ผู้คนหวาดกลัวอีกด้วย
ความซับซ้อนและขัดแย้งภายใน
ความซับซ้อนและขัดแย้งภายในของเรื่องนี้คือ การที่นางเอกได้มาพบกับพระเอกได้นั้นก็เพราะพระเอกเป็นคนที่จับพ่อของนางเอกมาขังไว้ แต่นางเอกดันหลงรักคนที่จะทำร้ายพ่อของตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องของความรู้สึกภายในของนางเอกเอง อ้าว!!... นี่เธอกำลังตกหลุมรักคนที่เกือบจะฆ่าพ่อเธอนะยะ
4.ตัวละคร เนื้อเรื่อง ฉาก ต้องไม่สมบูรณ์แบบเกินไปควรมีจุดแข็งจุดอ่อนบ้าง
การสร้างเอกลักษณ์ของตัวละครนั้น จะช่วยทำให้ตัวละครแต่ละตัวมีจุดยืนเป็นของตัวเอง แต่หากเราสร้างให้สมบูรณ์แบบจนเกินไป จะทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างง่ายดาย เช่น หากเราสร้างให้พระเอกเก่ง มีความสามารถ เวลาต่อสู้ไม่เคยแพ้ใคร ผู้ดูหรือผู้อ่านก็จะคาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าของเนื้อเรื่องได้ นั่นทำให้ความสนุกและความน่าติดตามลดลงไป
อย่างพระเอกในเรื่องนี้เป็นเจ้าชายแต่เป็นอสูร มีหน้าตาที่อัปลักษณ์ไม่หล่อเหลาแบบเจ้าชายพระองค์อื่นๆ
ส่วนนางเอกในเรื่องเป็นคนที่คนในหมู่บ้านไม่ชอบ เพราะบอกว่านางเอกเป็นคนเพี้ยนที่ชอบอ่านหนังสือและเข้าห้องสมุด นางเอกจึงไม่มีเพื่อนเลย
ซึ่งจุดอ่อนของตัวละครแบบนี้จะทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านคาดเดาได้ยากเมื่อเวลาเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงจุดๆ หนึ่ง ว่า... นางเอกจะหลงรักเจ้าชายอสูรได้ไหมนะ หรือเจ้าชายอสูรจะทำให้นางเอกหลงรักได้ไหมในเมื่อมีหน้าตาที่น่ากลัวแบบนี้ ตอนที่นางเอกโดนขังจะมีคนมาช่วยไหมในเมื่อคนในหมู่บ้านไม่ชอบนาง
5.ทำให้ผู้อ่านรู้สึก อย่างที่ตัวละครรู้สึก
ในหัวข้อนี้จำเป็นอย่างมากในการเขียนนิยาย เพราะการที่เราทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครได้นั้นจะทำให้เกิดความน่าสนใจและต้องการที่จะติดตามต่อ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “อิน”
ในเรื่องนี้จะมีฉากหนึ่งที่นางเอกเดินอยู่ในหมู่บ้าน แล้วมีคนทักทาย
พอเธอหันไปชวนคุยเรื่องการอ่านหนังสือคนขายขนมปังก็ไม่สนใจเธอทันที ซึ่งผู้เขียนบทไม่ได้บอกตรงๆ ว่าคนอื่นไม่สนใจเธอ แต่กลับแสดงให้ผู้ดูเห็นว่าไม่มีคนสนใจเธอเวลาที่เธอพูดคุยเรื่องหนังสือ
การแสดงให้ผู้ดูหรือผู้อ่านเห็นว่าตัวละครพบเจออะไรด้วยการแสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์รอบตัว จะช่วยทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครได้ดีกว่าการที่เราไปบอกตรงๆ ว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร หรือกำลังโดนกระทำอย่างไร
6.ความสัมพันธ์ของตัวละครต้องแตกต่าง / ซับซ้อน / น่าสนใจ
ความจริงแล้วเรื่องนี้มีความสัมพันธ์ของตัวละครที่ค่อนข้างน่าสนใจหลายอย่าง ที่สิ่งหนึ่งที่เด่นจนอดจะพูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ความน่าสนใจของตัวละครประกอบที่เหมือนเป็นอีกหนึ่งตัวเอกสำคัญที่หลายๆ คนให้ความสนใจมากพอๆ กับตัวพระเอกและนางเอก นั่นก็คือ “เครื่องเรือนที่พูดได้”
ในเรื่องนี้ผู้เขียนได้ใช้เครื่องเรือนมาเป็นตัวสร้างสีสันให้กับเรื่องนี้ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และก็ทำมันได้อย่างสำเร็จสวยงาม เพราะเจ้าเครื่องเรือนทั้งหลายนี้ได้เป็นที่สนใจของเหล่าผู้อ่านและแฟนนิยายเรื่องนี้อย่างมากมาย จนมีของที่ระลึกออกมามากมายพอๆ กับตัวพระเอกนางเอกเลยทีเดียว
https://www.thehunt.com/finds/HEjcRf-disney-beauty-and-the-beast-mrs-pot-and-chip-tea-cup-and-sugar-pot-set
นอกจากความน่าสนใจของเครื่องเรือนนี้ที่มีความแตกต่างจากเรื่องอื่นแล้ว เจ้าเครื่องเรือนยังมีความซับซ้อนในตัวเอง เพราะเจ้าเครื่องเรือนเป็นทาสรับใช้ในวังของพระเอก แต่กลับชอบให้ความช่วยเหลือนางเอกทั้งๆ ที่นางเอกมาอยู่กับพระเอกในฐานะเชลย และยังมีความคิดที่แตกต่างจากเจ้านายหรือตัวพระเอกอย่างสิ้นเชิง
7.สร้างความอยากรู้อยากเห็นให้ผู้อ่าน
การสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้กับผู้ดูหรือผู้อ่านนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านเกิดความอยากดูหรืออ่านต่อ
ถ้าในเรื่องนี้ก็คงต้องยกให้เรื่องราวความรักของทั้งคู่ ที่แสนจะน่าติดตาม เพราะความรักระหว่างหญิงสาวชาวบ้านและเจ้าชายอสูรนั้น ในความเป็นจริงมันจะเป็นไปได้อย่างไร และที่สำคัญอสรูนั้นมีนิสัยที่เห็นแก่ตัว และไม่ยอมเปิดใจยอมรับในความดีของนางเอกสักที เห้อ… ธัญญ่าเหนื่อยแทนนางเอกจริงๆ
แถมยังมีมารผจญอย่างตัวละครสุดมาดแมนซึ่งหลงรักนางเอกที่คอยมาขัดขวางอีกด้วย งานนี้ไม่ลุ้นไม่ได้แล้วววววว
นอกจากเรื่องของความรักที่มีความแตกต่างมาขวางกั้นแล้ว ยังมีเรื่องของ “เวลา” ซึ่งเป็นเหมือนขอบเขตของเรื่องนี้ ซึ่งในเรื่องเจ้าชายถูกสาปให้เป็นอสูร แต่คำสาปนั้นจะไม่อยู่ตลอดไป วันใดที่เจ้าชายได้พบรักแท้ร่างอสูรจะหายไปและกลับเป็นเจ้าชายดังเดิม
แต่!!!
เวลาในการค้นหารักแท้นั้นมีจำกัด
วันที่กลีบกุหลาบกลีบสุดท้ายร่วงโรย หากเจ้าชายยังไม่พบรักแท้ เจ้าชายจะกลายเป็นอสูรตลอดกาล ซึ่งในช่วงการดำเนินเรื่องนั้นเป็นช่วงที่กลีบกุหลาบใกล้จะถึงกลีบสุดท้ายแล้ว ทำให้เนื้อเรื่องที่ดำเนินมาค่อนข้างมีเวลาที่จำกัด ส่งผลให้ผู้ดูหรือผู้อ่านคอยลุ้นตามไปด้วยว่าเจ้าชายหรือพระเอกจะเอาชนะใจนางเอกได้สำเร็จหรือไม่
8.เรื่องบังเอิญไม่จำเป็นต้องมีเยอะ
ในนิยายหลายๆ เรื่องนั้นมักจะมีเรื่องบังเอิญเล็กๆ ที่นำไปสู่เนื้อเรื่องหลักที่ยิ่งใหญ่เสมอ ซึ่งเรื่องบังเอิญที่ดีจะต้องมีไม่เยอะจนเกินไป อย่างในเรื่องนี้... เรื่องบังเอิญคือ
พ่อของนางเอกได้บังเอิญพบปราสาทของพระเอก และดันบุกรุกเขาไปในปราสาท จนทำให้พระเอกโกรธ ซึ่งความบังเอิญนี้ทำให้นางเอกและพระเอกได้พบกัน
หลังจากที่พ่อนางเอกโดนจับขังในปราสาท นางเอกจึงออกตามหาและพบในที่สุด
นางเอกได้ต่อรองกับพระเอกว่าขอให้เธอโดนขังในปราสาทนี้แทนพ่อ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องที่พระเอกและนางเอกได้อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาหนึ่ง
ความจริงเรื่องบังเอิญมันมักไม่ค่อยบังเอิญหากเราได้วางพล็อตเรื่องมาเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้ก็ได้มีการปูทางเรื่องความบังเอิญของพ่อนางเอกไว้ระดับหนึ่งด้วย ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงตามไปดูในโรงหนังได้เลยนะจ๊ะ
9.สร้างความประหลาดใจให้ผู้อ่าน
การสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ดูหรือผู้อ่านนั้น ก็คือการสร้างเนื้อเรื่องที่ต่างจากการคาดเดา หรือเรียกง่ายๆ ว่า “การหักมุม”
ซึ่งการสร้างความประหลาดใจที่นอกเหนือการคาดเดาให้กับผู้ดูหรือผู้อ่านนั้น จะทำให้ผู้ดูหรือผู้อ่านเกิดความประทับใจและรู้สึกสนุกสนานไปกับตัวละครหรือเนื้อเรื่อง
ในเรื่องนี้มีจุดหักมุมเด่นๆ คือในฉากท้ายของเรื่อง... พระเอกตาย
แต่พระเอกฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ และได้กลับกลายเป็นเจ้าชายที่หล่อเหลาเหมือนเดิม
อันนี้ไม่ใช่การหักมุมแบบบังเอิญนะจ๊ะ เพราะเนื้อเรื่องในฉากนี้ได้มีการปูทางไว้ตั้งแต่เปิดเรื่องมาแล้ว ถ้ายังไม่ลืมกันล่ะก็ พระเอกเป็นอสูรเพราะโดนคำสาป และหากจะแก้คำสาปได้นั้น "อสูรต้องพบรักแท้" แต่ในฉากนี้นางเอกสุดสวยของเราจะแสดงอย่างไรให้อสรูว่าเธอคือรักแท้ ก็ตามไปดูในหนังเรื่อง Beauty and the Beast ได้เล้ยยยย
.........
ความจริงแล้วการสร้างนิยายจากพล็อตอมตะให้กลายเป็นนิยายอมตะนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องเป็นนักเขียนที่โด่งดังหรือต้องเขียนนิยายที่มีพล็อตแปลกใหม่เสมอไป แต่มันขึ้นอยู่กับว่าเราใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของนิยายที่เราเขียนมากน้อยแค่ไหน
อย่างผู้เขียน Beauty and the Beast ถึงแม้จะดึงพล็อตทั่วไปมาใช้ แต่ได้มีการลำดับและวางโครงเรื่องใหม่ให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น นอกจากจะต้องใช้ประสบการณ์ในเรื่องของการเขียนนิยายเป็นอย่างมากแล้ว ธัญญ่าเชื่อว่าผู้เขียนจะต้องใส่ใจ ใส่ความรัก ใส่ความตั้งใจลงไปในนิยายของตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงทำให้นิยายเรื่อง Beauty and the Beast โด่งดังและเป็นที่จดจำมาจนทุกวันนี้
อยากให้เพื่อนๆ ลองสังเกตดูว่า ไม่ว่าจะนิยายหรือภาพยนตร์เรื่องไหนที่ขึ้นแท่น “เรื่องอมตะ” มันมักจะมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้เขียนนิยายหรือบทประพันธ์ตั้งใจซ่อนไว้เสมอ แล้วลองกลับมาฝึกฝนใส่ใจในนิยายของตัวเอง ธัญญ่าเชื่อว่าหากนิยายเรามีคุณภาพมากพอ การที่นิยายของเราจะกลายเป็นนิยายอมตะอย่างนิยายของนักเขียนหลายๆ ท่านนั้น ไม่ใช่เรื่องยากเลย
แชร์เลย
6.9kอ่านประกาศ 2017-03-23T09:55:46.2730000+00:00ลงประกาศ
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น